แฉซ้ำ‘ฮั้ว’สรรหาโจ๋งครึ่ม
สปช.ผัว-เมีย
พ่อตา-ลูกเขยเฟ้นกันเอง
สนช.ลากไส้มีหลายจังหวัด
จี้เปิดชื่อ550คนวัดโปร่งใส
ล้มเวทีมช.จัดเสวนา‘ปี๊บ’
บิ๊กตู่ย้ำห้ามเสวนาการเมือง
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 23 กันยายน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงภาพรวมตลอด 4 เดือนหลังยึดอำนาจการปกครอง ว่า รู้สึกว่าประชาชนมีความสุขมากขึ้น แต่ คสช.และครม.มีความทุกข์ เพราะมีปัญหาต่างๆให้ต้องแก้มากมายและการทำงานต้องโปร่งใส กระทบกับประชาชนให้น้อยที่สุดและต้องเดินหน้าทำงานต่อไป
สำหรับรายชื่อการสรรหาสมาชิกสภาปฎิรูปแห่งชาติ (สปช.) นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ได้ส่งรายชื่อผู้ที่คณะกรรมการสรรหาฯเลือกไว้ 550คน มาแล้ว ส่วนเสียงวิจารณ์เรื่องล็อกสเปก ตนไม่รู้เลยว่า มีการล็อกสเปกได้อย่างไร เพราะรายชื่อแต่ละคน ตนไม่รู้จักเลย
ยืนกรานห้ามพูด”การเมือง”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณี 60นักวิชาการล่ารายชื่อค้าน คสช.ที่ห้ามจัดเสวนาทางวิชาการว่าสามารถแสดงข้อคิดเห็นอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่การเมือง ให้เป็นวิชาการ แต่วิชาการเกี่ยวกับการเมืองอย่างไรตนไม่รู้ แต่เวลาพูดมาก็เป็นการเมืองทุกที ตนไม่เคยห้าม เพียงแต่บอกว่า ถ้าจะจัดประชุมหรือสัมมนาให้ขอการอนุมัติเข้ามา เราจะพิจารณา ดูเนื้อหา ซึ่งพอขอกันเข้ามาแล้ว แต่พอเราไปฟังก็คนละเรื่องกันหมด
พ้อเห็นใจในความเสียสละบ้าง
“ท่านบอกว่าห้ามอย่างนี้แล้วจะสอนเด็กอย่างไร มีเรื่องให้สอนตั้งเยอะ เช่น ค่านิยม 12ประการ สอนให้ทุกคนมีประชาธิปไตยที่ถูกต้อง ไอ้นี่พูดตรงข้ามรัฐบาลหมด มันไม่ได้ หรือโจมตี คสช.มันใช่หรือไม่ กลุ่มที่ออกมาพูดทั้ง 60 คนก็รู้กันอยู่ ท่านเคลื่อนไหวทำนองนี้มาตลอด ยืนยันว่าพวกเราตั้งใจทำงาน ทำไมไม่เห็นในความเสียสละของพวกเรา ไม่ใช่ผมดีใจนะที่เป็นนายกฯ คิดว่าเท่หรือ ไม่ใช่ แทนที่จะได้พักผ่อน ต้องมาทำงาน อายุ60 ผมแก่แล้ว ต้องพักผ่อน” นายกฯกล่าว
ยันคัดสรรสปช.ไม่มีล็อคสเปก
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการคัดเลือกสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า คณะกรรมการสรรหาทั้ง 11คณะ ได้เสนอรายชื่อเข้ามายัง คสช.แล้ว 550รายชื่อและตนได้ดูรายชื่อดังกล่าวแล้วและต้องทำให้เสร็จก่อนวันที่ 2ตุลาคม ผู้สื่อข่าวถามถึงมีการล็อกสเป็ก สปช.นายกฯ กล่าวว่า“ล็อคได้อย่าง ทางจังหวัดเขาก็เลือกมาโดยคณะกรรมการตั้งหลายคน เขาใช้โหวตคะแนนกันและผู้ที่จะมาเป็น.ต้องมีความรู้ความสามารถมีประสบการณ์ในด้านที่สมัครและไม่มีข้อคดีความต่างๆ ซึ่งเป็นไปตามข้อกำหนด เมื่อได้รายชื่อต้องไม่เปิดเผย เพราะรอนำขึ้นทูลเกล้าฯก่อน
โบ้ยสื่อตัดสินทุบทิ้งห้องข่าว
ส่วนการรื้อห้องสื่อมวลชน(รังนกกระจอก) พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้เข้าไปยุ่งอะไร ซึ่งนิสัยตนจะดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา เมื่อมาที่ทำเนียบฯเห็นผู้สื่อข่าวอยู่กันแน่นก็อยากให้ปรับปรุง รังกระจอกเป็นประวัติศาสตร์ก็ต้องให้เป็นรังนกกระจอกต่อไป เพียงแต่ว่า อยากให้ทำให้ใหม่หรือไม่ ถ้าให้ทำใหม่ก็จะทำให้อย่างดีหรือจะอยากให้ต่อเติมก็จะกั้นกระจกให้ข้างนอกแบบทรงเดิมที่มีอยู่ หากบอกอยู่อย่างเดิมดีแล้วก็จะไม่ทำ ยืนยันว่าจะไม่มีการย้ายรังนกกระจอก ซึ่งผู้สื่อข่าวมีความสำคัญ เพราะประชาชนรับข้อมูลจากสื่อ
อารมณ์ดีหยอกล้อเล่นกับสื่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เชื่อเรื่องหมอดูหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า หมอดูพูดอะไรไว้ก็ต้องฟัง การฟังหมอดูไว้ไม่เสียหายอะไร แต่ต้องดูว่า ฟังอย่างไร หากหมอดูบอกว่า จะเป็นนายกฯ แล้วไม่ทำความดี ก็จะเป็นได้อย่างไร ฟังไว้ แต่อย่าไปงมงาย”พร้อมแซวผู้สื่อข่าวกลับว่า หมอดูเตือนไว้อย่างเดียวว่าจะมีอุบัติเหตุ คือการปะทะกับนักข่าว เมื่อถามว่า คิดจะเป็นนายกฯจากการเลือกตั้งบ้างหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ส่ายหน้า พร้อมบอกว่า ไม่คิด ชะตาของบ้านเมืองมีอยู่แล้ว พระสยามเทวาธิราชเห็นอยู่ เมื่อถามอีกว่าจะเป็นนายกฯจากการรัฐประหารเท่านั้นหรือ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบอย่างอารมณ์ดีว่า”เดี๋ยวทุ่มด้วยโพรเดี้ยมเลย”จากนั้นรีบเดินเข้าห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้าทันที
คสช.ย้ำไม่ปิดกั้นนักวิชาการ
ก่อนหน้านั้น พ.อ.วินธัย สุวารี ทีมโฆษก คสช.กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจ ขอความร่วมมือกลุ่มธรรมศาสตร์เสรี ไม่ให้จัดเสวนาทางวิชาการ ว่า เนื่องจากหลายฝ่ายกังวลว่า บางกิจกรรมอาจถูกนำไปเกี่ยวข้องกับการเมือง เจ้าหน้าที่จึงต้องพิระมัดระวัง เพื่อบรรยากาศเชิงบวกสอดคล้องแนวทางความสงบเรียบร้อย จึงมีความจำเป็นที่เจ้าหน้าที่ต้องขอทราบรายละเอียดของประเด็นเนื้อหา รวมถึงรายละเอียดของผู้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อนำไปประกอบการพิจารณา ทั้งนี้เพื่อให้กิจกรรมนั้นๆ มีความเรียบร้อย เสริมบรรยากาศการพัฒนาที่ดีและต้องระวังไม่ให้บางบุคคลแฝงเข้ามาเคลื่อนไหวในลักษณะต่างๆที่อาจขัดแนวทางการรักษาความสงบเรียบร้อยในภาพรวม
แต่ต้องอยู่ในกรอบกฎกติกา
“ยืนยันว่า คสช.ไม่ได้ปิดกั้น หรือคุกคามเสรีภาพทางวิชาการใดๆ กรณีเสนอแนะ หรือสะท้อนปัญหาสามารถทำได้ในช่องทางที่เหมาะสม โดยการแก้ปัญหาและเดินหน้าปฏิรูปประเทศ รวมถึงการสร้างความปรองดองตามโรดแมประยะที่2และ3 ยังคงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ คสช.ต้องขอความร่วมมือจากทุกส่วนในการละเว้นชะลอการจัดกิจกรรมใดๆในเชิงการเมือง ที่หมิ่นเหม่ ล่อแหลมต่อการสร้างปมขัดแย้งและอาจทำให้เกิดความอ่อนไหวต่อการรับรู้ของสังคม ส่งผลให้สถานการณ์ของประเทศไม่นิ่ง ซึ่งจะเป็นอุปสรรคต่อการแก้ปัญหาในภาพรวม”พ.อ.วินธัย กล่าว
มช.จัดเสวนาเรื่อง’ปี๊บ’24กย.
ผู้สื่อข่าวรายนงานว่า หลังจาก พล.ต.ศรายุธ รังษี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 33 จ.เชียงใหม่ ได้ขอความร่วมมือคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ให้เลื่อนจัดเสวนาในหัวข้อ”ความสุขและปรองดอง ภายใต้รัฐธรรมนูญชั่วคราว57” ที่กำหนดจัดขึ้นวันที่ 25กันยายนนี้ เนื่องจากเกรงว่า อาจมีการชี้นำสังคมและกระทบต่อความมั่นคงได้นั้น ต่อมา กลุ่มนักวิชาการ นำโดย ศ.อรรถจักร สัตยานุรักษ์ นายชำนาญ จันทร์เรือง รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล ดร.พรชัย วิสุทธิ์ศักดิ์และ นายกฤษณ์พชร โสมณวัตร ได้รวมตัวจัดเวทีเสวนาวิชาการว่าด้วยเรื่อง”ปี๊บ” ในวันที่ 24 กันยายนนี้ ภายในคณะนิติศาสตร์ มช.เวลา 16.00น.เพื่อแสดงออกถึงการมีเสรีภาพทางวิชาการ
เชื่อทำได้เพราะไม่โยงการเมือง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ผศ.ชาตรี เรืองเดชณรงค์ คณบดีคณะนิติศาสตร์ มช.กล่าวว่า ได้รับแจ้งจาก รศ.สมชาย ปรีชาศิลปกุล หน.ศูนย์วิจัยและพัฒนากฎหมาย คณะนิติศาสตร์ มช.ขอจัดเวทีเสวนาย่อยเรื่องปี๊บ ซึ่งจะมีเนื้อหาสาระเกี่ยวกับเสรภาพทางวิชาการ เชื่อว่าสามารถดำเนินการได้ เนื่องจากเนื้อหาไม่ได้เกี่ยวโยงทางการเมือง
เช่นเดียวกับ นายชำนาญ จันทร์เรือง อดีตผู้สมัคร สว.เชียงใหม่ ในฐานะอาจารย์พิเศษคณะนิติศาสตร์ มช.เผยว่า หัวข้อและกลุ่มผู้จัดงานดังกล่าว เป็นคนละกลุ่มกับการเสวนาวิชาการ ความสุขและปรองดอง ภายใต้รัฐธรรมนูญชั่วคราว57 ของมูลนิธิคอนราด ฮาเดนาวร์ แห่งประเทศไทย ที่ถูกทหารขอให้ยกเลิกจัดงานวันที่ 25กันยายน จึงไม่เกี่ยวข้องกันและไม่ใช่เรื่องการเมืองแต่เป็นทฤษฎีและหลักการ สิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐาน เป็นองค์ความรู้ทางวิชาการซึ่งเตรียมบรรยายเรื่องดังกล่าวให้นักศึกษาทุกชี้นปีและประชาชนทั่วไปได้ทราบ
ทหารจับตา-ยุยงปลุกปั่นเจอปิด
ด้าน พล.ต.ศรายุธ รังษี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่33 กล่าวว่า การเสวนาเรื่องปี๊บตามที่ คณะนิติศาตร์ จะจัดขึ้นวันที่ 24กันยายนนั้น หากการเสวนาวิชาการดังกล่าวไม่เกี่ยวโยงกับเรื่องการเมือง ก็สามารถดำเนินการได้ แต่หากเนื้อหามีความเกี่ยวโยงทางการเมือง หรือมีการพาดพิงเกี่ยวกับการเมือง จะต้องขอความร่วมมือให้ยุติการเสวนาลง
‘อ.นิด้า’ค้านรบ.-เผด็จการชัด
นายอุดม ทุมโฆษิต อาจารย์คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์(นิด้า) กล่าวถึง คสช.ห้ามนักวิชาการจัดเสวนา ว่า นักวิชาการกลุ่มดังกล่าวคงต้องการส่งสัญญาณให้สังคมเห็นว่าการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จจะมีจุดสิ้นสุดอย่างไร ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลคงไม่อยากให้ออกมาพูดหรือแสดงความเห็นเวลานี้และใช้อำนาจที่มีอยู่คือ กฎอัยการศึกมากำราบ ส่วนที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ระบุว่า นักวิชาการต้องทำตามกฎหมาย หากจะจัดเสวนาต้องทำหนังสือขออนุญาต คสช.ก่อนนั้น ตนไม่เห็นด้วย ที่ต้องเอาหัวข้อไปให้เซ็นเซอร์ก่อน เพราะเป็นเผด็จการชัดแจ้งเกินไป
แม่ทัพ3อ้างล้มเล้ว-รอขออนุญาต
ด้าน พล.ท.ปรีชา จันทร์โอชา แม่ทัพภาคที่3 ในฐานะสภาชิก สนช.กล่าวถึงกรณีคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มช.จะจัดเวทีเสวนาวิชาการเรื่อง”ปี๊บ”วันที่ 24กันยายน เพื่อแสดงออกถึงการมีเสรีภาพทางวิชาการ ว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่กองทัพภาคที่3 ลงไปเจรจาเพื่อขอให้เลื่อนการจัดงานไปก่อนแล้ว ซึ่งทางผู้จัดงานแจ้งว่า จะยกเลิกงานดังกล่าว อีกทั้งจะทำหนังสือขออนุญาตจัดงานถึง คสช.เพื่อให้พิจารณาอนุมัติก่อน เมื่อถามว่า การจำกัดพื้นที่แสดงความคิดเห็นของรัฐบาลจะกลายเป็นน้ำผึ้งหยดเดียวหรือไม่ พล.ท.ปรีชา กล่าวว่า ขณะนี้ส่งเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับประชาชนทั่วพื้นที่เพื่อขอความร่วมมือในเรื่องการจัดกิจกรรมทางการเมืองเพื่อสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้นในบ้านเมือง
“บิ๊กป๊อก”หวั่นสร้างขัดแย้งรอบใหม่
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องการแสดงความคิดเห็นทางด้านการเมืองว่า ในส่วนตนคิดว่า เรื่องของบ้านเมืองเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ขณะนี้ภายใต้บริบทของสังคมที่มีความขัดแย้ง วุ่นวาย ความไม่ปรองดอง มีความเห็นที่แตกต่าง ซึ่งนักวิชาการที่ออกมาแสดงความคิดเห็นหรือจะมีการจัดเสวนาต้องพูดบนพื้นฐานของความเป็นจริง เพราะถ้าเป็นเรื่องบริสุทธิ์ทางวิชาการคงไม่มีใครมีปัญหา ซึ่งประเด็นคือ ถูกต้องจริงหรือไม่ เพราะไม่อย่างนั้นอาจจะทำให้เกิดวนกลับไปเรื่องความขัดแย้งอีก
รมว.ศธ.ไม่ห้ามแต่ขอปราม
ส่วนพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า สิทธิเสรีภาพทางวิชาการเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เพียงแต่ปัจจุบันยังถือว่าเป็นภาวะที่ไม่ปกติ ยังอยู่ระหว่างการประกาศใช้กฎอัยการศึก ดังนั้นการไปพูดหรือวิจารณ์ทางการเมือง ก็อาจจะต้องมีการปรามบ้าง ถือเป็นเรื่องที่ต้องขอร้องกัน ว่าอะไรที่ไปกระทบกับการเมือง และทำให้เกิดความรู้สึกไม่ดี ก็ต้องขอร้องให้ระมัดระวัง
ร้องคสช.เปิดชื่อสปช.ให้โปร่งใส
ขณะที่ นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงกระแสข่าวการล็อคสเปกการสรรหาสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ว่า การสรรหาในส่วนของจังหวัดมีการร้องเรียนกันมากถึงความไม่โปร่งใส ก็ควรหยุดการสรรหาและตรวจสอบให้ชัดเจนเพื่อความโปร่งใส พร้อมเปิดเผยรายชื่อทั้งหมดให้ประชาชนได้ตรวจสอบว่า มีความคืบหน้าไปถึงไหน ให้ทุกฝ่ายเกิดความสบายใจและให้เห็นว่า มีใครบ้าง เพื่อจะได้ตรวจสอบ หากต้องการความโปร่งใส ทาง คสช.คงไม่ขัดข้องที่จะเปิดเผยรายชื่อดังกล่าว
‘สมชาย’สาวไส้อีกฮั้วหลายจว.
นายสมชาย แสวงการ สนช.กล่าวว่า การคัดเลือก สปช.ขณะนี้ไม่ใช่ล็อกสเปก แต่เป็นเรื่องฮั้วกันในจังหวัด จึงอยากให้ชี้แจงว่า ลงคะแนนสรรหาอย่างไรผู้ที่ได้รับคัดเลือกออกมาเป็นกลุ่มเดียว เช่น จ.พังงา ผู้ได้รับเลือกเป็นประธานองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.) ประธานสภา อบจ. ที่ปรึกษา อบจ.ประธานหอการค้าและนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ซึ่งตนได้ข้อมูลว่าสรรหาลักษณะนี้ยังมีอีกหลายจังหวัด ไม่ว่าจะเป็น จ.สมุทรปราการ ชลบุรี ฉะเชิงเทรา เชียงใหม่ ขอนแก่นและจ.อุบลราชธานี ดังนั้นควรจะตรวจสอบ นอกจากนี้ ในเรื่องความหลากหลายก็ยังไม่มี เช่น เพศ ก็ไม่มีผู้หญิง กลุ่มอาชีพ ส่วนใหญ่เป็นเพียงกลุ่มเดียว ซึ่งการเลือกแบบนี้เรียกได้ว่า จับไก่ใส่เล้า เลือกอย่างไรก็ได้ไก่ในเล้า อย่างในพื้นที่ใน จ.พังงา ที่มีใบปลิวออกมา
แฉซ้ำสรรหา”สปช.”แบบผัว-เมีย
ด้าน นพ.อนันต์ อริยะชัยพาณิชย์ อดีตรองประธานวุฒิสภาและอดีต สว.สุรินทร์ กล่าวว่า การสรรหา สปช.ที่ จ.สุรินทร์ มีความไม่โปร่งใส เพราะกรรมการสรรหาคนหนึ่งเป็น นายกฯอบจ. และผู้เข้ารับสรรหารายหนึ่งมีความเกี่ยวข้องเป็นลูกเขย นอกจากนี้ทราบว่า ยังมีอีก 1จังหวัดในภาคอีสาน ที่กรรมการสรรหาเป็นสามี ส่วนผู้รับสรรหาเป็นภรรยา ซึ่งลักษณะแบบนี้เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งตนเห็นว่าการสรรหาสปช.บางจังหวัดต้องทบทวน หรือหากบอกว่า กระบวนการสรรหาเสร็จสิ้นแล้ว ตนก็ขอเรียกร้องไปยัง คสช.ให้ดำเนินการคัดเลือกเอง โดยในจังหวัดที่มีปัญหาความไม่โปร่งใสในการสรรหาก็ให้ส่งรายชื่อทั้งหมดให้ คสช.เป็นผู้ดำเนินการคัดเลือกเอง
“วิษณุ”ชี้เปิดชื่อ-คสช.ต้องอนุมัติ
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะคณะกรรมการสรรหาสมาชิก สปช.ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน กล่าวถึงยกเลิกคำสั่ง คสช.ตั้ง 14คณะกรรมการคัดเลือกสมาชิก สปช.ว่า เท่าที่ทราบคณะกรรมการคัดเลือกตั้งไว้นานแล้ว แต่รีบประกาศไม่ได้ เพราะพอประกาศลงราชกิจจานุเบกษาแล้วต้องคัดเลือกวันรุ่งขึ้นทันที แต่ สปช.ต่างจังหวัด ไม่มีคนคัดกรอง เลยคิดว่าตั้ง 14 นายพลขึ้นมาเพื่อคัดกรอง เพราะคสช.รับชื่อมาคงไม่รู้เรื่อง เช็คเองไม่ได้และก่อนหน้านี้มีร้องเรียนหลายจังหวัดว่า เอาลูกเอาเมีย น้องเขย สะใภ้ มาเป็น จึงต้องเขียนคำสั่งคัดเลือก 77คนส่วนจังหวัด
เมื่อถามว่า จังหวัดที่ร้องเรียนเรื่องเครือญาติแสดงว่า มีการล็อกสเปก นายวิษณุ กล่าวว่า เห็นร้องเรียนกันมา จริง ไม่จริง ไม่รู้ แต่ไม่น่าจะเรียกล็อกสเปก รายชื่อทั้งหมด 550คนส่งครบแล้วและเห็นหมดแล้ว คนดี คนเด่น คนดัง เข้ามามาก ห่วงก็แต่คนไม่ดีไม่เด่นไม่ดังที่น่าจะมีโอกาศบ้าง แต่ ไม่ได้เข้ามา เชื่อว่าเมื่อรายชื่อออกมาจะเป็นที่พอใจของสังคม อาจมีชื่อที่ไม่คุ้นบ้าง เราต้องให้โอกาส ทั้งนี้การเปิดเผยรายชื่อก่อนจะคัดให้เหลือ 250คนนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ คสช.
“อุเทน”เชื่อมีล็อกสเปกแน่นอน
นายอุเทน ชาติภิญโญ หัวหน้าพรรคคนไทย ในฐานะผู้สมัครเข้ารับสรรหาเป็นสมาชิก สปช.ด้านสังคม กล่าวถึงกระแสข่าวการคัดเลือก สปช.อาจมีการล็อกตัวบุคคลไว้แล้ว เนื่องจากไม่มีการเปิดเผยรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก ว่า เรื่องนี้ คสช.ไม่ควรที่จะปฏิเสธ เพราะยากที่จะทำให้คนทั่วไปเชื่อได้ แต่ควรยอมรับตรงไปตรงมาถึงเหตุผลความจำเป็นต้องที่ต้องตั้งคนของตัวเองมาเป็น สปช.เพื่อมาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ เพราะ คสช.ต้องนำคนที่ตัวเองควบคุมได้มาอยู่ในสภาปฏิรูปฯเพื่อให้ปลอดภัยไว้ก่อน ที่เหลือก็เอาคนภาพลักษณ์ดูดีและไม่มีปากเสียง
เจ๊ยุจี้แก้ปากท้องดีกว่าทุบห้องข่าว
นางยุวดี ธัญญศิริ หรือ’เจ๊ยุ’ผู้สื่อข่าวอาวุโสประจำทำเนียบรัฐบาล ให้สัมภาษณ์กรณีที่จะมีการทุบห้องทำงานสื่อมวลชน หรือรังนกกระจอก ว่า อยากถามว่า ทุบรังนกกระจอกมีความสำคัญอะไรกับรัฐบาล หรือคสช.เมื่อทราบข่าวว่า รัฐบาลจะทุบจริงๆก็งงว่า ทำไมรัฐบาลคิดแต่เรื่องรังนักข่าว ตนรู้สึกเสียดายงบประมาณที่จะนำมาใช้ หรือกลัวที่จะไม่ได้ใช้งบประมาณ ทั้งที่ปัญหาบ้านเมืองมีจำนวนมากที่รอให้แก้ไข ทั้งเรื่องข้าว เรื่องยางพารา เรื่องค่าครองชีพ รวมถึงเรื่องขายล็อตเตอรี่เกินราคาที่จะเห็นว่า จะแก้ไข แต่ก็ยังแก้ไม่ได้ ขอให้เอาเวลาไปคิดเรื่องทำงานมากกว่า
“นคร ศิลปอาชา”นั่งปลัดแรงงาน
ขณะเดียวกันที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายฉัตรพงษ์ ฉัตราคม รองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ เป็นผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติคนใหม่ แทน นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30กันยายนนี้ ทั้งยังมีมติเห็นชอบแต่งตั้ง นายนคร ศิลปอาชา อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน ไปดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงแรงงาน แทน นายจีรศักดิ์ สุคนธชาติ ที่จะเกษียณอายุราชการเช่นกัน พร้อมห็นชอบให้ต่ออายุตำแหน่ง นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการคณะรัฐมนตรีและนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ เลขาธิการสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ไปอีก 1ปี ระหว่างวันที่ 1ตุลาคม2557 ถึงวันที่ 30กันยายน2558
อังคารหน้าลุ้นตั้งปลัดยธ.
ส่วนการแต่งตั้งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) คนใหม่แทนนายถวิล เปลี่ยนศรี ที่จะเกษียณอายุราชการนั้น ยังไม่เสนอชื่อเข้าสู่ที่ประชุม แต่จะเข้าสู่การประชุม ครม.สัปดาห์หน้า(1ตุลาคม) ขณะที่ตำแหน่งปลัดกระทรวงยุติธรรมและอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) ก็ยังไม่มีการเสนอเข้าสู่การพิจารณา รวมถึงการเสนอชื่อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับ10กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็จะนำเข้าที่ประชุม ครม.ครั้งหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี