เหลือง-แดงไม่ร่วมวงกมธ.
‘บวรศักดิ์’เตรียมไปคุยเอง
เคาะกรอบยกร่างรธน.
ไม่ยืดยาว-เน้นกม.ลูก
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญ เปิดเผยความคืบหน้าการยกร่างรัฐธรรมนูญว่า จะไม่ให้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่มีเนื้อหาที่ยาวจนเกินไปโดยจะบรรจุแต่หลักการสำคัญไว้ ส่วนรายละเอียดเนื้อหาจะนำไปบัญญัติในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญตามแนวทางที่ 5 ฝ่ายหารือกันเมื่อวันที่18พฤศจิกายนที่ผ่านมา
นายคำนูณ กล่าวว่า กมธ.ยกร่างฯยังจัดทำกรอบเวลาการดำเนินงานยกร่างฯ ทั้งกระบวนการ ตามลำดับดังนี้วันที่ 1 ธันวาคม 2557 ทางอนุกมธ.10 คณะส่งกรอบแนวทางการยกร่างรัฐธรรมนูญให้กับทาง กมธ.ยกร่างฯ จากนั้นวันที่ 1- 10 2557 ธันวาคม กมธ.ยกร่างฯพิจารณากรอบแนวทางยกร่างฯเบื้องต้น วันที่ 15-17 ธันวาคม 2557 กมธ.ยกร่างฯ ร่วมประชุมกับสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เพื่อรับฟังความเห็น
กมธ.กางปฏิทินยกร่างรธน.
จากนั้นวันที่ 18 – 26 ธันวาคม 2557 กมธ.ยกร่างฯ แก้ไขกรอบแนวทางเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ ส่วนวันที่ 19 ธันวาคม 2557 วันสุดท้ายที่สมาชิก สปช. จะเสนอความเห็นหรือข้อเสนอแนะต่อกมธ.ยกร่างฯ วันที่ 5 มกราคม 2558 ยกร่างรัฐธรรมนูญเบื้องต้นเป็นรายมาตราด้วยภาษากฎหมายตามกรอบแนวทางการยกร่างรัฐธรรมนูญ วันที่ 17 เมษายน 2558 เป็นวันสุดท้ายที่กมธ.ยกร่างฯจะจัดทำแนวทางร่างรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จ จากนั้นเสนอร่างรัฐธรรมนูญต่อประธาน สปช. และเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) และ คสช.ด้วย วันที่ 26 เมษายน 2558 วันสุดท้ายที่สมาชิก สปช.ต้องพิจารณาเสนอแนะหรือให้ความเห็นเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จ
ทูลเกล้าฯรธน.ใหม่4กันยาฯ
จากนั้นวันที่ 16 พฤษภาคม 2558 วันสุดท้ายที่ครม.และคสช.สามารถเสนอความเห็นหรือยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติม วันที่ 25 พฤษภาคม 2558 วันสุดท้ายที่ทาง สปช.ยื่นคำขอแก้ไขเพิ่มเติมร่างรัฐธรรมนูญต่อ กมธ.ยกร่างฯ วันที่ 23 กรกฎาคม 2558 วันสุดท้ายที่กมธ.ยกร่างฯ ต้องพิจารณาคำขอแก้ไขเพิ่มเติมให้แล้วเสร็จ และเสนอต่อ สปช.ให้พิจารณา สำหรับวันที่ 6 สิงหาคม 2558 เป็นวันสุดท้ายที่สปช.ต้องมีมติเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ และในวันที่ 4 กันยายน 2558 วันสุดท้ายที่ประธานสปช.ต้องนำร่างรัฐธรรมนูญขึ้นทูลเกล้าฯเพื่อให้ทรงลงพระปรมาภิไธยประกาศใช้เป็นรัฐธรรมนูญต่อไป
ให้น้ำหนักเน้นออกกม.ลูก
สำหรับการออกกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญนั้น ทางคณะอนุกมธ.จัดทำข้อเสนอแนะในการตราหรือแก้ไขกฎหมายเพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ ที่มีนายเจษฎ์ โทณะวณิก เป็นประธาน จะเป็นผู้รับผิดชอบในการพิจารณา ซึ่งเป็นเรื่องที่สำคัญเพราะจากบทเรียนในการใช้รัฐธรรมนูญปี 40 และ50 นั้นพบว่ามีหลักการที่ดีแต่ไม่ถูกนำมาปฏิบัติจริงเพราะไม่มีกฏหมายลูกรองรับการปฏิบัติ
ส่วนร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่คาดว่าจะมีการตราออกมามีด้วยกันหลายฉบับ อาทิ ร่างพ.ร.บ.คณะกรรมการการเลือกตั้ง ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยพรรคการเมือง ร่างพ.ร.บ.เกี่ยวกับวินัยการเงิน การคลัง รวมถึงร่างพ.ร.บ.วิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เป็นต้น ส่วนจะกี่ฉบับนั้นขึ้นอยู่กับโครงสร้างรัฐธรรมใหม่จะเปลี่ยนแปลงสาระมากน้อยแค่ไหน
ไม่รับรองสถานะองค์กรอิสระ
เมื่อถามว่า หากมีการยกร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวกับองค์กรอิสระฉบับใหม่ จะมีผลให้ผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระปัจจุบันพ้นจากตำแหน่งหรือไม่ นายคำนูณ กล่าวว่า ทั้งหมดขึ้นอยู่กับการกำหนดไว้ในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญว่า จะมีการบัญญัติถึงสถานะขององค์กรอิสระอย่างไร
แดง-เหลืองเมิน-บวรศักดิ์โร่คุย
นายคำนูณ กล่าวอีกว่า ได้รับการประสานอย่างเป็นทางการว่ากลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ว่าจะไม่เข้าร่วมแสดงความเห็นต่อกมธ.ยกร่างฯ ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ขอเลื่อนกำหนดวันแสดงความคิดเห็นออกไปก่อน ส่วนพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้รับการประสานเช่นกัน
“กรณีที่นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย จะเข้ามาแสดงความคิดเห็นต่อ กมธ.ยกร่างฯ ในนามส่วนตัวคงไม่สามารถทำได้ เพราะจะต้องได้รับมอบหมายจากหัวหน้าพรรค หรือคณะกรรมการบริหารพรรคก่อนทั้งนี้นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯ มีแนวคิดจะเดินทางไปหารือกับพรรคพท.และนปช.เพื่อขอความเห็นด้วยตัวเองต่อไป”นายคำนูณ กล่าว
ยังไม่ฟันธงทำ”ประชามติ”
ส่วนกรณีนายสมหมาย ภาษี รมว.คลังบอกว่าที่ประชุม 5ฝ่ายเห็นด้วยกับการทำประชามตินั้น นายคำนูณ กล่าวว่า ยังไม่ชัดเจนเนื่องจากรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันยังไม่มีการแก้ไข เพื่อเปิดช่องให้มีการทำประชามติ แต่หากมีการทำประชามติ จะมีผลให้กระบวนการที่กำหนดไว้ในปฏิทินล่าช้าออกไปอีก 3 เดือน
อนุกมธ.ฯเดินสายฟังความเห็น
ด้านนางถวิลวดี บุรีกุล สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ ในฐานะประธานคณะอนุกมธ.การมีส่วนร่วมและรับฟังความคิดเห็นของประชาชน เปิดเผยถึงตารางกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นของอนุกมธ.ว่า 1.เปิดเวเทีรับฟังความคิดเห็นด้วยกระบวนการประชาเสวนาในประเด็นที่ควรพิจารณาในการยกร่างรัฐธรรมนูญ โดยจัดร่วมกับสมาชิก สปช. และหน่วยงานเครือข่าย ช่วงเดือนธ.ค. 2557 – ก.พ. 2558 โดยกลุ่มเป้าหมายประมาณ 160 คน และประชาชนกลุ่มเฉพาะ เช่น กลุ่มความเห็นทางการเมือง เยาวชน ประมาณ 40 คน ซึ่งจะลงพื้นที่ใน 10 แห่งคือภาคอีสาน 3 พื้นที่ภาคเหนือ ภาคใต้ ภาคกลาง ภาคละ 2 พื้นที่ และภาคตะวันออก1พื้นที่
2.เปิดเวทีรับฟังความเห็นจากประชาชนที่สนใจและเกี่ยวข้องเฉพาะประเด็น เช่น การเลือกตั้ง, สิทธิเสรีภาพ, ทรัพยากร ช่วงธ.ค. 2557 – มี.ค. 2558 โดยเวทีดังกล่าวจะเกิดขึ้นจำนวน 10 เวทีตามพื้นที่ที่เกี่ยวข้องและมีความน่าสนใจ โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่เข้าร่วมจำนวน 50 -100 คน 3.เปิดเวทีรับฟังความเห็นจากกลุ่มเฉพาะ เช่น เยาวชน ซึ่งจัดโดย สปช. ช่วงธ.ค. 2557 – พ.ค. 2558 คาดว่าจะจัดตามภาค จำนวน 10 ครั้งๆ ละ 50 คน 4.เปิดเวทีรับฟังความเห็นตามความสนใจของประชาชนภาคส่วนต่างๆ และสปช.ไปรับฟังความเห็นในเดือนธ.ค. 2557 – ส.ค.2558
และ 5.ลงพื้นที่สำรวจความเห็นประชาชนในประเด็นเฉพาะด้วยแบบสอบถามร่วมกับสำนักงานสถิติแห่งชาติ ช่วงธ.ค. 2557 –มิ.ย. 2558 โดยกลุ่มเป้าหมายจะมาจากการสุ่มตามความน่าจะเป็น จำนวน 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกเป็นแบบเฉพาะ และครั้งที่สองเป็นประเด็นในการร่างรัฐธรรมนูญ โดยจัดขึ้นทั่วประเทศ ส่วนเวทีต่างๆ จะเริ่มขึ้นในวันใดที่ชัดเจนนั้น ทางอนุกมธ. จะมีการประชุมเพื่อวางแผนกันอีกครั้งในสัปดาห์หน้า
พช.ย้ำร่างรธน.ต้องเป็นธรรม
นายสุระ เตชะทัต โฆษกพรรคพลังชล (พช.) กล่าวถึงการยกร่างรัฐธรรมนูญว่า เมื่อสถานการณ์บ้านเมืองมาถึงขณะนี้เราก็ต้องให้กำลังใจทุกฝ่ายให้ทำงานเดินหน้าไปได้ ยอมรับและให้เกียรติความคิดเห็นทุกคน เพราะแต่ละคนที่เข้ามาทำงานนั้น เป็นผู้ที่มีความรู้ความสามารถอยู่แล้วและพรรคพลังชลเองพร้อมให้ความร่วมมือกับทุกฝ่าย
“อยากให้คนที่เกี่ยวข้องกับการยกร่างรัฐธรรมนูญระลึกอยู่เสมอว่ากฎหมายใช้กับทุกภาคส่วน ต้องทำให้เกิดความเสมอภาคและเป็นธรรม เชื่อว่าสังคมน่าจะยอมรับได้ ส่วนการปฏิรูปประเทศนั้นมีหลายฝ่ายให้ข้อมูลไปมากแล้ว ถ้านำข้อพิจารณาจากทุกส่วนทุกอาชีพไปประกอบการดำเนินการปฏิรูปก็น่าจะเป็นประโยชน์และสามารถนำไปสู่การพัฒนาที่ดี”นายสุระกล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี