22 ต.ค.57 ที่อาคารรัฐสภา ในช่วงเช้าที่ผ่านมา การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช.ครั้งที่ 18/2557 โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เป็นประธานดำเนินการในการประชุม โดยก่อนเข้าระเบียบวาระการประชุม นายสุรชัย ได้แจ้งให้สมาชิก สนช. ให้ไปรับสำเนาสำนวนการถอดถอนของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในกรณีที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา และ นายนิคม ไวยรัชพานิช อดีตประธานวุฒิสภากรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มา ส.ว. โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ต่อมา ได้มีการแจ้งถึงระเบียบการลงชื่อเข้าประชุมและการลาประชุม โดยอาศัยอำนาจตามความในข้อ 82 วรรค 3 ของข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2557 หลังจากนั้น นายสุรชัย ได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า คณะกรรมาธิการการกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมและกิจการตำรวจ ที่มีพล.ร.อ. ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานคณะ กมธ. ได้มีหนังสือแจ้งว่า สมาชิก สนช. ได้ดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกในคณะกรรมการประสานงานกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) 3 ราย คือ นายกล้านรงค์ จันทิก นายตวง อันทะไชย และพล.ต.อ.พิชิต ควรเดชะคุปต์ จึงขอลาออกจากคณะกรรมาธิการดังกล่าว และได้ตั้ง พล.อ.องอาจ พงษ์ศักดิ์ เข้าเป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการดังกล่าวแทนที่ และ คณะกรรมาธิการสื่อสารมวลชน การวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสารสนเทศ ที่มี พล.ร.อ. วัลลภ เกิดผล เป็นประธานคณะ กมธ.ได้แจ้งว่า พล.อ.อ.ชาลี จันทร์เรือง ได้ดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกใน วิป สนช. และได้ตั้ง นายประมุท สูตะบุตร เข้าเป็นสมาชิกของคณะกรรมาธิการดังกล่าวแทนที่ ส่วนคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ค้างาช้างและร่าง พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า ที่มีนางพิไลพรรณ สมบัติศิริ เป็นประธานกรรมธิการฯ ได้แจ้งขอขยายระเวลาให้พิจารณาร่างกฎหมายไปอีก 30 วัน เนื่องจากมีสาระสำคัญที่จะต้องมีการพิจารณาด้วยความละเอียดรอบคอบ นอกจากนี้ นายสุรชัย ได้แจ้งว่า เนื่องด้วยในมาตรา 26 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ได้กำหนดให้มีกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยกำหนดสัดส่วนให้มีที่มาจากสมาชิก สนช. 5 คน ดังนั้น เพื่อให้การจัดตั้ง กมธ.ยกร่าง รธน.เป็นไปด้วยความเรียบร้อย จึงขอให้สมาชิก สนช. ที่มีความสนใจเป็นคณะ กมธ. ดังกล่าว ขอให้แจ้งความประสงค์ต่อสำนักเลขานุการวิป สนช. ภายในวันที่ 28 ตุลาคมนี้
หลังจากนั้น นายสุรชัย ได้เข้าสู่ระเบียบวาระการประชุม ซึ่งวาระที่สำคัญคือการพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดินตามมาตรา 6 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ประกอบประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ฉบับที่ 48/2557 ลงวันที่ 29 พฤษภาคม 2557 เรื่อง การสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่ง แทนตำแหน่งที่ว่าง โดยพร้อมกันนี้ได้เสนอรายงานของคณะกรรมาธิการสามัญที่มี พล.อ.อู้ด เบื้องบน เป็นประธานคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าว เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดินมาด้วยแล้ว โดย พล.อ.อู้ด ได้กล่าวว่า ตามที่ในการประชุม สนช. เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ได้มีมติเห็นชอบให้งดใช้ข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พ.ศ. 2557 ข้อ 137 วรรคหนึ่ง และข้อ 138 เป็นการชั่วคราวเฉพาะกรณี และได้มีมติตั้งคณะ กมธ. สามัญคณะหนึ่งเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติและพฤติกรรมทางจริยธรรมของ พล.อ.วิทวัส รชตะนันท์ ผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งผู้ตรวจการแผ่นดินจำนวน 15 คน โดยมีกำหนดระยะเวลาดำเนินงานภายใน 15 วัน ซึ่งบัดนี้ ทางคณะ กมธ. ได้พิจารณาเสร็จสิ้นแล้ว และได้เสนอเอกสารเพื่อพิจารณามาเพื่อให้เป็นข้อมูลให้สมาชิก สนช. ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลดังกล่าว เป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน ทั้งนี้เอกสารรายงานดังกล่าว ได้จัดทำเป็นรายงานลับตามข้อบังคับฯ ข้อ 141 และขอให้ที่ประชุม สนช.มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าวเป็นการลับ ตามข้อบังคับฯ ข้อ 143 วรรคสองด้วย ซึ่งผลการลงคะแนนของสมาชิก สนช. ปรากฏว่า เห็นชอบให้ พล.อ.วิทวัส รชตะนันท์ ให้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน
หลังจากนั้น ทางที่ประชุม สนช. ได้ให้ความเห็นชอบนายดิสทัต โหตระกิตย์ รองเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ตามมาตรา 63 วรรคสาม แห่งพระราชบัญญัติคณะกรรมการกฤษฎีกา พ.ศ. 2522 ทั้งนี้ เป็นไปตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี