กองปราบจ่อหมายจับอีก6แก๊งโกง‘บิทคอยน์’
ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปราม(บก.ป.) นำกำลังจับกุมตัวนายจิรัชพิสิษฐ์ จารวิจิต หรือบูม นักแสดงจากซีรี่ย์เรื่องหนึ่ง ขณะที่กำลังถ่ายทำละครเรื่องใหม่ เนื่องจากตกเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ในข้อหาร่วมกันฟอกเงิน หลังถูกผู้เสียหายชาวต่างชาติเข้าแจ้งความเอาผิดว่าถูกนายบูมและครอบครัว หลอกลงทุนสกุลเงินดิจิตอล ทำให้เสียหายกว่า 700 ล้านบาท ซึ่งนอกจากนี้ตำรวจกองปราบปรามยังออกหมายจับ นายปริญญา จารวิจิต และ น.ส.สุพิชย์ฌา จารวิจิต พี่ชายและพี่สาวของนายบูม ในข้อหาเดียวกันด้วย ตามที่ได้เคยมีการนำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุด มีรายงานว่าจากการแกะรอยเส้นทางทางการเงินของกลุ่มผู้ต้องหา พบว่า หลังจากมีการรับโอนเงินสกุลบิตคอยน์จากผู้เสียหายแล้ว นายปริญญากับพวกได้มีการทยอยขายเงินอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวออกไป และเมื่อได้เงินมาแล้วได้มีการถอนเงินออกจากกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ไปเข้าบัญชีของธนาคารพาณิชย์ที่เปิดรองรับไว้ ซึ่งพบว่า 1.นายปริญญา จารวิจิต อายุ 35 ปี พี่ชายนายบูม ผู้ต้องหาที่ยังหลบหนี ได้โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 111,938,265 บาท 2.น.ส.สุพิชฌาย์ จารวิจิต อายุ 32 ปี ผู้ต้องหา พี่สาว นายบูม ที่ยังหลบหนี โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 140,184,665 บาท และ 3.นายจิรพัชพิสิษฐ์ โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 21,687,603 บาท
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มผู้เข้าข่ายกระทำความผิดที่ร่วมโอนเงินจำนวนดังกล่าวที่ฉ้อโกงมาได้จากกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์อีก 4 คน ประกอบด้วย 1.นาย ธ. ญาติของ นายจิรพัชพิสิษฐ์ ได้โอนเงินไปเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย จำนวน 3 บัญชี รวมเป็นเงิน 146,309,884 บาท
2.นาย ช. ผู้ใกล้ชิดกับ นายปริญญา โอนเงินไปเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย และบัญชีธนาคารไทยพาณิชย์ รวมเป็นเงิน 162,994,510 บาท
3.นายชัช ได้โอนเงินไปเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย และบัญชีธนาคารกรุงเทพ รวมเป็นเงิน 96,125,883 บาท และ 4. นาย ป. เจ้าพ่อและผู้กว้างขวางของตลาดหลักทรัพย์เมืองไทย ได้โอนเงินไปเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย และบัญชีธนาคารกรุงเทพ รวมเป็นเงิน 66,542,948 บาท
ทั้งนี้ รวมเงินที่โอนจากกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ไปเข้าบัญชีธนาคารพาณิชย์ไทยทั้งหมด 745,783,761 บาท จากจำนวนที่ผู้เสียหายแจ้งความไว้ 797,408,454.33 บาท
รายงานข่าว แจ้งด้วยว่า กลุ่มผู้ที่โอนเงินจำนวน 4 คนข้างต้น กำลังถูกพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินการขออนุมัติศาลอาญาเพื่อออกหมายจับในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ นอกจากนี้ยังมี นาย ณ. ซึ่งเป็นพนักงานระดับบริหารในบริษัทของ นาย ป. และ นายปัณ ที่มีความเกี่ยวพันกับนายปริญญา และ นาย ป. ก็เข้าข่ายที่จะถูกออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกงด้วย แม้ว่าทั้งคู่จะไม่เกี่ยวข้องในเส้นทางการเงินในเบื้องต้น แต่ชุดสืบสวนพบว่ามีการร่วมกันเป็นเครือข่ายในการร่วมกันฉ้อโกงทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อจนโอนเงินมาลงทุนในที่สุด รวมแล้วมีบุคคลที่จะต้องถูกออกหมายจับเพิ่มเติมในคดีฉ้อโกงทรัพย์รวมทั้งสิ้น 6 คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี