ภาคเอกชนมั่นใจศก.ฟื้น
ขานรับครม.
แนะลุยเพิ่มลงทุนภาครัฐ
เปิดผลงาน3เดือน‘คสช.’
ทุ่ม3.6แสนล.อุ้มข้าว-ยาง
ยอดสมัครสปช.ทะลุ5พัน
‘ธาริต’ยังกล้าโผล่สรรหา
เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 1 กันยายน ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถนนราชดำเนิน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) มอบหมายให้ พล.อ.อักษรา เกิดผล เสนาธิการทหารบก ในฐานะหัวหน้าส่วนรักษาความสงบเรียบร้อย คสช.เป็นประธานการประชุมคสช.ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดย พล.อ.อักษรา ได้กำชับทุกฝ่ายให้ทำงานต่อเนื่อง เพราะขณะนี้การทำงานของคสช.เข้าสู่โรดแมประยะที่ 2 หลังจากมีคณะรัฐมนตรี (ครม.)เข้าบริหารราชการแผ่นดินเพื่อให้ประเทศเดินหน้า ส่วนบางพื้นที่ที่ยังมีความเห็นแตกต่างกับ คสช.นั้น ได้เปิดเวทีปฏิรูปให้เข้าร่วมความเห็น พร้อมให้ใช้สื่อต่างๆเร่งทำความเข้าใจกับประชาชนและต่าชาติถึงความจำเป็นที่ คสช.ยังคงประกาศกฎอัยการศึก เพื่อแก้ไขปัญหาต่างๆ
เผย3เดือนอนุมัติงบ3.6แสนล้าน
ด้านเว็บไซต์Thaigov.go.thของทำเนียบรัฐบาล ได้เผยแพร่การอนุมัติงบประมาณ หลังจาก คสช.เข้ายึดอำนาจการปกครอง ในรอบ 3เดือนที่ผ่านมา รวม 38รายการ วงเงิน 368,133.95ล้านบาท อาทิ 1.อนุมัติงบจ่ายเงินค้างชำระหนี้ของชาวนาในโครงการจำนำข้าว 92,431ล้านบาท 2.อนุมัติงบสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้านการเกษตรปี2555-2557 วงเงิน 5,498.9ล้านบาท 3.อนุมัติงบช่วยชาวสวนยาง 2โครงการ วงเงิน 12,000ล้านบาท 4.อนุมัติงบก่อสร้างอาคารพิพิธภัณฑ์ไม้มีค่า บริเวณหอประชุมกองทัพบก ถ.นครราชสีมา วงเงิน 2,455ล้านบาท 5.อนุมัติงบสมทบค่าเบี้ยประกันภัยนาข้าวปี2557 วเงิน 2,292ล้านบาท 6.อนุมัติงบช่วยการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมของกระทรวงศึกษาธิการ 1,300.6ล้านบาท 7.อนุมัติงบให้ ขสมก. กู้เงินนำไปชำระค่าน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าเหมาซ่อม 4,401ล้านบาทเศษ 8.อนุมัติงบให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สร้างโรงพัก 8,357 ล้านบาท 9.อนุมัติงบซื้ออาวุธ เป็นงบผูกพัน 2,588ล้านบาท (ผูกพัน 4 ปี) 10.อนุมัติงบแก้ปัญหาน้ำ ให้ทันสิ้นปีงบประมาณ2557และกันไว้ใช้ในปี2558 วงเงิน 17,000ล้านบาท 11.อนุมัติงบให้กรุงเทพมหานคร สร้างระบบระบายน้ำ 20,000ล้านบาท เป็นต้น
“อดุลย์”พร้อมลุยงานควบคสช.
ขณะที่ พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้า คสช.และรมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.) เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลเพื่อเก็บของเตรียมไปปฏิบัติงานที่กระทรวงพัฒนาสังคมฯ โดย พล.ต.อ.อดุลย์ ให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับการประสานว่า จะเข้าเฝ้าฯเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตนก่อนรับหน้าที่เมื่อไหร่ อย่างไรก็ตาม ในส่วนของ พล.อ.ประยุทธ์ มีกำหนดเข้าทำเนียบรัฐบาลในวันที่จะนำ ครม.ถ่ายภาพ ก่อนเข้าเฝ้าฯเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตน ทั้งนี้ ผู้บริหาร คสช. ทุกคน ที่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ยังคงต้องปฏิบัติหน้าที่ในคสช.ควบคู่กับการปฏิบัติหน้าตำแหน่งรัฐมนตรี ส่วนตัวการทำงานในฐานะ รมว.พัฒนาสังคมฯ จะเน้นเรื่องแก้ปัญหาค้ามนุษย์ เพราะตำรวจมีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งการแก้ปัญหาความยากจน
คาดเข้าถวายสัตย์2กันยายนนี้
นายวีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม(วธ.) เปิดเผยว่า คาดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะนำ ครม.เข้าเฝ้าเพื่อถวายสัตย์ปฎิญาณในวันที่อังคารที่ 2กันยายน แต่ยังต้องรอยืนยันเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง ส่วนวันที่ 3 กันยายน ตน่าจะเข้าทำงานเป็นวันแรก โดยจะมอบนโยบายแก่ผู้บริหารเพื่อขับเคลื่อนงานด้านวัฒนธรรม
ด้าน นายกฤษณพงศ์ กีรติกร รมช.ศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวว่า บื้องต้นได้รับการประสานว่า รม.จะเข้าเฝ้าเพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณช่วงบ่ายวันที่ 2กันยายนนี้ ต่ยังต้องรอแจ้งอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง
พท.อัดครม.ไม่ยึดโยงภาคปชช.
นายอำนวย คลังผา อดีตประธานวิปรัฐบาล และอดีตส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หน้าตาครม.ใหม่ที่ออกมา มีทหารเยอะ ข้าราชการก็มาก ทำให้ไม่มีความยึดโยงกับประชาชน ซึ่งตรงนี้สนช. และ สปช. ต้องช่วยเข้ามาประสานดูแลประชาชน ตนคิดว่าครม.ชุดนี้หลายคนอาจจะดูดี ดูเก่ง แต่หมดยุคไปแล้ว ตามสถานการณ์ไม่ทันและหลังจากมี ครม.ชุดใหม่และต่อไปจะมี สปช.อยากให้ลงมือปฏิรูปประเทศแบบจริงจังเมื่อมีโอกาส การแก้ไขความขัดแย้งต้องเชิญคู่ขัดแย้งมาคุยกัน แต่ไม่ค่อยเห็นคสช.พูดถึงจุดนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ กระบวนการยุติธรรมซึ่งเป็นต้นทางแห่งความขัดแย้ง ต้องมีการปฏิรูปโดยด่วน
เอกชนเชื่อ“ครม.ตู่1”ฟื้นศก.ได้
ทางด้าน นางกรรณิกา ชลิตอาภรณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชฯ) กล่าวถึงโฉมหน้า ครม.ว่า รู้สึกดีที่มีรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ซึ่ง ครม.ชุดนี้ประกอบด้วยบุคคลที่มีความรู้ความสามารถหลายด้าน เชื่อว่าจะผลักดันนโยบายเศรษฐกิจของประเทศให้เดินหน้าต่อไปได้
ขณะที่ นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) กล่าวถึงครม.ชุดใหม่ ว่า แม้บุคคลส่วนใหญ่จะมาจากข้าราชการและทหาร แต่มั่นใจว่า เป็นบุคคลที่มีความสามารถ และรู้กลไกการทำงานเป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยผลักดันให้นโยบายด้านเศรษฐกิจเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง ส่วนคณะรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจ อยากให้เร่งผลักดันนโยบายเศรษฐกิจ พร้อมสานต่อนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) อาทิ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น
ชี้’พล.อ.ฉัตรชัย-อภิรดี’มีฝีมือ
นางอัมพวัน พิชาลัย ที่ปรึกษาการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) กล่าวว่า ผู้ที่เข้ามาดำรงในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ ทั้ง 2ท่าน มีความเหมาะสมอย่างมาก โดย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.พาณิชย์ มีความคุ้นเคยกับข้าราชการในกระทรวงพาณิชย์และค่อนข้างเข้าใจงานของกระทรวงเป็นอย่างดี ทั้งเรื่องดูแลค่าครองชีพประชาชนและการแก้ปัญหาสินค้าเกษตร เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมา พล.อ.ฉัตรชัย ได้รับหน้าที่จาก คสช.เข้ามาดูแลงานของกระทรวงพาณิชย์ได้เป็นอย่างดี ส่วน นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รมช.พาณิชย์ ถือเป็นบุคคลมีประสบการณ์และมีความสามารถ ด้านเกี่ยวกับการค้าและการเจรจาในต่างประเทศ เนื่องจากเคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศและอธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศมาก่อน
ทหารเยอะงานยิ่งเดินรวดเร็ว
ด้าน นายนพพร เทพสิทธา ประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย(สรท.) ให้ความเห็นถึงครม.ชุดใหม่ ว่า นับเป็นข้อดี โดยเฉพาะเรื่องของความรวดเร็วด้านการดำเนินงาน ซึ่งเชื่อว่า จะบูรณาการร่วมกันนับเป็นจุดแข็งและมีวิสัยทัศน์ความเป็นผู้นำที่จะดำเนินการตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ โดยเฉพาะผู้ดูแลกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงคมนาคม ซึ่งหวังว่า บุคคลที่ดูแลอยู่จะเข้าใจถึงยุทธศาสตร์และสามารถทำสงครามเศรษฐกิจ โดยมีแผนดำเนินงานทั้งระยะสั้น ระยะยาวและเป้าหมายที่ชัดเจน ซึ่งในระยะเวลา 1 ปีต่อจากนี้ เอกชนหวังว่า จะเห็นถึงเป้าหมายที่ชัดเจน ไม่ใช่เพียงแค่ด้านนโยบาย อาทิ การเร่งเจรจาการค้าFTA หรือการดำเนินการโครงสร้างพื้นฐานคมนาคม เพื่อก่อให้เกิดการลงทุนและความเชื่อมั่นที่ชัดเจนมากขึ้น
ปธ.หอค้าฯเชื่อท่องเที่ยวโตแน่
นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เอกชนอยากเห็นการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจของ ครม.ชุดใหม่ ที่มีการบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดและเชื่อว่าการที่รัฐมนตรีหลายท่าน รู้จักกันเป็นการส่วนตัว จะสามารถผลักดันการทำงานร่วมกันได้เร็ว โดยเฉพาะงานภาคบริการและการท่องเที่ยวที่เป็นรายได้หลักของประเทศ ที่มี นางกอบกาญจน์ วัฒนวรากูร มารับตำแหน่งรมว.ท่องเที่ยวและกีฬา โดยมองว่าเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจการท่องเที่ยวอย่างดี จะมีส่วนสำคัญในการสร้างรายได้ให้การท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น รวมถึงภาคการเกษตรที่ได้ นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา มารับตำแหน่งรมว.เกษตรฯซึ่งเคยเป็นปลัดกระทรวงเกษตรฯมาก่อน จะสามารถดูแลช่วยเหลือเกษตรกรได้
จี้เพิ่มรายได้ประชาชนอีก1เท่า
ขณะที่ นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล รองประธานหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ต้องการให้ปฎิรูปประเทศไทยอย่างแท้จริง อย่าเพียงแก้ปัญหาเฉพาะหน้าเท่านั้น ทั้งนี้ต้องการให้รัฐบาลประกาศว่า ในช่วง 20ปี ข้างหน้ารายได้ประชาชาติ จะต้องเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัว เพื่อให้เป็นที่รับรู้ของประชาชนและเป็นสิ่งที่ไม่ว่า จะเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ แต่ต้องเดินหน้าต่อไป
แนะเพิ่มลงทุนภาครัฐ-เอกชน
นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานสมาคมธนาคารไทยในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร.แถลงผลการประชุมกกร.ว่า การลงทุนภาครัฐและการลงทุนภาคเอกชนที่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ รวมทั้งการบริโภคเอกชนที่ยังไม่ฟื้นเต็มที่ เป็นโจทย์หลักด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่ที่ต้องเร่งผลักดันให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น เพื่อทำให้เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องและเป็นแรงส่งให้เศรษฐกิจปี2558 เติบโตได้ตามศักยภาพต่อไป
“รัฐบาลกัมพูชา”ยินดีครม.ใหม่
วันเดียวกัน พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ในฐานะผู้บัญชาการทหารสูงสุด(ผบ.สส.) นำคณะผู้ญชาการเหล่าทัพ ไปเยือนประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการ พร้อมชี้แจงถึงความจำเป็นการทำรัฐประหารของ พล.อ.ประยุทธ์ ระหว่างการหารือเต็มคณะกับ พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกัมพูชา โดย พล.อ.ธนะศักดิ์ กล่าวว่า คสช.จำเป็นต้องเข้ามาดำเนินการ เพื่อไม่ให้ประชาธิปไตยและเศรษฐกิจไทยล่มสลาย ไม่ให้เกิดเป็นสงครามกลางเมือง อันจะส่งผลให้กลุ่มประเทศอาเซียน ซึ่งเป็นเพื่อนบ้าน ได้รับผลกระทบด้วย
ย้ำไม่ให้ใช้แผ่นดินต่อต้านคสช.
ด้าน พล.อ.เตีย บันห์ ได้แสดงความยินดีกับรัฐมนตรีชุดใหม่ ที่เดินทางมาร่วมคณะ พร้อมส่งสารแสดงความยินดีกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะที่ปรึกษา คสช.ที่ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหม การที่ทหารเข้ามาบริหารประเทศ นับว่าเป็นโอกาสที่ดี เนื่องจากจะสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการใช้เทคนิคทางทหาร โดยเฉพาะปัญหาแรงงานกัมพูชา ที่สามารถแก้ปัญหากับไปสู่ภาวะปกติ ด้วยระยะเวลาอันสั้นและรัฐบาลกัมพูชาจะไม่ยอมให้กลุ่มต่อต้าน ศสช.เคลื่อนไหวในประเทศกัมพูชาอย่างเด็ดขาด
“ธาริต-ศิลปินดัง”แห่สมัครสปช.
ส่วนที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการเปิดรับเสนอชื่อบุคคลเข้ารับสรรหาเป็นสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ซึ่งเปิดให้เสนอชื่อวันที่19 ว่า องค์กรนิติบุคคลไม่แสวงหากำไรให้ความสนใจทยอยเข้าเสนอรายชื่ออย่างต่อเนื่อง อาทิ สโมสรพนักงานการทางพิเศษแห่งประเทศไทย เสนอชื่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีสอบสวนคดีพิเศษ ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รับการสรรหาด้านกระบวนการยุติธรรมและกฎหมาย สมาคมศิษย์เก่า ร.ร.หนองฉางวิทยา จ.อุทัยธานี เสนอชื่อ นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีต สว.อุทัยธานี เข้าสรรหาด้านสื่อสารมวลชน มูลนิธิสมัชชาศิลปิน เสนอชื่อ นายชิน ฝ้ายเทศ หรือชินกร ไกรลาศ ศิลปินแห่งชาติ วัดลาดหญ้าไทย เสนอชื่อ นายธนิสร์ ศรีกลิ่นดี ศิลปินขลุ่ยชื่อดัง เข้าสรรหาด้านอื่นๆ สมาคมนักร้องแห่งประเทศไทย เสนอชื่อ นายวินัย พันธุรักษ์ นักร้องวงดิอิมพอสซิเบิ้ล เข้าสรรหาด้านสังคม
สรุปยอดรวมช่วง19วัน5,627คน
สมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์ เสนอชื่อ นายมนู เลี่ยวไพโรจน์ อดีตปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าสรรหาด้านเศรษฐกิจ สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย เสนอชื่อ นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัทศุภาลัย จำกัด(มหาชน) เข้าสรรหาด้านเศรษฐกิจ นายพารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เข้าสรรหาด้านการศึกษา สมาคมคนพิการคลองเตย เสนอชื่อ นายอิฐบูรณ์ อ้นวงษา หน.ศูนย์พิทักษ์สิทธิผู้บริโภค เข้าสรรหาด้านพลังงาน สมาคมเพื่อเครือข่ายประชาชนต่อต้านคอรัปชั่น เสนอชื่อ นายวีระ สมความคิด อดีตแนวร่วมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.) เข้าสรรหาด้านบริหารราชการแผ่นดิน สมาคมผู้บริโภคภาคตะวันตก เสนอชื่อ น.ส.บุญยืน ศิริธรรม อดีต สว.สมุทรสงคราม เข้าสรรหาด้านสังคม เป็นต้น โดยยอดรวมผู้สมัครทั้งสิ้น 5,627คน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี