ผู้สื่อข่าวรายงานผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 27 มกราคม ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธาน ได้มีมติให้ความเห็นชอบการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย 10 ตำแหน่ง ประกอบด้วย 1.นายธานี สามารถกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง 2.นายระพี ผ่องบุพกิจ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์ เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง 3.นายเสริม ไชยณรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง 4.นายสุรพล วาณิชเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเชร เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวง 5.นายชยพล ธิติศักดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดนครสวรรค์
6.นายประทีป กีรติเรขา ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ เป็น ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานี 7.นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง 8.นายอำนวย ตั้งเจริญชัย ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดหนองบัวลำภู 9.นายยุทธนา วิริยะกิตติ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ 10.นายธานี ธัญญาโภชน์ ผู้ตรวจราชการกระทรวง เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดกำแพงเพชร ทั้งนี้ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง เป็นต้นไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การโยกย้ายครั้งนี้ถือเป็นการโยกย้ายนอกฤดูและเป็นการลงนามคำสั่งครั้งแรกของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ในฐานะ รมว.มหาดไทย โดยการโยกย้าย 2 ครั้งก่อนหน้านี้เป็นไปตามคำสั่งของ คสช. ที่เสนอโดย นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รักษาการตำแหน่ง รมว.มหาดไทย
โดยมีที่น่าสนใจ คือ ผู้ว่าราชการที่ถูกโยกย้ายหลายคนเติบโตมาในสมัย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทยเป็น รมว.มหาดไทย ประกอบด้วย นายธานี นายเสริม และ นายระพี ซึ่งกรณีของ นายธานี และ นายเสริม นั้น เพิ่งพ้นจากกรุผู้ตรวจการกระทรวงมหาดไทยภายหลังการรัฐประหารโดย คสช. แต่ก็ดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการได้ไม่กี่เดือน ก็ต้องถูกส่งกลับเข้ากรุผู้ตรวจราชการอีกครั้ง
ส่วน นายสมศักดิ์ ซึ่งพ้นจากกรุผู้ตรวจราชการไปเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดระยองในครั้งนี้นั้น อดีตเคยดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น ก่อนถูกจับเข้ากรุหลังการรัฐประหารเพราะถูกมองว่า อยู่สายพรรคเพื่อไทย แต่กลับมีทำงานเข้าตา พล.อ.อนุพงษ์ หลายครั้ง จนถึงกับมีการออกปากชมว่าเป็นคนมีฝีมือ จึงได้รับการปูนบำเหน็จในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้
อย่างไรก็ตาม พล.อ.อนุพงษ์ เปิดเผยหลังการประชุมว่า การแต่งตั้งโยกย้ายดังกล่าว เป็นการสลับตำแหน่งเพื่อเพิ่มประสิทธภาพการบริหารราชการเท่านั้น และเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินผลการทำงานตามนโยบายของกระทรวงมหาดไทย ที่มีการติดตามประเมินผลอยู่ตลอดเวลา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การโยกย้ายดังกล่าวเป็นการโยกย้ายนอกฤดู ทำให้มีการตั้งข้อสังเกตว่าอาจเกิดจากการทำงานผิดพลาดหรือเรียกรับผลประโยชน์ของข้าราชการหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์ จึงย้อนว่า ไม่ทราบ ใครพูด ให้ไปเอารายชื่อมาดู ถ้าเกิดมีเราคงต้องไปดูตามหลักฐาน ตามกฎหมาย ยืนยันว่า การปรับย้ายครั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การโยกย้ายไม่ได้มีเหตุผลอื่นนอกจากเรื่องความเหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งได้สั่งการไปทุกกระทรวงว่าหากส่วนไหนการปฏิบัติหน้าที่ยังมีปัญหาอยู่ก็ปรับย้ายให้หมด ตนย้ายให้ได้ และต้องไปดูว่าใครผิดใครถูกในส่วนไหน แต่ตนถือว่าเป็นการปรับย้ายด้วยอำนาจหน้าที่ที่มีอยู่ ด้วยความถูกต้อง ถ้าไม่มีเรื่องก็คงไม่ต้องย้าย ไม่มีความผิดก็ไม่มีคดี อย่าไปมองว่าเป็นการรังแก วันนี้ตนรังแกใครไม่ได้ ตนให้โอกาสทุกคนในการทำงาน
วันเดียวกัน นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาศ ผู้ว่าการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณี สตง. เข้าตรวจสอบการใช้งบประมาณจัดซื้อยากำจัดศัตรูพืช ยาฆ่าแมลง ในโครงการช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติฉุกเฉินของหลายจังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งพบว่ามีการดำเนินการไม่โปร่งใส โดยเฉพาะใน 16 จังหวัดภาคอีสานว่า สตง.ตรวจพบความผิดปกติหลายอย่าง ทั้งการจัดซื้อแพงกว่าปกติ หรือสูงกว่าราคาตลาดถึง 20 เท่า และเป็นของปลอมจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังพบว่า พ่อค้าที่ขายยาดังกล่าวให้กับจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสานมีอยู่คนเดียว ซึ่งรู้จักกันดีในชื่อ “เสี่ยอ้วน” ที่หิ้วกระเป๋าใบเดียว ซึ่งพบว่างบในส่วนนี้ทั่วประเทศมีมากถึงเกือบ 7 พันล้านบาท ถ้ามีการรั่วไหลหรือหาผลประโยชน์แค่ 20% ก็เป็นเงินมหาศาลแล้ว โดยสตง.ได้แจ้งไปยังกระทรวงมหาดไทยให้ตรวจสอบเรื่องนี้นานแล้ว เพราะพบว่ามีคนเกี่ยวข้องจำนวนมาก และบางคนก็ยังรับราชการอยู่
“สตง.ได้รายงานไปยังกระทรวงมหาดไทยว่า จังหวัดที่พบความผิดปกติส่วนใหญ่อยู่ในอีสาน เช่น อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มุกดาหาร บึงกาฬ และยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบอีกหลายแห่ง เช่น ยโสธร โดยกระทรวงมหาดไทยได้แจ้งเป็นการภายในกลับมาว่า ได้ทำเรื่องไปยังสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) แล้ว เพื่อขอให้เปิดตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษประมาณ 10 ตำแหน่ง เพื่อข้าราชการระดับ 10 ที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด เข้ามาอยู่ในตำแหน่งนี้เพื่อต่อไปจะได้ไม่ต้องเอาพวกนี้มาไว้ในการแต่งตั้งโยกย้ายอีก” นายพิศิษฐ์ กล่าว
วันเดียวกัน นายชาญเชาวน์ ไชยานุกิจ รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะโฆษกกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยกรณีที่กลุ่มผู้เสียหายสมาชิก สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เรียกร้องให้มีการย้าย นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ออกจากตำแหน่ง หลังมีการใช้ตำแหน่งประกันตัว นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานบริหารสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยน ในคดียักยอกทรัพย์สมาชิกสหกรณ์ มูลค่าความเสียหายกว่า 16,000 ล้านบาทว่า กระทรวงยุติธรรมได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวแล้ว และเตรียมจะเสนอให้ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และ พล.ต.อ.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม พิจารณาทันทีที่กลับจากราชการต่างประเทศ โดยจะมีการหารือร่วมกับผู้บริหารกระทรวง เพื่อหาข้อสรุปร่วมกันก่อนแจ้งผลการพิจารณาไปยังผู้เสียหายภายในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ อย่างไรก็ตามกรณีที่ นายธวัชชัย ระบุพร้อมให้ย้ายไปอยู่ในตำแหน่งอื่นที่เหมาะสม ส่วนจะเป็นเหตุให้มีการโยกย้ายหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ รมว.ยุติธรรม เนื่องจากการโยกย้ายข้าราชการระดับสูงต้องมีการเสนอเข้าสู่ ครม.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี