มีผลบังคับใช้แล้ว พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ฉบับที่ 4 พ.ศ.2561 หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งมีสาระสำคัญในมาตรา 3ระบุพระราชอำนาจพระมหากษัตริย์ ในการแต่งตั้ง-สถาปนา-ถอดถอนสมณศักดิ์พระภิกษุในคณะสงฆ์และกรรมการ มส. “วิษณุ”เผยวาระเลือกมส.ชึเฝกใ แล้วแต่จะโปรดเกล้าฯลงมา
วันที่ 18 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2561 ในการที่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ทรงมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยคณะสงฆ์ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่รัฐสภา ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระบรมราชโองการ และมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 18 กรกฎาคมเป็นต้นไป
ทั้งนี้ ตอนท้ายของราชกิจจานุเบากษา ระบุเหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้คือ ตามที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยบัญญัติให้พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ และทรงเป็นอัครศาสนูปถัมภก และตามโบราณราชประเพณีที่ได้ปฏิบัติสืบทอดกันมาเป็นเวลาช้านานนั้น พระมหากษัตริย์ทรงอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา รวมทั้งทรงทำนุบำรุงสังฆมณฑลให้เจริญมั่นคงเป็นไปตามแบบแผนอันเรียบร้อยตลอดมา เพื่อให้พระพุทธศาสนารุ่งเรืองถาวรเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชน ซึ่งจะก่อให้เกิดการประพฤติปฏิบัติที่ดีงาม มีความร่มเย็นผาสุกแก่ประชาชนและเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ สมควรบัญญัติกฎหมายให้เป็นการสืบทอดและธำรงรักษาไว้ ซึ่งพระราชอำนาจตามโบราณราชประเพณี จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้
สำหรับพ.ร.บ.ฉบับนี้มีทั้งสิ้น 11 มาตรา สาระสำคัญของกฎหมายคือ มาตรา 3 ที่บัญญัติว่า เพื่อให้การอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา ตลอดจนการดูแลการปกครองคณะสงฆ์เป็นไปเพื่อส่งเสริมการเผยแพร่หลักพระพุทธศาสนาให้เกิดการพัฒนาจิตใจและปัญญา และรักษาพระธรรมวินัยของคณะสงฆ์ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ดีงาม โดยเคร่งครัด เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชนทั่วไป พระมหากษัตริย์จึงทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจในการแต่งตั้ง สถาปนาและถอดถอนสมณะศักดิ์ของพระภิกษุในคณะสงฆ์และแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.)
ขณะที่องค์ประกอบของ มส.ประกอบด้วย สมเด็จพระสังฆราช ซึ่งทรงดำรงตำแหน่งประธานกรรมการโดยตำแหน่ง และกรรมการอื่นอีกไม่เกิน 20 รูป ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้งจากสมเด็จพระราชาคณะ พระราชาคณะ หรือพระภิกษุ ซึ่งมีพรรษาอันสมควรและจริยวัตรในพระธรรมวินัยที่เหมาะสมแก่การปกครองสงฆ์ ซึ่งการแต่งตั้งให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย โดยจะทรงปรึกษาหารือกับสมเด็จพระสังฆราชก่อนก็ได้
สำหรับกรรมการ มส.ซึ่งพระมหากษัตริย์ทรงแต่งตั้ง จะอยู่ในตำแหน่งคราวละ 2 ปี และอาจได้รับการแต่งตั้งอีกก็ได้ ส่วนการพ้นจากตำแหน่ง นอกจากพ้นจากตำแหน่งตามวาระการดำรงตำแหน่งแล้ว ยังพ้นจากตำแหน่งเมื่อมรณภาพ พ้นจากความเป็นพระภิกษุ ลาออก พระมหากษัตริย์มีพระบรมราชโองการให้ออก
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ที่ประชุม สนช.มีมติเอกฉันท์ 217 คะแนน เห็นชอบให้ร่าง พ.ร.บ.คณะสงฆ์ ประกาศใช้เป็นกฎหมาย โดยการพิจารณาของสนช.ไม่มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาพิจารณาเป็นการเฉพาะ แต่พิจารณา 3 วาระรวด ทั้งวาระรับหลักการ การพิจารณาเป็นรายมาตรา และให้ความเห็นชอบไปในคราวเดียวกัน
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการประกาศใช้พ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ มีผลบังคับใช้แล้วต้องมีการเลือกกรรมการ มส.ใหม่หรือไม่ว่า แล้วแต่จะโปรดเกล้าฯเพราะอย่างน้อยขณะนี้ก็หายไปหลายรูป ซึ่งในมาตราสุดท้ายของพ.ร.บ.คณะสงฆ์ฯ ระบุไว้ว่า ให้กรรมการ มส.ที่มีอยู่ในปัจจุบันยังคงดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าแต่งตั้ง ซึ่งขณะนี้มีไม่ครบ 20 คน ตามที่กำหนด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี