9 ม.ค.58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการชี้แจงแถลงเปิดคดีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กรณีที่ป.ป.ช.กล่าวว่า ไม่ใช้อำนาจยับยั้งหรือยุติการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวนั้น ช่วงหนึ่งได้กล่าวถึงเอกสารการประชุมของ ป.ป.ช.ที่ระบุว่า ยังไม่พบหลักฐานหรือมีส่วนร่วมในการทุจริตหรือสมยอมให้เกิดการทุจริต มาเสนอต่อสมาชิก สนช. ซึ่งเอกสารดังกล่าวเป็นการประชุมครั้งที่ 566-34/2557 ลงวันที่ 8 พ.ค.57 วาระที่ 6.4 สังกัด สำนักไต่สวนการทุจริตภาคการเมือง 1 เรื่อง “สำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ตามคำร้องขอให้ถอดถอน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย กรณีละเลยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวของรัฐบาล (เรื่องกล่าวหา เลขที่ดำ 5730030605)
โดยเอกสารช่วงตอนที่น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวถึงนั้นระบุว่า “..สรุปได้ว่า การดำเนินโครงการมีจุดอ่อนหรือความเสี่ยงในทุกขั้นตอนตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเกษตรกรจนถึงการระบายข้าว ซึ่งเป็นช่องทางนำไปสู่การสวมสิทธิ์การจำนำและการทุจริตในโครงการ รวมทั้งการดำเนินโครงการเกิดผลกระทบสร้างความเสียหายต่อเงินงบประมาณแผ่นดินและเกษตรกร ความเสี่ยงต่อระบบการคลังของประเทศ และไม่เกิดการพัฒนาการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน จึงได้เสนอแนะให้พิจารณาทบทวนและยุติการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในฤดูกาลต่อไป และกรณีการจ่ายเงินจำนำตามโครงการล่าช้า ควรมีมาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาผลกระทบและความเสียหายให้แก่เกษตรกรดังกล่าวด้วย
ยิ่งกว่านั้นปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีชาวนาที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวตามนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่ผู้ถูกกล่าวหาได้แถลงไว้ต่อรัฐสภายังไม่ได้รับเงินอีกเป็นจำนวนมากทำให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จึงเป็นกรณีจำเป็นที่ผู้ถูกกล่าวหาในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ จะต้องเสนอนโยบายและกรอบยุทธศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องข้าวอย่างเป็นระบบ และในฐานะนายกรัฐมนตรีที่จะต้องพิจารณายับยั้งโครงการตั้งแต่เริ่มรับทราบว่ามีการทุจริตในการดำเนินโครงการ และความเสียหายต่างๆ จากการดำเนินโครงการ แต่ผู้ถูกกล่าวหากลับยืนยันที่จะดำเนินโครงการต่อไป ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการมากขึ้นไปเรื่อยๆ
แม้ในชั้นนี้พยานหลักฐานยังไม่ปรากฎชัดเจนว่า ผู้ถูกกล่าวหามีส่วนร่วมในการทุจริตหรือสมยอมให้เกิดการทุจริตด้วยก็ตาม แต่การที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่บริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา ว่าจะป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง โดยยึดหลักความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยพิจารณายุติหรือยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวของรัฐบาล เพื่อระงับยับยั้งมิให้เกิดการทุจริตและระงับยับยั้งมิให้เกิดความเสียหายจากการดำเนินโครงการมากยิ่งขึ้น
ซึ่งถือได้ว่า เป็นสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าวที่ร้ายแรงที่สุดของประเทศ ทั้งที่ผู้ถูกกล่าวหามีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 11(1) ที่จะสั่งยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวนั้นได้ ”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี