ศาลอาญาไฟเขียวปล่อย'จตุพร' ยื่นหลักทรัพย์2แสนขอประกัน
วันพุธ ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2558, 15.51 น.
Tag :
28 ม.ค. 58 ที่ห้องพิจารณาคดี 907 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เวลา 10.00 น.ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดี อ.4176/2552 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ ( นปช.) เป็นจำเลย ในความผิดฐานหมิ่นประมาทผู้อื่น โดยการโฆษณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328
กรณีเมื่อวันที่ 11 ต.ค.2552 จำเลยได้ขึ้นเวที นปช. ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถ.ราชดำเนิน โดยได้ปราศรัยใส่ความโจทก์ทำนองว่า ประวิงเวลาในการทำความเห็นเพื่อเสนอสำนักราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง พิจารณาผู้ที่ร่วมลงรายชื่อถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต่อมาวันที่ 17 ต.ค. 2552 จำเลยยังได้ขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่ม นปช.ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล โดยได้กล่าวหา นายอภิสิทธิ์ โจทก์ ขณะเป็นนายกรัฐมนตรี ทำนองว่าเป็นอาชญากรและฆาตกรสั่งฆ่าประชาชนอย่างเลือดเย็น โดยได้มีการเผยแพร่คำปราศรัยผ่านสถานีโทรทัศน์พีเพิล แชลแนล ซึ่งล้วนเป็นเท็จทำให้โจทก์ต้องเสื่อมเสีย ชื่อเสียง ได้รับความเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์คำเบิกความและพยานหลักฐานที่โจทก์และจำเลยนำสืบหักล้างกันแล้วเห็นว่า การปราศรัยเมื่อวันที่ 11 ต.ค.2552 ที่จำเลยกล่าวพาดพิงถึงโจทก์ว่า ประวิงเวลา ทำให้การเสนอความเห็นขอพระราชทานอภัยโทษให้พ.ต.ท.ทักษิณ ล่าช้านั้น ในประเด็นนี้โจทก์ได้เบิกความถึงขั้นตอนการทำความเห็นว่าก็จะต้องมีการตรวจสอบความถูกต้องของผู้ที่ร่วมลงรายชื่อ ซึ่งกรณีดังกล่าวมีมากถึง 3.5 ล้านรายชื่อ และเมื่อตรวจสอบแล้วก็จะต้องเสนอความเห็นตามขั้นตอนที่จะต้องผ่านกรมราชทัณฑ์ รมว.ยุติธรรมและนายกรัฐมนตรีตามลำดับ ก่อนที่จะเสนอไปยังสำนักราชเลขาธิการต่อไป ซึ่งแม้จำเลยจะกล่าวอ้างว่า โจทก์ได้ให้สัมภาษณ์ว่าจะดำเนินการให้เสร็จภายใน 60 วัน โดยจะครบกำหนดในวันที่ 17 ต.ค.2552 แต่ก็ปรากฏว่า จำเลยได้ขึ้นเวทีปราศรัยถึงกรณีดังกล่าวในวันที่ 11 ต.ค.2552 ซึ่งเป็นวันก่อนครบกำหนด 60 วัน ทั้งที่ในการติดตามเรื่องการพิจารณาทำความเห็นนั้นสามารถที่จะติดตามจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องได้ ตามช่องทางที่เหมาะสม
ทั้งนี้ในการนำสืบจำเลยก็ไม่มีพยานอื่นมาเบิกความประกอบว่า โจทก์เจตนาที่จะประวิงเวลาดำเนินการดังกล่าวให้ล่าช้าออกไป ทั้งจำเลยก็เป็นอดีตนักการเมืองย่อมถึงขั้นตอนดำเนินการ แต่กลับกล่าวปราศรัยถึงโจทก์ในลักษณะที่ได้ปิดบังขั้นตอนดำเนินการทำให้ประชาชนทั่วไป เข้าใจผิดเชื่อว่า โจทก์ทำการยึดพระราชอำนาจทั้งที่ไม่มีบุคคลใดที่จะกระทำการเช่นว่านั้นได้ ดังนั้นการกระทำของจำเลยไม่ใช่เป็นการติชมเพื่อความเป็นธรรมแต่ทำให้โจทก์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องได้รับความเสียหาย
ส่วนการปราศรัยในวันที่ 17 ต.ค.2552 ที่จำเลยกล่าวพาดพิงถึงโจทก์ทำนองว่า เป็นอาชญากรสั่งฆ่าประชาชนและสร้างสถานการณ์ที่บริเวณสามเหลี่ยมดินแดง บริเวณนางเลิ้ง ถนนเพชรบุรีฯ ซอย 5 และ 7 ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย นั้นศาลเห็นว่า ตามคำเบิกความโจทก์ยืนยันว่าในช่วงที่มีการชุมนุมไม่ได้ใช้ความรุนแรงใดๆ แต่เน้นหลักการประนีประนอมและกำชับผู้ใต้บังคับบัญชาของโจทก์ดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งสื่อต่างชาติให้การยอมรับในวิธีการที่โจทก์ไม่ได้ใช้ความรุนแรง ขณะที่ถ้อยคำซึ่งจำเลยได้กล่าวปราศรัยนั้นฟังได้ว่า มาจากการประมวลเหตุการณ์ต่างๆ โดยจำเลยก็ไม่มีพยานหลักฐานมานำสืบยืนยัน ส่วนที่ว่ากรณีผู้เสียชีวิตนั้นก็ยังไม่ปรากฏว่ามีคดีที่ โจทก์ถูกศาลตัดสินจากการกระทำดังกล่าวหรือได้มีการพิสูจน์เกี่ยวกับข้อเท็จจริงในถ้อยคำของจำเลยดังกล่าว
สำหรับคลิปเสียงที่จำเลยอ้างว่าเป็นเสียงของโจทก์ที่กล่าวในช่วงที่มีการชุมนุมนั้นก็ได้มีการตรวจพิสูจน์แล้ว ซึ่ง พญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์(ขณะนั้น) ระบุว่า เป็นคลิปเสียงตัดต่อ และเมื่อพิจารณาถ้อยคำที่จำเลยกล่าวก็มีลักษณะเป็นการยั่วยุ ปลุกปั่นให้ประชาชนที่รับฟังเข้าใจว่าโจทก์กระทำการดังกล่าว
ดังนั้นการกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่เป็นการกล่าวเพื่อปกป้องสิทธิหรือประโยชน์ของตนตามสมควร แต่เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงทั้งที่ยังไม่ปรากฏในขณะนั้นว่าข้อเท็จจริงเป็นเช่นใด จึงถือเป็นการกล่าวยืนยันข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ ที่สร้างความเสียหายแก่โจทก์อันเป็นการกระทำผิดจริง ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นตาม มาตรา 328 พิพากษาให้จำคุกจำเลยฐานหมิ่นประมาท มาตรา 328 รวม 2 กระทงๆ ละ1 ปีรวมจำคุก 2 ปี เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์ของจำเลยแล้วเห็นว่านอกจากเป็นการกระทำให้โจทก์เสียหายแล้วยังได้ส่งผลกระทบต่อสถาบันเบื้องสูง ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของประชาชน กรณีจึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ และให้จำเลยโฆษณาคำพิพากษาย่อใน นสพ.ไทยโพสต์ เดลินิวส์ มติชน เป็นเวลา 7 วันติดต่อกัน โดยจำให้เลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายและให้นับโทษจำเลยต่อจากคดีหมายเลขดำ อ.1008/2553 ที่ได้กล่าวหมิ่นประมาทโจทก์ ซึ่งศาลพิพากษาจำคุก 6 เดือน ปรับ 50,000 บาท แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญา ไว้ 2 ปี
หลังทราบคำพิพากษา นายจตุพร มีสีหน้าเรียบเฉย ไม่แสดงสีหน้าวิตกกังวลแต่อย่างใด จากนั้นนายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์เป็นเงินสดจำนวน 2 แสนบาทขอปล่อยชั่วคราว
ศาลพิเคราะห์แล้ว อนุญาตให้นายจตุพร มีประกันตัวไปในวงเงิน 2 แสนบาทระหว่างอุทธรณ์คดี
ภายหลังนายวิญญัติ ทนายความ กล่าวว่า คดีนี้ก็จะยื่นอุทธรณ์สู้คดีต่อไป ซึ่งมีหลายประเด็นที่เรามีความเห็นแตกต่างจากคำพิพากษา แต่ก็เคารพในดุลยพินิจของศาล