จังหวัดสงขลานั้น มีปัญหาเช่นเดียวกับจังหวัดที่เป็นเมืองเศรษฐกิจอื่นๆ ในประเทศไทย นั่นคือปัญหาการจราจรติดขัด เนื่องจากความเติบโตของตัวเมือง ในขณะที่ประชากรเพิ่ม รถยนต์ ยานพาหนะเพิ่ม แต่ถนนหนทางมีเท่าเดิม โดยเฉพาะ จ.สงขลา เป็นเมือง “หน้าด่าน” ที่ติดกับประเทศเพื่อน คือ ประเทศมาเลเซีย และมีปริมาณสินค้าส่งออก ทางด่านชายแดน อ.สะเดา จ.สงขลา ที่มีมูลค่ามากที่สุดในประเทศไทย และมีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางเข้าสู่ประเทศไทยทางด่านตรวจคนเข้าเมือง เป็นอันดับ 1 ของประเทศ
แต่...ปัจจุบัน ถนนกาญจนวนิช ซึ่งเป็นถนนสายเอเชีย ที่เริ่มต้นตั้งแต่เขตเทศบาลนครสงขลา จนถึง ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ระยะทางเกือบ 100 กิโลเมตร ซึ่งในอดีตใช้เวลาในการสัญจร ไม่เกิน 1 ชั่วโมง มาถึง ณ วันนี้ ต้องใช้เวลาในการเดินทางถึง 2 ชั่วโมง และอาจจะถึง 3 ชั่วโมง ในช่วงของเวลาเร่งด่วน โดยเฉพาะในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ นั่น การจราจรในชั่วโมงเร่งด่วน กำลังจะเป็นเช่นเดียวกับการจราจรใน กรุงเทพมหานคร
ปัญหาการใช้ถนนร่วมกันระหว่างรถ 10 ล้อ 18 ล้อ และ 22 ล้อ หรือ รถเทลเลอร์ ซึ่งใช้บรรทุกสินค้า บรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ บนถนนกาญจนวนิช ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง ที่ทำให้การใช้รถใช้ถนนเป็นไปด้วยความล่าช้า โดยเฉพาะอีก 2 ปี ข้างหน้า ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน จำนวนยานพาหนะ ที่ต้องผ่าน เข้า-ออก บนถนนสายนี้จะต้องเพิ่มจำนวนมากขึ้น ในขณะที่ จังหวัด และกระทรวงคมนาคม ยังไม่มีแผนการ ไม่มีนโยบายในการแก้ปัญหา จราจรติดขัด อย่างชัดเจน ไม่มีการ ขยายถนน และไม่มีแผนในการสร้าง “มอเตอร์เวย์” ตามที่ภาคเอกชนได้นำเสนอมาอย่างต่อเนื่อง
แต่...ล่าสุด สำนักงานนโยบายและแผน การขนส่งและการจราจร กระทรวงคมนาคม ( สนง ) ได้ผ่านความเห็นชอบ ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย ปรับปรุงเส้นทางการเดินรถไฟ สายหาดใหญ่-สงขลา ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่ออำนวยความสะดวกในการคมนาคม และเป็นการแก้ปัญหาจราจรติดขัด ซึ่งเป็นไปตามแผนเชื่อมโยงระบบขนส่งมวลชนของรถไฟชานเมือง ที่เชื่อมโยงระหว่างเมืองหาดใหญ่และสงขลา ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนที่เหมาะสมที่สุด
สำหรับเส้นทางรถไฟสายหาดใหญ่-สงขลา เปิดเดินรถเมื่อวันที่ 1 มกราคม 2456 ตรงกับรัชกาลที่ 6 มีความยาวของเส้นทาง 29.087 กิโลเมตร มีสถานีหยุดรถจำนวน 12 สถานีและต่อมาการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้หยุดเดินรถเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2521 จนถึงปัจจุบัน แต่ยังคงสภาพรางรถไฟ เอาไว้คงเดิม ส่วนที่ทำการสถานีรถไฟสงขลา ได้ขึ้นทะเบียนเป็นอาคารอนุรักษ์เอาไว้
เส้นทางเดินรถไฟสายหาดใหญ่-สงขลา ในอดีตนั้น มีสถานีจอดรับ-ส่ง ผู้โดยสารจำนวน 12 สถานี คือ สถานีหาดใหญ่ สถานีตลาดเทศบาล สถานีคลองแห สถานีคลองเปล สถานีเกาะหมี สถานีตลาดน้ำน้อย สถานีกลางนา สถานีพะวง สถานีน้ำกระจาย สถานีบางดาน สถานีวัดอุทัย และสถานีสงขลา ส่วนการเปิดเดินรถครั้งใหม่ จะมีการแวะรับ-ส่ง ผู้โดยสารกี่สถานีนั้น อยู่ที่การสำรวจเส้นทาง และความเป็นจริงของปัจจุบัน ซึ่งอาจจะต่างกับในอดีตที่ผ่านมา
ในอดีตรถไฟขบวนหาดใหญ่-สงขลานั้น เป็นรถไฟแบบ “หวานเย็น” คือขบวนการรถธรรมดา เคยเก็บค่าโดยสารที่ 2 บาท แต่ในการปรับปรุงเส้นทางเพื่อเดินรถครั้งใหม่นี้คณะกรรมการเดินรถ ได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า รูปแบบที่เหมาะสมกับเส้นทางสายหาดใหญ่-สงขลา คือ ระบบรถไฟดีเซลราง เพราะเหมาะสมกับระยะทางที่สั้น และการลงทุนที่ไม่สูงมาก
แต่...การรื้อฟื้น เส้นทางรถไฟสายหาดใหญ่-สงขลา เพื่อทำการเดินรถอีกครั้งของการรถไฟแห่งประเทศไทย คงจะทำได้ไม่ง่ายนัก รวมทั้งอาจจะต้องใช้เวลาที่ยาวนาน เนื่องจากตั้งแต่ปี 2521 เป็นต้นมา ซึ่งการรถไฟฯได้หยุดเดินรถไปแล้วนั้น สองข้างทางของริมทางรถไฟ ได้ถูกประชาชน และ “นายทุน” บุกรุกเข้ายึดครอง นับแต่สถานีหาดใหญ่ จนถึงสถานีสงขลา ไม่มีพื้นที่ “ว่าง” เหลืออยู่แม้แต่ตารางเมตรเดียว มีการสร้างบ้านเรือน สร้างบริษัท ห้างร้าน และทำการเกษตร และในบางช่วงบางตอน มีการปลูกสิ่งปลูกสร้างบนรางรถไฟก็มี ซึ่งจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีตัวเลขที่ชัดเจนว่า มีจำนวนผู้บุกรุก เท่าไหร่ และที่มีการเช่าพื้นที่จากการรถไฟมีจำนวนเท่าไหร่
ดังนั้น จึงเชื่อว่า ด่านแรก ของปัญหาการปรับปรุงเส้นทางรถไฟสายหาดใหญ่-สงขลา ที่เป็น “ด่านหิน” คือการที่เจ้าหน้าที่จะต้องเผชิญกับการต่อต้านของผู้บุกรุก ที่อ้างถึงความยากจน การไร้ที่อยู่อาศัย เพื่อให้เจ้าหน้าที่จ่ายเงินชดเชย หรือหาที่อยู่อาศัยเป็นการทดแทน รวมทั้งรัฐต้องจ่ายชดเชยให้กับกลุ่มผู้ที่เช่าที่รถไฟอย่างถูกต้อง ซึ่งหากเปิดเดินรถครั้งใหม่ จะกลายเป็นการกีดขวาง การเดินรถไปในที่สุด
แต่...อย่างไรก็ตาม การที่สำนักงานนโยบายและแผน การขนส่ง และการจราจร ได้ “ปัดฝุ่น” เส้นทางรถไฟสายหาดใหญ่-สงขลา ขึ้นมาเดินรถใหม่อีกครั้ง ในครั้งนี้ อย่างน้อยที่สุด ประโยชน์ที่ได้รับ คือการทำให้มีเครือข่ายเชื่อมโยงของระบบขนส่งมวลชน ระหว่างตัวเมือง ซึ่งเป็นการแก้ปัญหาจราจร ติดขัดที่ตรงจุด เป็นการ “เอื้อ” ประโยชน์ให้กับประชาชน ผู้หาเช้า กินค่ำ นักเรียน นักศึกษา ได้มี “ทางเลือก” ในการเดินทาง และสามารถ ประหยัด รายจ่ายในการเดินทาง และในอนาคต อาจจะเชื่อมโยงกับการขนส่งสินค้ากับท่าเรือน้ำลึกสงขลา และอาจจะเป็นประโยชน์กับการท่องเที่ยว ของจังหวัดสงขลาอีกช่องทางหนึ่ง
ปรีชา สถิตย์เรืองศักดิ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี