กฤษฏา เครื่องร้อนดันปลูกข้าวโพด2 ล้านไร่ เลิกทำนาปรังฟันธงกำไรพุ่งไร่ละ 4 พันบาท ดีกว่าทำนาชัวร์ ประกันราคาข้าวโพดสดขั้นต่ำ5 บาทต่อกก.ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำสุด 1% ต่อปี พร้อมมีประกันภัย รัฐช่วยจ่าย 70% ชี้รัฐบาลพักหนี้ ให้ 3 ปี เชียร์ปลูกข้าวโพดได้ไถ่ถอนโฉนดคืน
3 ก.ย.61 ที่จ.อุตรดิตถ์ นายกฤษฏา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้มาเปิดแปลงนำร่องปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ หลังทำนาปี ในพื้นที่เกษตรกรที่เป็นสมาชิกสหกรณ์ ในจ.พิษณุโลก -สุโขทัย กว่า 6 พันไร่ โดยนายกฤษฏา ขึ้นขับรถไถขนาดใหญ่ ยกร่องในแปลงปลูกหยอดเมล็ดข้าวโพด เริ่มฤดูการผลิตใหม่ซึ่งมีเกษตรกรสมัครใจเข้าร่วมโครงการมาต้อนรับจำนวนมากและมีความพอใจที่มีรายได้ดีขึ้นได้ขอบคุณนายกฤษฏา ที่ได้นำโครงการมาเริ่มที่นี้ ต่อจากนั้นไปเยี่ยมชมสหกรณ์การเกษตร เมืองตรอน จำกัด เป็นแหล่งรวบรวมผลผลิต(แก้มลิง)เพิ่มมูลค่าและทำตลาดสร้าความเข้มแข็งเกษตรกร เพื่อปฎิรูปการเกษตรทั้งระบบ
นายกฤษฏา กล่าวว่างบไทยนิยมยั่งยืน วงเงิน 1.1 พันล้านบาท ที่รัฐบาลสนับสนุนสหกรณ์ เป็นกลไกเพิ่มรายได้เกษตรกร เพิ่มช่องทางตลาด ขอให้ช่วยกันดูแลเป็นเงินหลวงทุกบาททุกสตางค์ให้เกิดประโยชน์กับประชาชน และสหกรณ์ต้องเป็นมืออาชีพ เข้าไปเป็นพี่เลี้ยงดูแลตั้งแต่การผลิตจนเก็บเกี่ยว แปรรูปก่อนนำไปขาย เจรจากับเอกชนให้มาซื้อสินค้า เป็นปรับบทบาทจากให้กู้อย่างเดียว เพื่อช่วยให้เกษตรกร กว่า 7 ล้านครัวเรือนลืมตาอ้าปากได้
"พื้นที่เข้าร่วมโครงการ5,000 ไร่ นำร่องจะได้ข้าวโพดประมาณ 7,500 ตัน เกษตรกรจำนวน 430 ครอบครัว กระทรวงเกษตรฯโดยกรมส่งเสริมสหกรณ์รับรองราคารับซื้อที่กิโลกรัมละ 5 บาท เป็นข้าวโพดสด ซึ่งได้ติดต่อผู้รับซื้อโดยตรงต่อจากสหกรณ์คาดว่าจะมีรายได้ไร่ละ 10,000บาทหักทุนแล้วเกษตรกรจะเหลือกำไรไร่ละ4,000 บาทได้รายได้ดีกว่าปลูกข้าวได้ไร่ละประมาณ 2,000บาทเท่านั้น พร้อมกันนี้สหกรณ์ ให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำร้อย1 ต่อปี ไร่ละ 3,000 บาท กันงบไว้ส่วนหนึ่ง สำหรับเป็นค่าประกันภัยผลผลิตด้วย โดยให้ช่วยกันทำให้สำเร็จ จะเตรียมขยายผลพื้นที่ปลูกข้าวโพดอีก 2 ล้านไร่ ชาวนา 4 ล้านครัวเรือน เริ่มเดือนพ.ย.นี้ จะเจรจากับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.)ให้เงินกู้อัตราเดียวกัน และมีระบบประกันภัย โดยรัฐจ่ายค่าเบี้ยประกันให้ 60-70% เกษตรกรจ่ายร้อยละ30 ซี่งเมื่อเกิดภัยพิบัติเกษตรกรได้รับชดเชยคุ้มกับการลงทุน มากว่าเกณฑ์ของกระทรวงการคลัง พร้อมกับทำสัญญาระหว่างกลุ่มเกษตรกรกับเอกชนประกันราคารับซื้อต้องไม่ต่ำ 5 บาทต่อกก.เช่นกัน"รมว.เกษตรฯกล่าว
นายกฤษฏา กล่าวว่านายกรัฐมนตรี เป็นห่วงเกษตรกรชาวไร่ ชาวนามีหนี้สินมากจากข้าวล้นตลาดราคาต่ำ ไม่มีกฎหมายใดมาสั่งให้เลิกปลูกได้ จึงให้ตนกับกระทรวงเกษตรฯ มาดำเนินการปลูกพืช ทำปศุสัตว์ให้เหมาะสมพื้นที่ หาที่ขายรับซื้อชัดเจน ดูแลไม่ให้เกษตรกรถูกเอารัดเอาเปรียบ ในโครงการนี้ให้ทำสัญญาแบบร่วมกลุ่ม รูปแบบสหกรณ์กับเอกชน ที่ต้องดูแลทั้งระบบตั้งแต่เมล็ดพันธุ์ที่ดี มีเครื่องมือเครื่องจักรให้บริการเกษตรกร จนเก็บเกี่ยวขายได้ สหกรณ์มีเจ้าหน้าที่เป็นผู้จัดการฟาร์มเป็นพี่เลี้ยงเกษตรกร จะนำโมเดลนี้ใช้กับพื้นที่อื่นสำเร็จได้ขยายไปทั่วประเทศ ดังนั้นสมาชิกสหกรณ์ต้องช่วยกันดูแลอย่าให้มีกรรมการคดในข้องอในกระดูกมีตัวอย่างให้เห็นสหกรณ์หลายแห่งกู้วนกันไปจนจะล้ม
"ขอให้มีความซื่อสัตย์สุจริต มีเงินทุนดอกเบี้ยต่ำร้อยละ1 มีเครื่องมือเครื่องจักรกลไปบริการทำให้ด้วย และมีประกันภัยพืชผล ให้บริษัทประกันมาจ่ายชดเชย ถ้าได้ผลสำเร็จจะใช้ระบบนี้ดูแลเกษตรกร 24 ล้านครัวเรือน ทั่วประเทศต้องมีระบบประกันภัยพืชผลทุกชนิด ดังนั้นเกษตรกรต้องขึ้นทะเบียนเกษตรกรทุกครัวเรือน ที่ธกส.หรือสำนักงานเกษตร ทุกพื้นที่ ใส่เพิ่มข้อมูลที่ดินที่นา ทำปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ประมง เพราะต่อไปจะใช้ดาวเทียมดู ถ้าสำรวจด้วยตาเปล่าอาจจะโกงกันมีใต้โต๊ะ ท่นนนายกฯต้องการให้เกษตรกรมีรายได้มั่นคง และมีระบบดูแลคุ้มครองการประกอบอาชีพ รวมทั้งพักชำระหนี้ 3 ปี ดอกเบี้ยหยุดไว้ มาเข้าโครงการ จะได้เงินไปไถ่โฉนดคืนมาได้ จากนี้จะมีแผนการผลิตของประเทศ โดยทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงการต่างประเทศ ทำนายความต้องการสินค้าเกษตรล่วงหน้า 1 ปี ทั้งในประเทศและต่างประเทศ "นายกฤษฏา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี