วันนี้ (15 ส.ค.) ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการ สนทช.ได้สรุปสถานการณ์น้ำว่า จากพายุโซนร้อน "เบบินคา" คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อไทยตั้งแต่วันที่ 15-19 ส.ค.จะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงดินโคลนถล่มได้โดยเฉพาะ 28 จังหวัดที่ต้องเฝ้าระวัง ภาคเหนือ เชียงราย พะเยา น่าน แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก เพชรบูรณ์ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เลย หนองคาย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร กาฬสินธุ์ มุกดาหาร ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี ภาคกลาง กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ภาคตะวันออก นครนายก ปราจีนบุรี สระแก้ว จันทบุรี ตราด ภาคใต้ ระนอง พังงา
โดยสถานการณ์ลำน้ำ ปัจจุบันมีน้ำล้นตลิ่งบริเวณ แม่น้ำสงคราม จังหวัดบึงกาฬ แม่น้ำชี จังหวัดอุบลราชธานี ลำน้ำอูน และลำน้ำก่ำ จังหวัดสกลนคร แม่น้ำแควน้อย จังหวัดกาญจนบุรี คลองอิปัน แม่น้ำตาปี ท้ายเขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฏร์ธานี ส่วนแม่น้ำโขง บริเวณที่ติดกับประเทศไทยมีระดับน้ำต่ำกว่าตลิ่ง แต่ระดับน้ำมีแนวโน้มสูงขึ้น เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำที่ไหลจากประเทศจีนเพิ่มขึ้น และจากการคาดการณ์ฝนในช่วงวันที่ 15-16 ส.ค. มีปริมาณฝนเพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศ สปป.ลาว และบริเวณจังหวัดชายแดนของประเทศไทย ทั้งนี้อาจส่งผลต่อการไหลของแม่น้ำสงครามลงแม่น้ำโขง
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ส่วนสถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ซึ่งมีอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีระดับเกินเกณฑ์ควบคุม และปริมาณน้ำเกินร้อยละ 80 ของความจุ มีจำนวน 3 แห่ง ดังนี้
1.เขื่อนแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี ปริมาณน้ำ 726 ล้าน ลบ.ม.หรือ 102% มีน้ำไหลเข้าวันละ 14.80 ล้าน ลบ.ม.น้ำระบายออกวันละ 13.80 ล้าน ลบ.ม.น้ำล้นทางระบายน้ำสูง 36 ซม. อาจมีฝนตกมากขึ้นส่งผลให้น้ำในเขื่อนเพิ่มขึ้นในสัปดาห์นี้ ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์ต่อไป ปัจจุบันอำเภอเมืองเพชรบุรีมีระดับน้ำลดลง ต่ำกว่าตลิ่ง 1.05 ม.
2.เขื่อนน้ำอูน จังหวัดสกลนคร มีน้ำ 534 ล้าน ลบ.ม.หรือ 103% มีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่งบริเวณบ้านนาหว้า อำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม บ้านพอกใหญ่ อำเภอพรรณานิคม จังหวัดสกลนคร
3.เขื่อนวชิราลงกรณ จังหวัดกาญจนบุรี มีน้ำ 7,669 ล้าน ลบ.ม. หรือ 87% ปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 100.01 ล้าน ลบ.ม. (เมื่อวาน 71.93) มีปริมาณน้ำไหลออกวันละ 42.05 ล้าน ลบ.ม.
ทั้งนี้ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำในอ่างเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วมี 2 แห่ง คือ
1.เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฏร์ธานี ปริมาณน้ำ 4,889 ล้าน ลบ.ม.หรือ 87% ปริมาณน้ำไหลเข้าวันละ 31.75 มีน้ำไหลออกวันละ 11.24 ล้าน ลบ.ม.โดยมีแผนทยอยระบายน้ำเพิ่มขึ้นจนถึงวันละ 15 ล้าน ลบ.ม.
2.เขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก มีปริมาณน้ำ 183 ล้าน ลบ.ม.หรือ 82% น้ำไหลเข้าวันละ 12.05 น้ำไหลออกวันละ 3.11 ล้าน ลบ.ม.พร้อมเตือนอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำมากกว่า 80% เร่งพร่องน้ำ โดยเฉพาะเขื่อนวชิลาลงกรณ เขื่อนน้ำอูน เขื่อนขุนด่านปราการชล เขื่อนคิรีธาร และเขื่อนแก่งกระจาน อาจจะส่งผลกระทบให้น้ำไหลข้ามทางระบายน้ำล้นของเขื่อนและส่งผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำ ให้เฝ้าระวังและให้ 9 หน่วยงานติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิดปฏิบัติการ 24 ชั่วโมง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี