ทหารโต้ทำร้ายร่างกาย
แดงกริชสุดา
ก่อนหนีกบดานตปท.
เชื่อมุ่งดิสเครติดจนท.
กลัวคำให้การซัดทอด
นำผลร้ายมาถึงตัวเอง
หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม เว็บไซต์ประชาไท (ภาคภาษาอังกฤษ)เผยแพร่รายงานว่า น.ส.กริชสุดา คุณะเสน หรือสหายสุดซอย หรือเปิ้ล นักกิจกรรมกลุ่มคนเสื้อแดงซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ทหารคุมตัวกว่า 20วัน ได้ออกจากประเทศไทยและขณะนี้กำลังมองหาสถานที่ลี้ภัยทางการเมืองในทวีปยุโรป น.ส.กริชสุดา ยืนยันกับเว็บไซต์ประชาไทว่าขณะนี้กำลังพำนักอยู่ในทวีปยุโรป และวางแผนที่จะใช้สถานะผู้ลี้ภัยในทวีปยุโรป โดยได้รับการช่วยเหลือจากองค์กรเสรีไทยเพื่อสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย ซึ่งมี นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ เป็นเลขาธิการ และกลุ่มต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่หลบหนีอยู่ในต่างประเทศ
ล่าสุด ช่วงเช้าวันที่ 3สิงหาคม เฟซบุ๊กบีบีซีไทย - BBC Thai ได้แพร่ข่าวว่า “กริชสุดา” ขอลี้ภัยในยุโรป ให้ข้อมูลยูเอ็นและนิรโทษกรรมสากล โดยมีเนื้อหาระบุว่า น.ส.กริชสุดาเปิดเผยว่า ก่อนหน้าที่ตนออกมากล่าวถึงเรื่องระหว่าง 20 กว่าวันที่ถูกควบคุมตัวนั้นตนเองอยู่สุขสบายนั้นไม่เป็นความจริง เพราะถูกทหารบังคับให้พูด นอกจากนี้ยังกล่าวอ้างกับบีบีซีไทยด้วยว่า ระหว่างถูกควบคุมตัวถูกทำร้ายร่างกาย ทรมานและละเมิดสิทธิมนุษยชนอีกด้วย
“บีบีซีไทยได้พูดคุยกับ น.ส.กริชสุดาเพิ่มเติม ได้รับการบอกเล่าว่า ระหว่างที่ถูกคุมตัว ทหารมัดมือ ใช้ผ้าปิดตาและใช้สกอตเทปพันทับตลอดเวลาเจ็ดวันแรกของการควบคุม และถูกทำร้ายตั้งแต่วันแรก เจ้าหน้าที่ได้เข้าซักถามเรื่องการทำงานของ น.ส.กริชสุดาที่เป็นเจ้าหน้าที่มูลนิธิฟ้าสีทองและช่วยเหลือนักโทษที่เป็นกลุ่มคนเสื้อแดง ในระหว่างการซักถามถูกทำร้ายร่างกายเช่นแตะและต่อยไปด้วย รวมทั้งถูกทรมานด้วยการใช้ถุงคลุมศีรษะไม่ให้มีอากาศหายใจ แล้วถูกนำตัวใส่ถุงผ้าห่อในลักษณะเหมือนห่อศพ ซึ่งทำให้หมดสติ แต่เจ้าหน้าที่ได้ใช้น้ำสาดเพื่อให้ฟื้นขึ้นมาตอบคำถาม น.ส.กริชสุดาบอกว่า เนื่องจากถูกมัดมือตลอดเวลา ทุกครั้งที่จะอาบน้ำจะมีผู้เปลื้องผ้าอาบน้ำให้ ถอดกางเกงให้หากต้องการขับถ่าย” บีบีซีไทยรายงาน
ทั้งนี้ น.ส.กริชสุดา เปิดเผยด้วยว่า ตนเดินทางออกจากประเทศไทยทันทีในวันรุ่งขึ้นหลังจากถูกปล่อยตัว โดยประสานกับองค์กรนิรโทษกรรมสากล และองค์การสหประชาชาติเพื่อขอลี้ภัยในประเทศในแถบยุโรป และตนไม่ขอกลับเมืองไทยอีกแล้ว โดยต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่
วันเดียวกัน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกและคณะรักษาความสงบแห่งชาติหรือคสช. กล่าวถึง กรณีการออกมาให้ข้อมูลของ น.ส.กริชสุดา ว่า การดำเนินการต่อ น.ส.กริชสุดา เริ่มมาจากต้องสงสัยว่าอาจเกี่ยวพันในคดีทางอาญาหลายคดี จึงเชื่อว่าเจ้าตัวคงมีความกังวลอยู่พอสมควรถึงผลพวงต่างๆ ที่อาจตามมาได้ ทั้งจากเรื่องคดีความและจากผู้เสียประโยชน์จากการให้ข้อมูล ซึ่งไม่เหมือนกับอีกหลายๆคนที่เคยถูกเชิญมารายงานตัวด้วยเหตุผลที่ต่างจากกรณีนี้ ซึ่งที่ผ่านมาในการสอบสวน น.ส.กริชสุดาฯ มักได้ความร่วมมือเป็นอย่างดีและข้อมูลที่ได้เป็นประโยชน์อย่างมากกับทางเจ้าหน้าที่ ถึงขั้นเจ้าตัวรู้สึกและกังวลในเรื่องความปลอดภัยเป็นอย่างมาก จึงอยากขออยู่เงียบๆ ไม่ต้องการเปิดเผยตัวตนให้มากที่สุดและร้องขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยดูแล ซึ่งก็ได้ดำเนินการให้ตามความเหมาะสม
จนกระทั่งเคยมีข่าวลือว่า เสียชีวิตหลังถูกควบคุมตัว ทางเจ้าหน้าที่จึงจัดให้มีการให้สัมภาษณ์แสดงตนต่อสาธารณะ สิ่งสังเกตกริยาอาการรอยยิ้มที่แสดงออกมา ก็แสดงให้เห็นชัดว่าเป็นไปโดยธรรมชาติปกติ แววตาใบหน้าก็ดูเปล่งปลั่ง ไม่เหมือนเป็นการเสแสร้งในลักษณะที่แสดงออกในลักษณะถูกบังคับได้อย่างที่กล่าวอ้าง ยืนยันได้ว่าตลอดระยะเวลาเจ้าหน้าที่ให้การดูแลเป็นอย่างดีไม่เคยปฏิบัติเหมือนเป็นผู้ที่กระทำความผิด หรืออย่างที่มีการกล่าวอ้างอย่างแน่นอน
จึงค่อนข้างแปลกใจกับการมาให้ข้อมูลของคุณกริชสุดาในครั้งนี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังมีข้อสงสัยหลายประการ ส่วนหนึ่งเป็นไปได้ที่จะพยายามใช้เงื่อนไขเดิมๆให้มองว่าเป็นการละเมิด เพื่อดึงให้บางองค์กรฯที่มีความสนใจเรื่องนี้และเข้ามาสนับสนุน เพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของเจ้าหน้าที่ โดยการให้ข้อมูลที่บิดเบือนและไม่เป็นความจริง กล่าวอ้างโดยปราศจากหลักฐานข้อพิสูจน์
เป็นไปได้ว่าอาจไม่มั่นใจผลลัพธ์ในทางคดีต่างๆที่อาจตามมา ที่ น.ส.กริชสุดาฯ เข้าไปมีส่วนสนับสนุนพัวพันอยู่หลายคดี ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะได้ให้คำมั่นไว้แล้ว ด้วยเพราะขณะนี้คดีต่างๆ มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก โดย น.ส.กริชสุดา คงอาจประเมินดูแล้ว พบความเสี่ยงว่าอาจได้รับผลกระทบในทางคดีแน่นอน หรือไม่ก็ได้รับอันตรายจากผู้เสียผลประโยชน์จากคำให้การต่างๆ ของตนที่ให้ไว้กับเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นไปได้เมื่อได้กลับไปปรึกษาพบปะกับคนรอบข้างกลุ่มเดิมที่หลบอยู่ในต่างประเทศ จึงอาจมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป
ขอยีนยันว่าการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ที่ผ่านมาได้เคารพต่อสิทธิมนุษยชนมาตลอด การปฏิบัติใดๆ มีหลักการและเหตุผลรองรับทุกประการ การควบคุมดูแลบุคคลหนึ่งบุคคลใด เป็นไปด้วยความสุภาพเรียบร้อย และไม่มีเหตุผลที่จะต้องไปดำเนินการอะไรที่ขัดต่อความรู้สึกของสังคมอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ละเอียดอ่อน และสถานการณ์ที่สังคมให้ความสนใจอยู่ในขณะนี้
ส่วนที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค1 (บช.ภ.1) พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง รอง ผบ.ตร.แถลงข่าวจับกุมอาวุธสงครามประกอบด้วย อาวุธปืนอาก้าแบบพับฐาน 1กระบอก แม็กกาซีนปืนเอ็ม 16 จำนวน 3ซองและเสื้อยืดแขนสั้น จำนวน 2ตัว ภายหลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ท่าหิน จ.ลพบุรี นำโดย พ.ต.ท.ฉันท วิชัยปะ สว.สส.สภ.ท่าหิน ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่าพบอาวุธสงครามถูกซุกซ่อนในกระสอบอาหารหมู ทิ้งอยู่บริเวณถังขยะใกล้สามแยกพรหมมาสตร์ ม. 1 อ.เมือง จ.ลพบุรี จึงนำกำลังเข้าตรวจสอบปรากฏว่า ก่อนพบอาวุธของกลางซุกซ่อนอยู่แต่ไม่พบเจ้าของ โดยเบื้องต้นคาดว่ามีผู้นำมาทิ้งไว้เนื่องจากเกรงความผิด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี