60นักวิชาการฮือล่าชือ
ค้าน‘คสช.’
‘เซ็นเซอร์’เวทีสัมมนา
อ้างเป็นการคุกคามเสรีภาพ
วอนเคารพสิทธิขั้นพื้นฐาน
‘บิ๊กป้อม’โต้ปมล็อก‘สปช.’
กกต.เต้นสั่งสอบที่สุรินทร์
เมื่อวันที่ 21 กันยายน มีการส่งจดหมายเปิดผนึกถึงสื่อมวลชนหลายแขนง พร้อมปรากฏรายชื่อของนักวิชาการจากสถาบันการศึกษาทั่วประเทศจำนวน 60 คน โดยมีหัวข้อเรื่อง ประณามการคุกคามเสรีภาพทางวิชาการและการควบคุมตัวอาจารย์และนักศึกษาเมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา ที่มีทหารและตำรวจสั่งยุติงานเสวนาวิชาการ”ห้องเรียนประชาธิปไตย:บทที่2 การล่มสลายของเผด็จการในต่างประเทศ” ซึ่งจัดขึ้นภายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
นอกจากนี้ทหารและตำรวจยังได้ควบคุมตัวนักศึกษาที่จัดงาน รวมทั้งวิทยากรและผู้ดำเนินรายการ ได้แก่ ศ.ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ดร.เชาวฤทธิ์ เชาว์แสงรัตน์ ดร.จันจิรา สมบัติพูนศิริ นายภาณุ ตรัยเวช และ ดร.ประจักษ์ ก้องกีรติ ไปที่สถานีตำรวจนครบาลคลองหลวง
วอนเคารพสิทธิขั้นพื้นฐานปชช.
ทั้งนี้จดหมายเปิดผนึกดังกล่าว อ้างว่า การกระทำดังกล่าวคุกคามสิทธิเสรีภาพทางวิชาการอย่างชัดเจน และเป็นการกระทำที่ยอมรับไม่ได้อย่างยิ่ง ข้ออ้างที่ว่ากฎอัยการศึกยังประกาศใช้อยู่นั้นเป็นเพียงการประกาศว่าทหารและตำรวจมี “อำนาจ” จะคุกคามได้ แต่ไม่ได้แสดงให้เห็นว่าการใช้อำนาจคุกคามนั้นชอบธรรม
ส่วนข้ออ้างที่ว่างานเสวนาวิชาการนี้อาจกระทบต่อความมั่นคงนั้นก็เป็นข้ออ้างที่ฟังไม่ขึ้น การจัดเสวนาวิชาการเกี่ยวกับการเมือง ไม่ว่าจะการเมืองในประเทศหรือการเมืองต่างประเทศ เป็นเรื่องปกติอย่างยิ่ง และที่ผ่านๆ มาก็ไม่เคยปรากฏเลยว่างานเสวนาวิชาการลักษณะนี้กระทบต่อความมั่นคง ไม่ว่าจะในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ เราขอเรียกร้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เคารพสิทธิพื้นฐานของประชาชน
เปิดรายชื่อนักวิชาการทั่วปท.
สำหรับรายนามนักวิชาการที่ลงชื่อ อาทิ ดร.กนกรัตน์ สถิตนิรามัย คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดร.กรพนัช ตั้งเขื่อนขันธ์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ผศ.ดร.คำแหง วิสุทธางกูร, คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ดร.จักรกริช สังขมณี คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จันทรา ธนะวัฒนาวงศ์ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี ผศ.ดร.จิตร์ทัศน์ ฝักเจริญผล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
ดร.ชนิสร เหง้าจำปา คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดร.ชลัท ศานติวรางคณาสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ดร.ชลิตา บัณฑุวงศ์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดร.ณรงค์ อาจสมิติ สถาบันวิจัยภาษาและวัฒนธรรมเอเชีย มหาวิทยาลัยมหิดล ดร.ทัศนัย เศรษฐเสรี คณะวิจิตรศิลป์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ดร.ธร ปีติดล
คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ธาริตา อินทนาม คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ธานินทร์ สาลาม คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ธีรวัฒน์ ขวัญใจ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่รศ.ดร.ธเนศ อาภรณ์สุวรรณ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นพพร ขุนค้า คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฎราชนครินทร์ บัณฑิต ไกรวิจิตรคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
ผศ.บุญส่ง ชัยสิงห์กานานนท์ คณะอักษรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ปฐม ตาคะนานันท์, คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ประไพพิศ มุทิตาเจริญ คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปราชญ์ ปัญจคุณาธร คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปรีดี หงษ์สตัน คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์รศ.พงศ์จิตติมา หินเธาว์คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ดร.ฮารา ชินทาโร่, คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นต้น
รับไม่ได้ให้ส่งหัวข้อจัดสัมมนา
ด้านดร.กนกรัตน์ สถิตนิรามัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย อีกหนึ่งผู้ร่วมลงชื่อ กล่าวด้วยว่า การที่ตำรวจบังคับให้นักวิชาการต้องเซ็นเอกสารว่าจะยินยอมส่งหัวข้อการเสวนาทุกๆ ครั้งให้ทหารอนุมัติก่อนนั้น เป็นการละเมิดเสรีภาพทางวิชาการอย่างชัดเจน งานวิชาการที่เนื้อหาถูกควบคุมนั้นไม่เรียกว่าเป็นงานวิชาการที่แท้จริง
คสช.ย้ำเลิกเสวนาหวั่นโยงการเมือง
ด้านพ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก และทีมโฆษกคสช. กล่าวถึงกรณีมีข่าวว่าทหารประสานขอให้ยกเลิกการจัดเสวนาวิชาการเรื่องความสุข และความปรองดองภายใต้รัฐธรรมนูญชั่วคราว 2557 ที่จัดโดย คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในวันที่ 25 ก.ย.นี้ ว่า ต้องดูว่ารายละเอียดของการจัดเสวนาว่ามีเนื้อหานำไปสู่ความแตกแยกหรือหมิ่นประมาทบุคคลอื่นหรือไม่ เพราะหากเป็นการร่วมกลุ่มกันเพื่อทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเมือ งเราก็ต้องขอให้งดเอาไว้ก่อน
ไม่อยากให้เกิดช่องทำแตกแยก
ส่วนที่ระบุว่าเจ้าหน้าที่ทหารเป็นคนประสานของยกเลิกนั้น ตนไม่ทราบละเอียด ขอให้ไปถามพล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่ 3 แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นเพียงการไปขอความร่วมมือ และการอธิบายให้ความเข้าใจมากกว่า เนื่องจากบรรยากาศของประเทศขณะนี้ไม่อยากให้มีการรวมกลุ่มกันจัดกิจกรรมที่อาจเกี่ยวข้องกับการเมือง ทั้งนี้ถ้าหน่วยงานไหนต้องการเสนอแนะ หรือสะท้อนปัญหาอะไรมายังรัฐบาล ขอให้ใช้ช่องทางในรูปแบบการทำหนังสือเสนอมายังหัวหน้าคสช.เพราะเราไม่อยากให้ใช้ช่องทางอื่นที่จะก่อให้เกิดความแตกแยกในสังคมอีก
ไม่ให้ราคา”กริชสุดา”โกหก
พ.อ.วินธัย ยังกล่าวถึงกรณีที่เฟซบุ๊กแนวร่วมขบวนการเสรีไทยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นสช.) โพสต์คลิป น.ส.กริชสุดา คุณะแสน หรือเปิ้ล ตอบโต้ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ใช้ถ้อยคำไม่สุภาพเรียก น.ส.กริชสุดา ในระหว่างที่ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า เราไม่อยากให้น้ำหนักในเรื่องดังกล่าว เพราะเราเข้าใจว่าน.ส.กริชสุดาพูดเพื่อให้ตัวเองยังอยู่ในกระแสด้วยการอาศัยองค์กรอื่นสนับสนุนการกระทำของตัวเอง สิ่งที่นายกรัฐมนตรีแสดงออก คนที่รู้จักตัวตนจริง ๆ จะเข้าใจว่าไม่มีเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์
อัดสาวเสื้อแดงจ้องดิสเครดิต
“เรื่องนี้เป็นการหยิบยกบางมุมขึ้นมาเท่านั้น สิ่งที่นายกฯพูดไม่ได้แสดงถึงความเกลียดชังน.ส.กริชสุดา และไม่เคยสื่อสารในลักษณะที่เกลียดชังแต่อย่างใด น.ส.กริชสุดาพยายามหาช่องทางจับผิดและหยิบคำพูดบางท่อนขึ้นมาพูดเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือ ซึ่งตอนนี้การกระทำเช่นนี้เป็นไปได้ยาก เพราะต่างประเทศเข้าใจการทำหน้าที่ของเราแล้ว รวมถึงสังคมก็เข้าใจว่าสิ่งที่เรากำลังทำอยู่ทำเพื่อประชาชนและประเทศ”พ.อ.วินธัย กล่าว
กกต.ส่ง550สปช.ให้คสช.แล้ว
วันเดียวกันนายภุชงค์ นุตราวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงความคืบหน้าการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.)ว่า สำหรับการสรรหาผู้เหมาะสมเป็นสปช.ของคณะกรรมการสรรหา 11 ด้าน ทางสำนักงานกกต.ได้นำรายชื่อจำนวน550รายชื่อเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ครบถ้วนเรียบร้อยแล้ว
ส่วนผลการสรรหาของคณะกรรมการสรรหาประจำจังหวัดได้รับรายงานว่าขณะนี้เหลือเพียง 7 จังหวัดจาก 77จังหวัดที่ยังไม่ได้ดำเนินการพิจารณาคัดเลือกผู้เหมาะสมเป็นสปช.เนื่องจากคณะกรรมการสรรหาบางรายติดภารกิจเดินทางไปต่างประเทศ แต่เชื่อว่าทั้ง 7จังหวัดที่เหลืออยู่นั้นจะสามารถพิจารณาคัดเลือกผู้เหมาะสมเป็นสปช.ได้ทันตามกรอบเวลาในวันที่ 22กันยายนนี้
กกต.โยนคสช.เปิด250ชื่อสปช.
สำหรับข้อเสนอที่สอบถามกันมาว่าหากคสช.ประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นสปช.จำนวน 250 คนเรียบร้อยแล้ว จะมีการเปิดเผยรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาทั้งในส่วนกลางและระดับจังหวัดได้หรือไม่นั้นก็คงต้องขึ้นอยู่กับนโยบายของคสช.ว่าจะพิจารณาให้เปิดเผยรายชื่อได้หรือไม่ เพราะทางสำนักงานกกต.เป็นแค่เพียงฝ่ายธุรการไม่มีอำนาจตัดสินใจในเรื่องนี้
สั่งสอบปมล็อกสเป็กสุรินทร์
นายภุชงค์ กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นพ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ อดีตรองประธานวุฒิสภา ยื่นหนังสือร้องเรียนต่อประธานกกต. และประธานกรรมการสรรหาสปช.จังหวัดสุรินทร์ เพื่อให้ตรวจสอบกรรมการสรรหาสปช.จังหวัดสุรินทร์คนหนึ่งว่า มีส่วนได้ส่วนเสียกับผู้เข้ารับการสรรหา เนื่องจากเป็นเครือญาติกันนั้น ยังไม่เห็นเรื่องร้องเรียนดังกล่าว แต่ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่
และทราบข่าวจากสื่อมวลชนเท่านั้น
“คงต้องขอตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้ง เนื่องจากขณะนี้กระบวนการคัดเลือกสปช.ยังเป็นความลับอยู่ และไม่แน่ใจว่าผู้ร้องเป็นผู้ได้รับคัดเลือกจากคณะกรรมการสรรหาให้เป็นหนึ่งในห้าคนของจังหวัดสุรินทร์ด้วยหรือไม่”นายภุชงค์ กล่าว
“ประสพสุข”ลั่นไม่มีล็อกสเป็ก
ด้านนายประสพสุข บุญเดช อดีตประธานวุฒิสภา ในฐานะคณะกรรมการสรรหาสปช.ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม กล่าวว่า สำหรับบัญชีรายชื่อผู้เข้ารับการสรรหาสปช.จำนวน 50คนที่คณะกรรมการสรรหาสปช.ด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม ส่งไปให้
คสช.พิจารณานั้น ยืนยันว่ามีความหลากหลายแน่นอน ไม่มีวันล็อกสเปก
“เราดูแต่ละฝ่ายอย่างละเอียดรอบคอบว่า มีตำรวจกี่คน อัยการกี่คน ศาลกี่คน ทนายความกี่คน อาจารย์มหาวิทยาวิทยาลัยกี่คน นักวิชาการอิสระกี่คน และอื่นๆ กี่คน รวมถึงมีการคละชายและหญิง กระจายกันไปซึ่งพิจารณาด้วยความเป็นธรรม โอกาสจะล็อกสเปกยากมาก”นายประสพสุขย้ำ
โวใครได้รับเลือกเหมาะสมทั้งนั้น
ส่วนการพิจารณาคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมในชั้นคสช.นั้น ตนไม่เป็นห่วง เพราะอย่างน้อยคสช.ต้องเลือกจาก 50 คนที่เราส่งไป ซึ่งได้มีการคัดเลือกมาชั้นหนึ่งแล้ว ดังนั้น ใน 50 คน ใครจะได้รับเลือกถือว่าเหมาะสมทั้งสิ้น ทั้งนี้ เชื่อว่า รายชื่อสปช. 250 คน ที่จะออกมาจะได้รับการยอมรับจากสังคม อย่างฝ่ายกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมเองเอ่ยชื่อมาสังคมรู้จัก เราคละเคล้ากันไประหว่างทั้งคนรุ่นเก่ากับรุ่นใหม่
รับมีปัญหา2จว.แต่ไม่ห่วง
นายประสพสุข กล่าวว่า ส่วนจ.สุรินทร์ ที่มีการร้องเรียนว่าคณะกรรมการสรรหากับผู้สมัครเป็นญาติกันนั้น ตนเห็นว่า ปัญหามีอยู่จังหวัดเดียวหรือสองจังหวัด แต่ไม่ต้องห่วงเพราะยังมีคสช.กลั่นกรองอีกชั้นหนึ่ง ไม่ใช่ส่งรายชื่อมา 5คนแล้วจะต้องเลือกหมดเลย เพราะสุดท้ายจะคัดเลือกบุคคลเหมาะสมเพียงจังหวัดละคนเท่านั้น มั่นใจว่าเราจะได้ สปช.ที่มีเป็นคนดีมีฝีมือ
“บิ๊กป้อม”แจงโล๊ะ14อรหันต์
วันเดียวกันที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พระพรหม และศาลพระภูมิ ภายในทำเนียบรัฐบาล โดยถือฤกษ์เวลา 15.09 น. ของวันอาทิตย์
ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงการยกเลิกคำสั่งคสช.ฉบับที่ 117/2557 ตั้งคณะกรรมการคัดเลือกสปช.จำนวน 14 คนก่อนหน้านี้ว่า เป็นการทำตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวกำหนดชัดเจน การคัดเลือก สปช. เป็นเรื่องคสช.เพราะฉะนั้นคสช.ก็จะมีเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช.และผู้บริหาร คสช. ทำงานเรื่องนี้ ซึ่งคนที่ไม่อยู่ใน คสช. ไม่สามารถทำได้
เดือด!โดนซักล็อกสป็กสปช.
เมื่อถามว่า มีการร้องเรียนล็อกสเปก สปช. พล.อ.ประวิตร หันหน้ายังผู้สื่อข่าวที่ถามพร้อมกล่าวพร้อมน้ำเสียงไม่พอใจว่า “ล็อกสเปกไหน พูดหลายทีเหลือเกิน ล็อกยังไง เล่าให้ผมฟังซิ หนูลองล็อกซิ”
ผู้สื่อข่าวตอบว่า แต่มีการตั้งข้อสังเกต พล.อ.ประวิตร ยังคงตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “จะล็อกยังไงบอกซิครับ คุณต้องบอกซิวิธีล็อกเขาล็อกยังไง คนสมัครตั้ง 7,000 คน จะล็อกยังไง และมีคณะกรรมการสรรหา สปช. ตั้ง 77 คน ด้านละ 7 คน ใน 11 ด้าน อย่าไปพูดล็อกสเปก ล็อกยังไงบอกด้วย ผมอยากล็อก มันล็อกได้ไหม ล็อกได้ไหมคะ ล็อกยังไง มันไม่ได้ คนเขามีตำแหน่งหน้าที่ เขาเป็นด็อกเตอร์ เป็นศาสตราจารย์ทั้งนั้น ทุกคนก็อยากทำหน้าที่ของตัวให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นอย่าไปพูดไม่ดีหรอกครับ ถามนำในทางที่ไม่ดี ถ้าน้องทำได้บอกวิธีล็อกสเปกมา”
ทำให้ทุกคนยอมรับหมดไม่ได้
เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า สปช. ที่ได้จะเป็นที่มั่นใจของประชาชน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พยายามหาในทุกๆ ภาคส่วน แต่จะให้ทุกคนยอมรับได้หมดหรือไม่ ตนไม่ทราบ พยายามหาในทุกพื้นที่ หาผู้ที่มีคุณวุฒิตั้งแต่ปริญญาเอกลงมา จนถึงไม่มีปริญญา และมีทุกอาชีพ ให้มีความรู้หลากหลาย เพื่อที่จะมาปฏิรูปงานในทุกเรื่อง 11 ด้านที่กำหนดไว้
อยากให้ทุกฝ่ายนิ่งไว้ก่อน
ส่วนสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้ทุกฝ่ายพยายามทำให้ประเทศเดิน พยายามทำให้ประเทศนิ่ง แต่ทุกคนอ่านไม่ออกหรอกว่าคิดอย่างไร แต่ต้องอยู่ในระเบียบกฎหมาย ถ้าไม่อยู่ในกฎหมายก็ต้องพูดกัน เพราะขณะนี้เราต้องการความสงบ ความเรียบร้อย ความปรองดองของคนในชาติ เพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไปได้
ไม่กล้ายืนยันมีคลื่นใต้น้ำ
เมื่อถามว่า พบยังมีคลื่นใต้น้ำอยู่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า บอกไม่ได้ว่ามีหรือไม่มี แต่เท่าที่ปรากฎขณะนี้ ทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ไม่มีความกังวล เพราะเราต้องทำให้ประเทศ ประชาชน เดินไปข้างหน้าให้ได้
เมื่อถามว่า จะเดินสายชี้แจงทำความเข้าใจในประเทศต่างๆหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศดำเนินการชี้แจงอยู่แล้ว และตนในฐานะดูงานด้านความมั่นคง สามารถสั่งการให้กระทรวงการต่างประเทศชี้แจงแทนได้ และมีรองนายกฯ ฝ่ายต่างประเทศ ไม่จำเป็นต้องเป็นหน้าที่ตน
จัดงานยักษ์“บิ๊กตู่”เกษียณ
มีรายงานว่า ในวันที่ 29 ก.ย .นี้ ที่โรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า ฯ กองทัพบกได้จัดพิธีเทิดเกียรติ และ อำลาชีวิตราชการให้นายทหารชั้นนายพล (ทหารบก)ที่เกษียณประจำปี 2557 จำนวน 262 นาย ซึ่งมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่ครบอายุเกษียณหลายคนเช่น พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ พล.อ.สนธิศักดิ์ วิทยาเอนกอนันต์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.จิระเดช โมกขะสมิต ประธานคณะที่ปรึกษากองทัพบก เป็นต้น
ทั้งนี้ ปีนี้จะมีการจัดพิธีอย่างยิ่งใหญ่เพื่อเทิดเกียรติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ ผู้บัญชาการทหารบก ที่ครบวาระเกษียณอายุราชการด้วย โดยจะจัดให้มีการสวนสนามเดินเท้า ยานยนตร์ อากาศยาน พร้อมนำอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จัดหาเข้ามาประจำการ ในช่วงที่พล.อ.ประยุทธ์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบก มาแสดงเพื่อให้เห็นถึงการพัฒนาศักยภาพกองทัพในห้วงที่ผ่านมา โดยมีการสวนสนามทั้งกำลังพล และอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ
ว่า สปน.งไม่มีอำนาจหน้าที่ทางกฎหมายในการบริหารจัดการงบประมาณหรือการจัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์เครื่องเสียงประจำห้องประชุมบนชั้น 5 และตนก็ไม่เคยคิดว่าเป็นคนดีหรือคนเก่งใดๆ เลย หากสื่อมีสิ่งใดที่จะแนะนำใช้สอยขอเพียงบอกให้ได้ทราบ และใคร่ขอเป็นมิตรแท้กับท่าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี