26 ก.ย.57 นายถาวร เสนเนียม อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการทำคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในปี 2553 ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า จากการสอบสวนของดีเอสไอในยุคที่ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เป็นอธิบดี ได้แบ่งสำนวนออกเป็น 4 กลุ่มคือ กลุ่มคดีก่อการร้าย กลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ออกมาปฏิบัติตามคำสั่ง กลุ่มคดีที่ประชาชนถึงแก่ความตาย และกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐตาย ปรากฏว่า สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ได้แยกสั่งฟ้องคดีก่อการร้ายสำหรับผู้ต้องหาบางคน แต่กลับไม่ฟ้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดี เมื่อมีข้อเท็จจริงว่า การก่อการร้ายเมื่อปี 2553 มีการแยกสำนวนออกเป็นส่วนๆ นั้น ส่อเจตนาว่า ทำเพื่อช่วยเหลือใครหรือไม่
ในกรณีเดียวกันมีการไต่สวนคดีชันสูตรพลิกศพ เมื่อพนักงานสอบสวนไม่ตั้งข้อกล่าวหาว่าการตายเกิดจากเจ้าพนักงานคนใด ตำรวจและทหารจึงไม่มีโอกาสนำข้อเท็จจริงมาเปิดเผยในชั้นไต่สวนชันสูตรพลิกศพว่า ฝ่ายกองกำลังติดอาวุธของผู้ชุมนุมได้ยิง เจตนาฆ่าและฆ่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมถึงขว้างระเบิดเพื่อสังหารเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นเหตุให้การค้นหาความจริงในการไต่สวนชันสูตรพลิกศพถูกบิดเบือนข้อเท็จจริง เพราะไม่เปิดโอกาสให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ออกปฏิบัติการตามหน้าที่ได้นำเสนอความจริงต่อศาลว่า มีการใช้อาวุธ มีกองกำลังติดอาวุธสงคราม มีชายชุดดำมาทำร้ายประชาชนก่อน
นายถาวร กล่าวต่อว่า กระบวนการทั้งหมดนี้ เป็นกระบวนการที่ช่วยเหลือผู้กระทำความผิด ซึ่งเป็นคนในระบอบทักษิณมาตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้น ตนจึงไม่อยากเห็น นายตระกูล วินิจนัยภาพ อัยการสูงสุด (คนปัจจุบัน) ซึ่งตกอยู่ในวงล้อมของกระบวนการระบอบทักษิณ ตกเป็นเหยื่อของการช่วยเหลือคนในระบอบทักษิณ ดังนั้น อัยการสูงสุดคนปัจจุบันต้องทบทวนการดำเนินคดีที่แบ่งออกเป็น 4 กลุ่ม และรวมคดีมาเป็นหนึ่งเดียว เพราะข้อเท็จจริงเกี่ยวโยงกันทั้งหมด ทั้งยังสามารถให้ความเป็นธรรมตามความเป็นจริงได้ กระบวนการนี้เริ่มต้นด้วยการพลิกกลุ่มผู้ก่อการร้ายเป็นผู้ก่อการดี
รวมถึงคดีของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และพระสุเทพ ปภากโร หรือ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และอดีต ผอ.ศอฉ.เพราะแผนนี้เมื่อขจัดนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ได้สำเร็จ ก็จะจัดการแม่ทัพ นายกองที่ปฏิบัติหน้าที่มาเป็นจำเลย เพราะอยู่ในฐานะปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่ง ดังนั้น ทหารและตำรวจที่ออกมาปฏิบัติหน้าที่ขณะนั้นเวลานี้มาเป็น คสช.จึงขอให้เตรียมพร้อมรับมือกับเรื่องนี้ให้ดี ไม่เช่นนั้นจะตกอยู่ในฐานะเดียวกับนายอภิสิทธ์ และนายสุเทพ จึงขอให้สำนักงาน อสส.อย่ารับลูกจากสำนวนเดิมของดีเอสไอ ยุคนายธาริตมาเล่นต่อ ที่ตนออกมาแสดงความเห็นมานี้ เพราะยังรักสถาบันอัยการ และเพื่อให้เกิดความยุติธรรมเป็นธรรมกับเรื่องที่เกิดขึ้นตามข้อเท็จจริง ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับการสร้างวาทะกรรม และการสร้างสถานการณ์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี