กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ
ผวาของใหม่
ล้มเลือกตั้งนายกโดยตรง
กลัวจะเกิดปัญหามากกว่าเดิม
“เทียนฉาย”ปลุกใจนักศึกษา
ร่วมกำหนดอนาคตบ้านเมือง
เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม เวลา 09.10 น. ที่ห้องประชุมวายุภักษ์ โรงแรมเซ็นทราศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาฯ แจ้งวัฒนะสถาบันพระปกเกล้า ร่วมกับ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรจัดโครงการเวทีเสวนาเรื่อง “สานพลังนักศึกษา เพื่อปฏิรูปประเทศไทย”เพื่อเปิดโอกาสให้นิสิต นักศึกษา มีส่วนร่วมในกระบวนการปฏิรูปประเทศไทย และยกร่างรัฐธรรมนูญอันนำไปสู่การปกครองในระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
เทียนฉายเปิดทางนักศึกษากู้ชาติ
โดยนายเทียนฉาย กีระนันทร์ ประธานสภาปฎิรูปแห่งชาติ(สปช.)เป็นประธานเปิดโครงการฯและได้กล่าวเปิดเสวนาช่วงหนึ่งว่ารู้สึกยินดีมากที่ตัวแทนนิสิต นักศึกษามาชุมนุมกันที่นี่ภายใต้กระบวนการประชาเสวนาโดยมีเป้าหมายชัดเจนคือความคาดหวัง และการมองอนาคตร่วมกันของประเทศของเรา ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมาก แม้จะมีความคิดที่หลากหลายในปัจจุบัน แต่เราต้องตอบคำถามให้ได้ว่าประเทศนี้จะไปอย่างไรจะไปถึงไหนถึงเวลาที่เราต้องช่วยกันจริงๆแล้วรุ่นของพวกท่านเป็นส่วนสำคัญมาก เพราะอนาคตของประเทศนี้เป็นของท่านมากกว่าคนรุ่นตนที่มาทำหน้าที่ใน สปช.จึงมีหน้าที่ประคองให้เกิดความเห็นร่วมกันให้ได้ว่าอยากเห็นประเทศของเราเป็นอย่างไรจะเดินไปไหน เพราะปัญหานั้น มีมากแต่หากเราเดินอยู่ในวังวนปัญหา เราก็เดินหน้าไม่ได้แต่ถ้าจะไม่มองปัญหาที่วนเวียนและกวนใจ ก็เดินหน้าไม่ได้
ชี้รับฟังความเห็นไม่ใช่พิธีกรรม
นายเทียนฉาย กล่าวด้วยว่า สิ่งสำคัญ สปช.ไม่ได้มองกระบวนการประชาเสวนานี้ เป็นเพียงพิธีกรรม ที่สักแต่ทำให้ผ่านไป แต่เราต้องการเค้นเอาความเข้าใจและความเห็นตรงนั้น ไม่ใช่คน 250 คนมาคิด มาวางอนาคตของประเทศ เพราะประเทศเป็นของทุกคน แน่นอนความเห็นของผู้คนในส่วนนี้อีกของผู้คนอีกมากมายที่ได้จัดเวทีในรูปแบบต่างๆเช่นเดียวกันนี้ เราก็ต้องการความเห็นนั้นจริงๆ เพื่อเอามาคิด วิเคราะห์ สังเคราะห์ว่าเราจะนำความเห็นนั้นมาใช้อย่างไร ประเทศเราจะต้องเดินหน้าให้ได้ ส่วนเดินหน้าอย่างไร เราต้องมาช่วยกันคิด เชื่อว่าอีกไม่นานวาระสปช.ก็จะจบแต่อนาคตของสปช.ยังไม่จบเพราะเราจะรอนิสิตนักศึกษา รอประชาชน แล้วเดินหน้าประเทศนี้ไปด้วยกันในฐานะประชาชนชาวไทย
ตอกย้ำ6 เรื่องที่อยากชวนให้คิด
ทั้งนี้ ประธาน สปช.ย้ำว่ารัฐธรรมนูญ ปี57ฉบับชั่วคราว ระบุให้มีสปช.เพื่อดำเนินการปฏิรูปด้านต่างๆซึ่งเป็นความตั้งใจให้มี สปช.อย่างนี้เป็นครั้งแรกและเชื่อว่าเป็นครั้งเดียวในโลกมี6 เรื่องที่ สปช.อยากชี้ชวนให้คิด คือ 1.เราจะปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ที่มีความเหมาะสมกับสังคมไทย 2.เสร็จงานปฏิรูปนี้แล้วต้องมีระบบเลือกตั้งที่เป็นธรรม 3.เราทำการปฏิรูปที่มุ่งหวังการปราบการทุจริตคอรัปชั่น ที่เป็นการปราบทุจริตที่มีประสิทธิภาพ 4.เมื่อปฏิรูปแล้วเราต้องขจัดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม5.ปฏิรูปแล้วต้องมีกลไกของรัฐที่คอยให้การบริการประชาชนอย่างทั่วถึง รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ และ6.หวังว่าเมื่อปฏิรูปแล้วจะเกิดการบังคับใช้กฎหมายที่เป็นธรรม พอแล้วกับการเลือกปฏิบัติ
ปลุกช่วยทำให้ปท.เดินหน้าให้ได้
อย่างไรก็ตาม นายเทียนฉาย ยังกล่าวอีกว่า หลายคนตั้งข้อสังเกตถึงที่มาของสปช.ว่ามาจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เรามองว่าเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่รู้ตัวว่าต้องทำอย่างไรกับแผ่นดินนี้ การเข้ามาของ250 คน เราก็ไม่มีความสุขเท่าไร แต่มีทางเลือกไม่มากนักเพราะต้องช่วยกันทำให้ประเทศเดินหน้าให้ได้ ทั้งนี้ 3 วันที่ผ่านมา สปช.ก็ทำงานเต็มที่และได้เสนอกรอบการยกร่างรัฐธรรมนูญต่อกรรมาธิการรัฐธรรมนูญได้ทันตามเวลา หวังว่านิสิตนักศึกษาจะเป็นตัวกำหนดก้าวสำคัญของประเทศไทย ขอให้มาช่วยกันคิดช่วยกันทำ ร่วมคิดสร้างไทย ร่วมใจสร้างอนาคต และหวังว่าการเสวนาจะประสบความสำเร็จตามที่หวังไว้
บวรศักดิ์ย้ำรธน.ใหม่ต้องแก้ขัดแย้ง
ต่อมาเวลา10.50น. นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญได้บรรยายพิเศษเรื่อง“การยกร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย”ให้กับตัวแทนนิสิตและนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยต่างๆทั่วประเทศในโครงการเวทีประชาเสวนา“สานพลังนักศึกษาเพื่อปฏิรูปประเทศไทย”โดยได้กล่าวตอนหนึ่งว่ารัฐธรรมนูญที่กำลังดำเนินการต้องพยายามแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองในภาวะไม่ปกติโดยปัญหาแรกที่เราประสบคือเรื่องความขัดแย้งดังนั้นรัฐธรรมนูญต้องมีกลไกในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง หากไม่มีกลไกสร้างความปรองดองก็แปลว่ารัฐธรรมนูญไม่ได้เขียนในภาวะที่จะทำให้ปัญหาหมดไปเพราะเรื่องความขัดแย้งร้าวลึกเป็นปัญหาเฉพาะหน้าในขณะนี้
ดึงคนรุ่นใหม่ร่วมกำหนดชะตา
“แม้ยึดอำนาจแล้วจะเกิดความสงบ แต่ปัญหาต่างๆยังคงอยู่ เพราะสงบแค่ชั่วคราวโดยอำนาจจากกฎอัยการศึกและอำนาจที่เหนือกว่าเมื่อเกิดรัฐธรรมนูญแล้วความขัดแย้งก็จะกลับมาอีก ดังนั้นรัฐธรรมนูญต้องแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง เป็นอันดับแรกโดยความขัดแย้งต่างๆเกิดจากคนรุ่นเดียวกับผมที่มีอายุ 60ปีขึ้นไปแล้ว ไม่ได้เกิดจากเยาวชนรุ่นใหม่ คนรุ่นผมเปรียบเสมือนอาทิตย์อัสดง แต่รุ่นเยาวชนเปรียบเสมือนอาทิตย์อุทัยที่ต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการกำหนดชะตาบ้านเมือง ในวันที่ยึดอำนาจ ไปสอนนักศึกษาพบว่านักศึกษาไม่ได้ให้ความสนใจ แต่กลับเล่นอิสตราแกรม เล่นกีต้าร์อย่างเพลิดเพลิน ในวันที่เขายึดอำนาจ ทั้งที่นักศึกษาต้องสู้เพื่อความถูกต้อง หากเราอยากเห็นบ้านเมืองสงบมีความสุข ทุกคนจะอยู่นิ่งไม่ได้ ต้องออกมารับผิดชอบด้วยวิธีการสร้างสรรค์นำความคิดต่างๆมาใส่เข้าไป”นายบวรศักดิ์ กล่าว
ปลุกนศ.ระดมร่วมออกแบบรธน.
นายบวรศักดิ์ กล่าวต่อว่ เรามีเวลาถึงวันที่ 17 เม.ย. 2558 ที่จะส่งความคิดเห็นเรื่องรัฐธรรมนูญให้กับกมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญจากนั้นจะส่งให้ สปช.อภิปราย โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 25 พ.ค. 2558ซึ่งในระหว่างนั้น เรายังสามารถขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญได้จนถึงวันสุดท้ายคือ ประมาณวันที่ 23 ก.ค. 2558 เพื่อนำความเห็นทุกฝ่ายมาตกลงกัน ทั้งนี้ ทุกคนสามารถเสนอความเห็นได้ตลอดเวลา แต่ถ้าอยากให้เป็นเรื่องเป็นราว ขอให้เสนอก่อนวันที่ 17 เม.ย. 2558เพราะจะเข้า กมธ.ยกร่างฯโดยตรง
“ทั้งนี้ ความคิดของนักศึกษาจะได้รับการพิจารณาในระดับต้นๆเพราะถือว่าเป็นความคิดของคนรุ่นใหม่ คิดว่าทุกคนจะเป็นกำลังสำคัญ ดังนั้น อย่าปล่อยให้คนรุ่นเดียวกับตนมารับผิดชอบแบกภาระ อีกทั้งคนรุ่นตนก็มีอยู่ในวงจรความขัดแย้ง ขอให้ทุกคนกลับไปประชุมสภานิสิตหรือสภานักศึกษาหรือองค์การนิสิตนักศึกษาในมหาวิทยาลัยของตนเอง และส่งความเห็นมาที่ กมธ.ยกร่างฯหรือ สปช.เพื่อเป็นส่วนสำคัญทำให้รัฐธรรมนูญเป็นของคนรุ่นใหม่ ซึ่งเราจะใส่เรื่องสิทธิมนุษยชนลงไปด้วยเพราะอนาคตของบ้านเมืองไม่ได้อยู่กับคนรุ่นเก่า แต่อยู่ในมือของคนรุ่นใหม่”ประธาน กมธ.ยกร่างฯ ย้ำ
พับแผนเลือกนายกฯโดยตรง
เย็นวันเดียวกัน “เสธ.อู้”พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่าในสัปดาห์หน้า คณะกรรมาธิการยกร่างฯ จะประชุมเพื่อพูดคุยถึงรายละเอียดในประเด็นต่างๆที่ทางสนช.และ สปช. ตลอดจนภาคส่วนต่างๆได้เสนอมาให้ ขณะนี้มีนับพันประเด็น เพื่อให้เกิดการตกผลึกเบื้องต้นในวันที่ 22 ธ.ค.จะหารือประเด็นภาคประชาชน วันที่ 23 ธ.ค.จะหารือประเด็นภาคการเมือง น่าจะได้ ข้อสรุปเบื้องต้นในแนวทางปฏิรูปการเมือง อาทิวิธีการเลือกตั้ง จะเป็นแบบใด จะมีการเลือกตั้งนายกฯและครม.โดยตรงหรือไม่ซึ่ง กมธ.ยกร่างฯหลายคนเห็นตรงกันว่า การไปลองของใหม่โดยใช้วิธีเลือกนายกฯโดยตรงไม่มีอะไรรับประกันว่าจะแก้ปัญหาได้จริง อาจเกิดปัญหาใหม่ในอนาคตได้ และไม่ช่วยแก้ปัญหาซื้อเสียงแล้วยังมีจุดอ่อนเพิ่มขึ้นทำให้คนแพ้ ไม่มีที่ยืนทางการเมือง ไม่ได้เป็นทั้ง ส.ส.และรัฐมนตรี จึงเป็นเรื่องยากที่จะมีการเปลี่ยนแปลงแบบ 100%
สกัดซื้อเสียงเพิ่มโทษหนักถึงติดคุก
ในส่วนการเลือกตัวนายกฯ หากจะให้เลือกผ่านสภาฯ เช่นเดิม กมธ.ยกร่างฯ จะต้องกำหนดกลไกควบคุมการเลือกตั้งให้เกิดความโปร่งใสมากที่สุด ไม่มีการซื้อเสียง อาจจะมีการกำหนดบทลงโทษผู้ซื้อสิทธิขายเสียงให้หนักขึ้น หรือลงโทษหัวคะแนนที่ซื้อเสียงถึงขั้นถูกจำคุก จะต้องพิจารณาเรื่องวิธีการลงคะแนนเลือกตั้ง ส.ส.ว่าจะใช้แบบใด ระหว่างเขตเดียวเบอร์เดียวหรือการเลือกเขตละ 3 คน การนับคะแนนเลือกตั้ง การให้นักการเมือง มีอิสระจากพรรคการเมืองซึ่ง กมธ.ยกร่างฯต้องหารือรายละเอียดอีกครั้งว่าจะมีวิธีการอย่างไรเพื่อให้การเลือกตั้งมีความโปร่งใสที่สุด
โยนทำประชามติให้นายกฯชี้ขาด
ส่วนเรื่องการทำประชามติรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น กมธ.ยกร่างฯจะไม่ทำความเห็นเสนอเรื่องนี้ในการยกร่างรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคสช.และนายกรัฐมนตรี จะเป็นผู้ตัดสินใจเอง ที่ผ่านมานายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกมธ.ยกร่างฯเคยแสดงความเห็นไปแล้วว่าควรมีการทำประชามติ และเท่าที่ฟัง กมธ.ยกร่างฯคุยกัน หลายคนเห็นด้วยว่าควรทำประชามติเพื่อ เป็นการตอกย้ำถึงความชอบธรรมของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ อีกทั้งแสดงถึงความมีส่วนร่วมของประชาชนอย่างชัดเจน หากจะทำประชามติ ก็ต้องไปเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี2557ก่อน จากนั้นค่อยเสนอเป็นกฎหมายการทำประชามติต่อสนช.ต่อไป.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี