22 ม.ค.58 นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ตั้งข้อสังเกตต่อการปฏิบัติหน้าที่ของคณะทำงานร่วมระหว่างอัยการสูงสุด (อสส.) กับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ของ อสส.ว่าได้ปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่ด้วยความชอบธรรมหรือไม่ ทั้งนี้ เนื่องจากที่ตนตั้งข้อสังเกต เพราะได้ไปยื่นเรื่องขอความเป็นธรรมต่อ อสส.รวม 2 ครั้ง ภายหลังที่ ป.ป.ช.ส่งสำนวนคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าวมายัง อสส.และต่อมา อสส.ได้ตั้งคณะทำงาน ที่มี นายวุฒิพงศ์ วิบูลย์วงศ์ เป็นหัวหน้าคณะทำงาน
ทั้งนี้ ในเบื้องต้นคณะทำงานได้สรุปข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจากสำนวน ป.ป.ช.แล้ว อสส.ได้ชี้ข้อไม่สมบูรณ์รวม 3 ประเด็น อาทิเช่น คดีนี้ไม่มีหลักฐานทุจริต มีเพียงปกรายงาน TDRI ให้สั่งสอบว่ามีการทุจริตในขั้นตอนใด เป็นต้น และครั้งสุดท้ายตนได้ไปยื่นขอความเป็นธรรมตามที่ อสส.ชี้ข้อไม่สมบูรณ์ ปรากฏว่า เมื่อวันที่ 16 ม.ค.58 นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช.ได้ตอบข้อซักถามในสภา ในลักษณะชี้นำ ทั้งๆ ที่เรื่องนี้เป็นความลับว่ามีการตกลงระหว่างคณะทำงานร่วม ระหว่างฝ่าย อสส.และฝ่าย ป.ป.ช.เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ว่าคณะทำงานร่วมมีมติเห็นว่าคดีมีมูล มีข้อตกลงกันได้ว่า อสส.จะฟ้องคดีอาญาโครงการรับจำนำข้าวให้กับ ป.ป.ช.ซึ่งเป็นข้อพิรุธ ว่าเหตุใด นายวิชาจึงกล้าพูดชี้นำเช่นนั้น
แต่ความมาปรากฏต่อมาว่า นายวุฒิพงศ์ หัวหน้าคณะทำงานร่วม ระหว่างฝ่าย อสส.กับฝ่าย ป.ป.ช.แถลงข้อเท็จจริง วันที่ 21 ม.ค.58 ว่า "ตนในฐานะหัวหน้าคณะทำงานไม่เห็นทราบเรื่องที่ ป.ป.ช.ไปออกข่าว ไปประชุมกันตอนไหน ยังงงว่าทำไมไม่เชิญตน เพราะคณะทำงานร่วมยังไม่สรุปเรื่องเลย ยังอยู่ขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมที่ไม่สมบูรณ์ สอบพยานเพิ่มเติม 2 ปาก ยังไม่ถึงไหน ยังไม่รายงานเลย และยืนยันว่า การพิจารณาข้อไม่สมบูรณ์ในคดีนี้ ต้องพิจารณาคำให้การของพยานที่สอบเพิ่มเติม และหลักฐานต่างๆ ที่ฝ่าย ป.ป.ช.ขอจากหน่วยราชการมาให้ครบถ้วนเสียก่อน" จากข่าวนี้ทำให้เห็นว่า คำสั่งของ อสส.ยังไม่ได้รับการปฏิบัติให้ครบถ้วนเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรม
นอกจากนี้ นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการ ป.ป.ช.กลับให้ข่าวยืนยันว่า ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 20 ม.ค.58 มีตัวแทนฝ่าย ป.ป.ช.10 คน และตัวแทนฝ่าย อสส.3 คน โดยยืนยันว่า เป็นการประชุมที่สมบูรณ์แล้ว และอ้างว่าที่ประชุมเห็นพ้องกันว่าขณะนี้ข้อไม่สมบูรณ์ในสำนวนคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ นั้น ได้มีการสอบพยานบุคคลและหาพยานหลักฐานต่างๆ จนครบถ้วน สามารถฟ้องคดีได้ จึงมีมติเสนอเรื่องส่งให้ อสส.ฟ้องต่อไป
ทั้งนี้ นายนรวิชญ์ กล่าวต่อว่า อสส.ฟ้องคดีโดยไม่รับฟังข้อยุติจากคณะทำงานที่ตนแต่งตั้งมาเองได้อย่างไร ซึ่งนายวุฒิพงศ์ ก็ได้ยืนยันว่าคดีนี้ข้อไม่สมบูรณ์ ยังไม่ได้รับการพิจารณาไต่สวนให้คดีมีความสมบูรณ์ และทำไมตนจึงไม่ทราบว่ามีการประชุมครั้งนี้ หากข่าวที่นายสรรเสริญ ยืนยันเป็นจริง จึงมีคำถามว่า อัยการจำนวน 3 คน ที่ร่วมประชุม ถือเป็นตัวแทน อสส.หรือไม่ และมติที่นายสรรเสริญ อ้างนั้น เป็นมติที่ชอบของคณะทำงานชุดใหญ่ที่ อสส.แต่งตั้งหรือไม่ เพราะหัวหน้าคณะทำงานยังไม่รับทราบ และยังยืนยันว่าข้อไม่สมบูรณ์ยังไม่ได้รับการปฏิบัติ เช่นนี้ ถือได้หรือไม่ว่าการประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมที่ไม่ชอบ
"ในฐานะทนายความของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมต่อ อสส.ในวันพรุ่งนี้ (23 ม.ค.) เพราะผู้ถูกกล่าวหาในคดีนี้เป็นถึงอดีตนายกฯ ซึ่งเป็นผู้นำของประเทศ จึงควรดำรงไว้ซึ่งหลักนิติธรรม และ อสส.จำเป็นที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ขององค์กรที่ดำรงมากว่า 100 ปี" นายนรวิชญ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี