ผู้คนพากันหวั่นวิตกว่า น้ำจะท่วมเหมือนปี 2554ไหม
ฟันธงว่า ยากจะเกิดอย่างนั้น ด้วยเหตุผลหลายประการ
หนึ่ง หน้าฝนที่ผ่านมา ฝนน้อยเหลือเกินจนเก็บน้ำในอ่างขนาดใหญ่ได้กะพร่องกะแพร่ง ดังนั้นตอนนี้สมมุติว่า ตกมากและตกเหนืออ่างก็ยังรองรับได้อีกมหาศาล
สอง ฝนเดือนกันยายนเป็นฝนจากฤดูฝน ปกติเป็นเดือนตกมากที่สุดอยู่แล้วก่อนคลายตัวเข้าสู่ฤดูหนาว หรือฤดูแล้งช่วงปลายปีนี้จนต้นปีหน้า ตกตรงไหนมากหน่อย อาจท่วมบ้าง แต่ไม่ถึงกับเป็นพื้นที่กว้างขวางอย่างปี 2554 และหากท่วมก็เป็นช่วงสั้น
สาม ประเด็นของฝนน่าจะมาจากพายุจรคือบรรดาไต้ฝุ่น ซึ่งเรียกตามระดับความรุนแรงเป็นไต้ฝุ่นบ้าง ดีเปรสชั่นบ้าง ซึ่งมีฤทธิ์แรงกว่าลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ซึ่งเป็นลมตามฤดูกาลหรือลมประจำ ปีนี้คาดว่าจะมีจำนวนพายุน้อยกว่าปกติที่ 2-3 ลูก/ปี
พิจารณาจากประเด็นข้างต้น น่าจะเบาใจได้ว่า น้ำท่วมไม่น่ากลัว
ที่น่ากลัวกลับเป็นเรื่องแล้งมากกว่า เพราะตัวเลขปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศอยู่ในเกณฑ์ต่ำกว่าปกติ
อ่างเก็บน้ำก็เหมือนตุ่มน้ำรอฝนที่เก็บน้ำฝนเอาไว้ใช้ในหน้าแล้ง ตามบ้านเรือนก็ใช้เป็นน้ำกิน น้ำใช้ แต่อ่างเก็บน้ำใช้สารพัดอย่างมากกว่า นอกเหนือจากน้ำอุปโภคบริโภคที่เอามาทำน้ำประปาแล้ว ยังเป็นน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เอาไว้ไล่น้ำเค็ม น้ำเน่าเสีย และน้ำเพื่อการเกษตร ซึ่งประการหลังสุดใช้ในสัดส่วนที่สูงมากถึง 70% ทีเดียว
ปีนี้บรรดาตุ่มน้ำขนาดยักษ์ใหญ่ค่อนข้างจะมีน้ำน้อย เฉพาะตุ่มยักษ์อย่างอ่างเก็บน้ำภูมิพลและสิริกิติ์ที่เป็นหัวใจของการเกษตรในที่ราบลุ่มเจ้าพระยา น้อยจนน่าใจหาย และจะนำมาใช้อย่างกระเบียดกระเสียรในหน้าแล้งที่จะถึง
ปกติพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา เกษตรกรส่วนใหญ่ทำนาปรัง ยิ่งราคาข้าวดีอย่างนี้น่าจะทำกันมาก จากปกติ 7 ล้านไร่ ก็อาจบานปลายเป็น 10 ล้านไร่ แต่อนิจจาในเมื่อน้ำต้นทุนน้อยอย่างนี้ จะเอาน้ำที่ไหนส่งให้ชาวนาทำนาได้เล่า
คุณเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทาน ให้สัมภาษณ์นักข่าวว่า ปริมาณน้ำต้นทุนอาจทำนาปรังได้แค่ 2-3 ล้านไร่เท่านั้น
ดูอนาคตไม่ไกลจากนี้แล้ว ชาวนายังคงทำนาปรังแบบตายเอาดาบหน้า น้ำต้นทุนน้อยก็ยังหวังจะมีฝนฟ้าโปรยปรายลงมาช่วยบ้าง แต่เป็นเรื่องยาก ลงว่าเป็นฤดูหนาวหรือฤดูแล้ง มันก็แล้งและหนาวสมชื่อ ครั้นไปขอนักการเมืองไปบีบให้ปล่อยน้ำ คนถูกบีบคงหน้าเขียวเพราะทำให้ไม่ได้ เพราะไม่ใช่เทวดาเสกน้ำได้หรือเป็นพญานาคพ่นน้ำก็เปล่า
เรื่องแล้ง ยังไม่ได้ถามคุณปลอดประสพ สุรัสวดี ประธานคณะกรรมการบริหารน้ำและอุทกภัย (กบอ.) ว่า กรรมที่ท่านกระทำมาเมื่อปี 2555 โดยการพร่องน้ำจนเหลือไม่ถึงครึ่งของอ่างเก็บน้ำที่มีน้ำเต็มนั้น ท่านจะว่ากันประการใด จะแก้ไขอย่างไร
เมื่อกบอ.ไม่ได้เรื่องอย่างนี้แต่ต้น ก็ป่วยการที่จะหวังพึ่งกบอ.ในอนาคต โดยเฉพาะโครงการบริหารจัดการน้ำ 3.5 แสนล้านบาท ไปๆ มาๆ ณ ขณะนี้คุณปลอดประสพก็เอาผลศึกษาของกรมชลประทานเหมือนเอาไปเร่ขายให้เค วอเตอร์ แห่งเกาหลีใต้ ไปแล้ว
เที่ยวให้สัมภาษณ์บอกชาวบ้านว่า จะขุดคลองสายใหม่จากบางบาลลงมา มีทั้งเรือผ่านได้ มีถนนคู่ขนานคลองและฯลฯ
พุทโธ่เอ๋ย งานคนอื่นศึกษาเอาไปให้เอกชนเกาหลียำและสร้างนั้น น่าภูมิใจอะไรนักหนา
วิชชา ชาญเขตร
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี