รวมพล26สค.พบประยุทธ์
สวนยางบุก!
ยื่นคำขาดสางปมราคาร่วง
ขู่คืนสุขไม่ได้-ม็อบทั่วปท.
สมาคมเครือข่ายชาวสวนยางแห่งประเทศไทย และชาวสวนยางพาราทั่วประเทศ ยืนยันที่จะออกมาเคลื่อนไหวพร้อมกัน 63 จังหวัดทั่วประเทศวันอังคารนี้ เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาราคายางตกต่ำเหลือเพียงกิโลกรัมละ 40-60 บาท ทำให้เกษตรกรขาดทุนต่อเนื่อง ต้องหันไปพึ่งเงินกู้นอกระบบ
เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม ที่ศาลากลางจังหวัดพัทลุง ตัวแทนเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางจังหวัดพัทลุง นำโดย นายไพรัช เจ้ยชุม ประธานเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางพาราจังหวัดพัทลุงเข้ายื่นหนังสือต่อนายวินัย บัวประดิษฐ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพัทลุง เพื่อส่งไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีให้เร่งแก้ปัญหาราคายางพาราตกต่ำ เนื่องจากขณะนี้เกษตรกรขายยางได้ราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิต ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อค่าครองชีพ สร้างความเดือดร้อนอย่างหนักให้ชาวสวนยางทั่วประเทศ
นายไพรัชกล่าวย้ำว่า วันที่ 26 สิงหาคม ตัวแทนเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางพาราทั่วประเทศจะนัดรวมตัวกันที่สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.) กรุงเทพฯ เพื่อขอเข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ให้ช่วยเร่งแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ หากรัฐบาลไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ชาวสวนยางพาราทั่วประเทศได้ ก็จะออกมาเคลื่อนไหวทางใดทางหนึ่งแน่นอน ทั้งนี้ พวกตนไม่อยากออกมาเคลื่อนไหว เพราะยุคนี้เป็นยุคการปรองดองสมานฉันท์ แต่เมื่อชาวสวนยางพาราเดือดร้อนหนัก ไม่มีทางออกที่ดีกว่านี้ พวกตนก็จำเป็นต้องออกมา
ขณะที่นายวีระศักดิ์ สินธุวงค์ เกษตรกรชาวสวนยาวอ.สากเหล็ก จ.พิจิตร ในฐานะประชาสัมพันธ์เครือข่ายชาวสวนยางแห่งประเทศไทยยืนยันว่า จากปัญหาราคายางตกต่ำ เกษตรกรชาวสวนยาง 5 สถาบันนัดรวมตัวกัน เพื่อยื่นหนังสือให้รัฐบาลใหม่ ที่มีพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด 63 จังหวัด ที่มีพื้นที่ปลูกยางในวันที่ 26 สิงหาคมนี้แน่นอน
“ยืนยันว่าการเข้ายื่นหนังสือผ่านผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัดครั้งนี้ เป็นการเคลื่อนไหวอย่างสงบ ไม่มีการปิดล้อมหรือปิดถนนเหมือนครั้งที่ผ่านมา เนื่องจากชาวสวนยางอยากให้รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ช่วยเหลือ ก็หวังว่าชาวสวนยางที่มีอยู่จำนวนมากทั่วประเทศจะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลใหม่ เพราะยางพาราเป็นพืชเศรษฐกิจที่สร้างรายได้ให้ประเทศจำนวนมาก”นายวีระศักดิ์กล่าว
สำหรับประเด็นที่ชาวสวนยางต้องการเรียกร้อง แบ่งเป็น ระยะเร่งด่วน ขอให้ระงับการขายยาง 210,000 ตัน ที่ศาลปกครองรับฟ้องไว้แล้วและมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ซึ่งเป็นส่วนสำคัญทำให้ราคายางในตลาดตกต่ำ โดยกำหนดวิธีบริหารจัดการตามนโยบายที่จะนำยางดังกล่าวมาใช้ในประเทศ เช่น นำมาเป็นส่วนผสมของยางมะตอยทำถนน ทำสนามเด็กเล่น ทำตัวหนอนชะลอความเร็ว หรือสนับสนุนให้สถาบันเกษตรกร หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นนำไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ อาทิ ยางล้อรถยนต์ ถุงมือ หลังคายาง ฯลฯ ซึ่งเป็นการส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศเพิ่มขึ้น และช่วยเหลือเกษตรกรอีกทางหนึ่ง รวมทั้ง เสนอให้ตรวจสอบปริมาณและคุณภาพยางในสต๊อกโครงการของรัฐบาลว่ายังมีคุณภาพและอยู่ครบหรือไม่ นอกจากนี้ ยังขอให้ดูแลต้นทุนการผลิต 2,500 ต่อไร่ไม่เกิน 25 ไร่ ให้ชาวสวนยางมีส่วนร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมยาง และให้ภาครัฐพิจารณาอนุมัติโครงการ 5,000 ล้าน เพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้สถาบันเกษตรกรที่มีความพร้อมโดยด่วน
ด้านเกษตรกรชาวสวนยางจ.สตูล ต่างวิตกกังวลกับปัญหาราคายางที่ตกต่ำลงต่อเนื่อง อย่างนายการุณ เพ็ญสวัสดิ์ ชาวสวนยางพาราเผยว่า ปีนี้ราคาน้ำยางตกต่ำหนักสุดเป็นประวัติการณ์ โดยราคาน้ำยางสดอยู่ที่กิโลกรัมละ 40 บาท ขี้ยางพาราอยู่ที่กิโลกรัมละ 30 บาท จึงอยากให้รัฐบาลช่วยแก้ปัญหา
ส่วนนายรอสลัน คุ้มบ้าน หัวหน้าสภาเกษตรจังหวัดสตูลเปิดเผยว่า สภาเกษตรกรแห่งชาติจะเดินทางไปยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรีคนใหม่ให้เร่งหาทางช่วยเหลือ แต่ไม่มีการรวมตัวประท้วงปิดถนน เพราะสภาเกษตรกรจังหวัดสตูล ได้พูดคุยกับแกนนำชาวสวนยางในจ.สตูล ให้รอฟังข่าวอยู่ในพื้นที่ แต่ถ้ารัฐบาลแก้ไขไม่ได้ ชาวสวนยางพารายังเดือนร้อน ก็จะรวมตัวกันเดินทางไปสมทบ ทั้งนี้ วันที่ 26 สิงหาคม สำนักงานสภาเกษตรกรจังหวัดสตูล จัดประชุมชาวสวนยางที่อ.ควนโดน เพื่อรับฟังความเห็นถึงแนวทางแก้ปัญหาราคายางพารา และรอดูท่าทีพร้อมฟังคำตอบว่ารัฐบาลจะหาทางออกอย่างไรในการช่วยเหลือชาวสวนยาง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี