นับตั้งแต่ปี 2534 เป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน ประเทศไทยได้ก้าวขึ้นเป็นผู้ผลิตและส่งออกยางพาราเป็นอันดับ 1 ของโลก จากการสำรวจเมื่อปี 2537 พบว่า มีพื้นที่ปลูกยางพาราประมาณ 11.9 ล้านไร่ ผลิตยางได้ 1.72 ล้านตัน สามารถส่งออกขายยัง
ต่างประเทศได้ถึง 1.6 ล้านตัน คิดเป็นมูลค่า 41,352 ล้านบาท ดังนั้น ยางพาราจึงเป็นพืชที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจ สามารถนำรายได้เข้าสู่ประเทศได้มากพืชหนึ่งน้ำยางข้นส่วนหนึ่งจะถูกส่งออกสู่ตลาดต่างประเทศ ส่วนที่เหลือจะถูกนำไปใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมถุงมือยาง ถุงยางอนามัย และยางรถยนต์ เป็นต้น ถึงแม้ว่ายางธรรมชาติจะมีความยืดหยุ่นสูง (Elasticity) การเหนียวติดกัน(Tack) อย่างไรก็ตาม ยางดิบตามลำพังจะมีขีดจำกัดในการใช้งาน เนื่องจากมีสมบัติเชิงกลต่ำ และลักษณะทางกายภาพจะไม่เสถียรขึ้นอยู่กับการเปลี่ยนแปลงแปลงอุณหภูมิมาก กล่าวคือยางจะอ่อนเยิ้มและเหนียวเหนอะหนะเมื่อร้อน แต่จะแข็งเปราะเมื่ออุณหภูมิต่ำ ด้วยเหตุนี้การใช้ประโยชน์จากยางจำเป็นต้องมีการผสมยางกับสารเคมีต่างๆ เช่น กำมะถัน ผงเขม่าดำ และสารตัวเร่งต่างๆ เป็นต้น หลังจากการบดผสมยางผสมหรือยางคอมพาวด์ (Rubbercompound) ที่ได้จะถูกนำไปขึ้นรูปในแม่พิมพ์ภายใต้ความร้อนและความดัน กระบวนการนี้เรียกว่าวัลคาไนเซชัน (Vulcanization) ยางที่ผ่านการขึ้นรูปนี้ เราเรียกว่า “ยางสุกหรือยางคงรูป” (Vulcanizate) ซึ่งสมบัติของยางคงรูปที่ได้นี้จะเสถียร ไม่เปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิมากนัก และมีสมบัติเชิงกลดีขึ้น
ในกระบวนการวัลคาไนซ์เซชั่น จำเป็นจะต้องใช้สารเคมีชนิดหนึ่งคือสารต้านอนุมูลอิสระเพื่อการป้องกันการเสื่อมสภาพ จึงเป็นสิ่งที่จำเป็นเพื่อยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ตัวอย่างของสารในกลุ่มป้องกันยางเสื่อมสภาพ ได้แก่ IPPD (N-Isopropyl-N’-phenyl-p-phenylene diamine) TMQ (2,2,4-Trimethyl-1,2-dihydroquinoline, polymerized) และ BHT (2,6-Di-tert.Butyl (-p-cresol)) เป็นต้น การนำเข้าสารเคมีจากต่างประเทศส่งผลให้ราคาต้นทุนในอุตสาหกรรมยางสูง
เพื่อให้อุตสาหกรรมยางธรรมชาติของประเทศไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ รศ.ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ รองศาสตราจารย์สาขาเคมีอินทรีย์ ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เปิดเผยการใช้สารสกัดจากวัตถุดิบธรรมชาติ แทนนิน ในกลุ่ม ลิกนิน จาก กากปาล์มน้ำมันที่เหลือจากขั้นตอนการบีบน้ำมันปาล์มในโรงงานอุตสาหกรรม และน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม โดยใช้เทคโนโลยีที่ห้องวิจัยของรศ.ดร.วีรชัย ได้พัฒนาขึ้นคือ การจับก้อนด้วยไฟฟ้า (Electrocoagulation) ซึ่งเป็นการประยุกต์ใช้เทคนิคอิเล็กทรอเคมิคัล (Electrochemical) ในการขจัดอนุภาคของสารละลายหลายอย่างที่ไม่ต้องการใช้แล้วรวมทั้งสารแขวนลอย ซึ่งเป็นการขจัดออกโดยวิธีอิเล็กทรอไลซีส (Electrolysis) ตัวอย่างเช่น ขจัดสารแขวนลอยและสารคอลลอยด์ (Removes suspended and colloidal solids) ขจัดอิมัลชั่นระหว่างน้ำมันกับน้ำ (Breaks oil emulsions in water) ขจัดไขมัน น้ำมัน และไขมันสัตว์ (Removes fats, oil, and grease) ขจัดสารประกอบอินทรีย์ (Removes complex organics) เป็นต้น
ผลงานวิจัยได้แทนนิน กลุ่ม ลิกนิน ในปริมาณ 28.33 เปอร์เซ็นต์ จากของเสียในอุตสาหกรรมปาล์ม การวิจัยนี้ได้นำสาร “แทนนิน” ซึ่งมีสมบัติต้านอนุมูลอิระที่เป็นสาเหตุของการเสื่อมสภาพของยาง มาเตรียมยางวัลคาไนซ์เซชั่น และทำการศึกษาสมบัติของยางที่เตรียมได้เทียบกับยางที่เตรียมจากสารต้านการเสื่อมสภาพยางของต่างประเทศพบว่ามีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระดีเมื่อทดสอบด้วยวิธี DPPH และ ABTS เทียบเท่าสารจากต่างประเทศ แต่ต้นทุนถูกกว่า สมบัติเชิงกลของยาง ที่ผสมกับสารแทนนินเปรียบเทียบกับยางที่ผสมกับสารต้านการเสื่อมสภาพต่างประเทศ พบว่ามีคุณสมบัติใกล้เคียงกัน ไม่ว่าจะเป็น ผลของ Swelling ratio ค่าความถ่วงจำเพาะพีคในอินฟราเรดสเปกโทรสโคปีตรงกัน ค่าโมดูลัส ผลของการทดสอบ Thermal degradation ใกล้เคียงกัน ส่วนสารตกค้างในยางขึ้นรูปทั้งสองชนิดมี Ester, Carboxylic acid และ Hydrocarbon เป็นองค์ประกอบเหมือนกัน แต่จะต่างกันตรงส่วนของยางที่ใช้สารต้านการเสื่อมสภาพจากต่างประเทศ จะมี Phthalic acid, 3-nitro และ Sulfur โดยที่สารที่ตกค้างในยางขึ้นรูปส่วนมากจะทำให้เกิดการระคายเคืองพิษ
นี่เป็นผลงานนวัตกรรมใหม่ โดยสารสกัดจากกากปาล์ม วัตถุดิบธรรมชาติเหลือใช้ ซึ่งมีผลเพิ่มสมบัติเชิงกลที่ดีของผลิตภัณฑ์ยางแต่ไม่ส่งผลความเป็นพิษต่อมนุษย์ ที่สำคัญราคาถูกกว่าสารเคมีต่างประเทศ เป็นการเพิ่มมูลค่าของเหลือทิ้งทางการเกษตร โดยผลงานวิจัยส่วนวิชาการเชิงลึก ได้ตีพิมพ์ทฤษฎีในวารสารวิชาการระดับนานาชาติ และเครื่องมือการทดลองบางส่วน เช่น เครื่องกรองตะกอนอะลูมิเนียมไฮดรอกไซด์ด้วยแรงดันสูง จากขั้นตอนตกตะกอนด้วยไฟฟ้า ได้จดอนุสิทธิบัตรในประเทศ (เลขที่คำขอ : 1003000036) ผู้สนับสนุนทุนวิจัยคือ โครงการ วิจัย แห่ง ชาติ : ยางพารา –สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย ผู้สนใจติดต่อคณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ โทร.0-3428-1105 ถึง 7 โทรสาร 0-3428-1057
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี