เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 26 ก.ค.61 ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.) พล.ต.ท.ชาญเทพ เสสะเวช ผบช.น. , พล.ต.ต.นิตินันท์ เพชรบรม รอง ผบช.น. , พล.ต.ต.ธีระพงษ์ วงษ์รัฐพิทักษ์ ผบก.น.4 , พ.ต.อ.มานพ น่วมลิวงศ์ รอง ผบก.น.4 , พ.ต.อ.อดิศักดิ์ ชูพันธุ์ ผกก.สน.บางชัน , พ.ต.ท. อุตรมาตย์ รอง ผกก.สส.สน.บางชัน , พ.ต.ท.จักริน พิริยะจิตตะ สว.สส.บก.น.4 แถลงจับข่าวกุม นายทองสุข หรือสุข แก้วหาวงษ์ อายุ 44 ปี พร้อมของกลางนาฬิกาข้อมือ สร้อยคอ แหวน พระเครื่อง เครื่องประดับต่างๆ กระเป๋าแบรนด์เนม ธนบัตรเก่าสะสม รวมกว่า 154 รายการ โดยจับกุมได้ที่บ้านเลขที่ 359/7 หมู่บ้านพีเอ็มซี 4 โฮม ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี
พล.ต.ท.ชาญเทพ กล่าวว่า สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 11 มิ.ย. เวลาประมาณ 14.00 น. ได้เกิดเหตุคนร้ายบุกรุกเข้าไปในบ้านของ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อดีต ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ภายในหมู่บ้านสัมมากร รามคำแหง 112 แขวงสะพานสูง เขตสะพานสูง กทม. จากการสืบสวนทราบว่าคนร้าย อายุประมาณ 35-45 ปี สูงประมาณ 170 ซม. สวมเสื้อยืดคอกลม ลายขวางสีน้ำเงิน สวมกางเกงผ้าสีดำ รองเท้าแตะ หลบหนีโดยใช้รถยนต์โตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีบอร์นซ์ทอง หมายเลขทะเบียน ชท 5181 กรุงเทพมหานคร
จากการตรวจสอบเป็นรถของ นายเอนก หรือแดง แก้วสอาด อายุ 73 ปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงติดตามจับกุม ได้บริเวณหน้าร้านอาหารใน ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 11 ก.ค.ที่ผ่านมา พร้อมรถที่ใช้ก่อเหตุ และแหวนนพเก้า 3 วง จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้นำของกลางแหวนนพเก้าให้ พญ.คุณหญิงพรทิพย์ ตรวจสอบและยืนยันว่า เป็นของที่ถูกโจรกรรมไป
จากการสอบสวนนายเอนก ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกับนายสุข (ไม่ทราบชื่อ-นามสกุลจริง) เป็นชาว จ.บุรีรัมย์ ลักทรัพย์ในหมู่บ้านสัมมากรจริง โดยตนขับรถส่งนายสุขก่อเหตุ และขับมารับหลังก่อเหตุเสร็จ ทรัพย์สินที่ได้นำไปแบ่งกัน ที่ห้องเช่าซอยคลองหลวง 13 ต.คลอง 1 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี
ต่อมาชุดสืบสวน สน.บางชัน และ กก.สส.บก.น.4 ร่วมกันนำข้อมูลคดีที่พบการก่อเหตุของคนร้าย ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันมาวิเคราะห์ความเชื่อมโยง จนทราบว่า นายนายทองสุขมีประวัติหลบหนีหมายจับ ข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสถาน 12 หมาย ร่วมกันก่อเหตุกับภรรยา ทราบชื่อ น.ส.พัทธนันท์ อธิชัยจารุพงษ์ อายุ 41 ปี
กระทั่งวันที่ 25 ก.ค. เวลาประมาณ 11.30 น. สามารถจับกุม น.ส.พัทธนันท์ ได้ที่เมืองพัทยา อ.บางละมุง และสามารถจับกุมนายทองสุข ได้ที่บ้านเลขที่ 359/7 หมู่บ้านพีเอ็มซี 4 โฮม ต.หนองปรือ พร้อมของกลาง 154 รายการ
สอบสวนนายทองสุข ให้การรับสารภาพว่า ก่อเหตุลักทรัพย์ในหมู่บ้านสัมมากรมาแล้ว 5 ครั้ง แต่ได้ทรัพย์สินไปเพียง 2 ครั้ง จะเลือกหมู่บ้านเก่าที่ไม่มีผู้อยู่อาศัย และเชื่อว่าเจ้าของบ้านน่าจะมีทรัพย์สินเก็บไว้ โดยชวนคนสนิทขับรถไปส่งในหมู่บ้าน เมื่อก่อเหตุเสร็จจะนำทรัพย์สินมาแบ่งกัน และบางชิ้นจะนำไปมอบให้ น.ส.พัทธนันท์ เพื่อนำไปขายตามร้านต่างๆ โดยทั้งคู่อยู่ระหว่างหลบหนีประกันตัวชั้นศาล ในคดีเกี่ยวกับการลักทรัพย์
จากการตรวจสอบประวัตินายทองสุข มีหมายจับในข้อหาลักทรัพย์ในเคหสถาน ตั้งแต่ปี 2558-2561 จำนวน 12 หมาย ในท้องที่ จ.กรุงเทพฯ จ.สระบุรี จ.ลพบุรี และ จ.เชียงใหม่ เบื้องต้นแจ้งข้อหานายทองสุข และนายอเนก "ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปโดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด เพื่อพาทรัพย์หลบหนี" และแจ้งข้อหา น.ส.พัทธนันท์ "ร่วมกันลักทรัพย์ในเคหสถาน โดยทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองหรือทรัพย์ หรือโดยผ่านสิ่งเช่นว่านั้นเข้าไปด้วยประการใดๆ โดยร่วมกันกระทำความผิดด้วยกันตั้งแต่สองคนขึ้นไป โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำความผิด เพื่อพาทรัพย์หลบหนี หรือรับของโจร” ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.บางชัน ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ด้าน พญ.คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกคน และฝากถึงผู้อยู่อาศัยทุกคน ต้องมีระบบดูแลตนเองให้รัดกุม ไม่เปิดช่องว่างให้โจรมาขึ้นบ้าน ตนไม่ได้ติดกล้องวงจรปิดเข้าใจว่าหมู่บ้านมันดี บทเรียนครั้งนี้ทำให้ตำรวจทำงานยากมาก ภาพวงจรปิดที่ได้ก็ไม่ดี ทำให้ภาพไม่ชัด ส่วนแหวนของกลางที่ได้คืน โชคดีที่มันไม่มีค่ามาก ทำให้เขาไม่นำไปขาย เลยตามตัวผู้ต้องหาได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี