วันที่ 13 กรกฎาคม ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้อ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อ.496/2558 ที่อัยการฝ่ายคดีพิเศษ 5 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ อดีตรอง ผบช.น., พ.ต.ท.ศุภกฤช เดือนแจ้งรัมย์ อดีตรอง ผกก.สส.บก.น.1 และ ร.ต.ท.ทวีศักดิ์ โกษยานันท์ อดีตตำรวจสังกัด กก.สส. บก.น.1 เป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันเรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อการกระทำหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่ง ไม่ว่าการนั้นจะเป็นการกระทำที่ชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ และฐานเป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยสุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา ม. 149 และ ม.157
ตามฟ้องอัยการโจทก์ระบุพฤติการณ์สรุปว่า เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม จำเลยทั้งสามร่วมกันวางแผนโดยให้จำเลยที่ 3 เข้าจับกุม นายปพน ดาวเงิน ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ ฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ขณะกำลังร่วมอยู่ในวงลักลอบเล่นพนันกับ นายอำนาจ ศักดิ์แสง, นางวรางรัตน์ สืบนพรัตน์ ผู้เสียหาย และพวกที่ร่วมลักลอบเล่นการพนันอีกหลายคน
โดยจำเลยที่ 3 นำตัว นายปพน, นายอำนาจ และนางวรางรัตน์ ผู้เสียหาย แยกกับพวกที่ลักลอบเล่นการพนัน เดินทางมายังกองบังคับการตำรวจนครบาล 1 (บก.น.1) เพื่อพบกับจำเลยที่ 1-2 โดยได้นัดหมายใน นางสุวรรณี บุรโกเสส เจ้าหนี้การพนันของ นางวรางรัตน์ ผู้เสียหาย มารออยู่ ต่อมาจำเลยที่ 1-2 ได้ร่วมกันเจรจาต่อรองให้ นางวรางค์รัตน์ ผู้เสียหายชำระหนี้การพนันให้ นางสุวรรณี 10 ล้านบาท เพื่อแลกกับการละเว้นไม่ดำเนินการตามกฎหมายกับ นายปพน ซึ่งเป็นผู้มีความสัมพันธ์กับ นางวรางค์รัตน์ ในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาตามหมายจับของศาลจังหวัดเชียงใหม่ โดยจะดำเนินคดีเฉพาะความผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืน ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยหน้าที่ จน นางวรางค์รัตน์ ผู้เสียหายหลงเชื่อตกลงยินยอมจะโอนบ้านที่ อ.ศรีราชา รวมถึงยินยอมเขียนเช็คธนาคาร 2 ฉบับๆ ละ 5 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 10 ล้านบาท พร้อมลงชื่อในหนังสือรับสภาพหนี้มอบให้ นางสุวรรณี เพื่อชดใช้หนี้การพนัน อันได้มาซึ่งทรัพย์สินหรือประโยชน์โดยทุจริต
จากนั้นจำเลยที่ 3 ได้นำตัว นายปพน และ นายอำนาจ ส่งพนักงานสอบสวน สน.ลาดพร้าว ดำเนินคดี พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ และแจ้งให้จัดการ นายปพน ตามหมายจับศาลจังหวัดเชียงใหม่เท่านั้น อันเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ไม่ดำเนินคดีกับ นายปพน , นายอำนาจ และนางวรางค์รัตน์ ผู้เสียหายในข้อหาร่วมกันเล่นการพนันอีกข้อหาหนึ่งโดยมิชอบ
พฤติการณ์ดังกล่าวถือเป็นการร่วมกันปฏิบัติและละเว้นปฏิบัติหน้าที่ กระทำการเรียก รับ ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดฯ เป็นเหตุให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)และนางวรางค์รัตน์ ได้รับความเสียหาย
เหตุเกิดที่แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ และ แขวง-เขตดุสิต กทม. จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
คดีนี้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2559 เห็นว่าโจทก์ไม่มีเอกสารใดที่ระบุข้อความว่าจำเลยที่ 1 ได่มีการต่อรองคดีและจะปล่อยตัวนักพนันคนดังกล่าว เพื่อจะได้มีการชำระหนี้พนันต่อเจ้าหนี้ตามที่ผู้เสียหายอ้าง เเละหากมีการจับกุมนักพนันคนดังกล่าวเพื่อต่อรองให้ผู้เสียหายชำระหนี้พนันจำนวน 10 ล้านบาทคงจะไม่ติดต่อผู้พิพากษาเพื่อขอความชัดเจนเรื่องหมายจับ อีกทั้งการเข้าจับกุมจำเลยก็ได้ข้อมูลจากสายตำรวจเท่านั้นพยานหลักฐานโจทก์จึงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยทั้ง 3 ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น พิพากษายกฟ้อง
อัยการโจทก์ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลลงโทษพวกจำเลยด้วย
ศาลอุทธรณ์ตรวจสำนวนประชุมปรึกษารือกันเเล้วเห็นว่าพยานโจทก์เบิกความโดยมีพฤติกรรมพิรุธ ขัดแย้งกับคำให้การในชั้นจับกุม พยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักน่ารับฟังเป็นเหตุเป็นผล ไม่น่าเชื่อถือ ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องมานั้นชอบแล้ว ศาลอุทธรณ์เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์โจทก์ฟังไม่ขึ้น พิพากษายืน
ภายหลังฟังคำพิพากษา พล.ต.ต.วิชัย ได้เดินทางกลับด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม และขอไม่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในรายละเอียเ ส่วนคดีนี้จะถึงชั้ศาลฎีกาหรือไม่ขึ้นอยู่กับโจทก์ ซึ่งตนได้ให้ทนายความติดตามคดีโดยตลอด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี