ทหารล็อกเข้าค่ายยกก๊วน
ตบปาก“พท.”
“อ๋อย-เต้น-ปึ้ง”โดนเรียบ
นายกฯฮึ่มพูดไม่ดีจัดการหมด
ฉุนขาดด่ากราด-ขู่สื่อระวังตัว
ห้ามขรก.สอพลอไหว้บรรหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 มกราคม เจ้าหน้าที่ทหาร กองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) กองทัพภาคที่ 1 ได้เชิญ นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีต รมว.ศึกษาธิการ และอดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย เข้ามาพูดคุยหารือภายในกองทัพภาคที่ 1 เพื่อทำความเข้าใจและขอร้องเรื่องการแสดงความคิดเห็นไม่ให้เป็นไปในเชิงการสร้างความแตกแยก หลังจากที่นายจาตุรนต์ ได้โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัววิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่ลงมติถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
“อ๋อย”มาตามนัดยินดีคุย
จากนั้น ในเวลา 14.45 น.ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า นายจาตุรนต์ ได้นั่งรถยนต์แวน ยี่ห้อวอลโว่ รุ่นวี50 สีบรอนเทา ทะเบียน 2 กข 232 มารายงานตัวตามคำเชิญ โดยนายจาตุรนต์ เปิดเผยว่า ได้รับโทรศัพท์จากทหารแจ้งว่าได้รับมอบหมายจากผู้บังคับบัญชา ให้เชิญไปพบที่กองทัพภาคที่1 แต่ไม่ได้บอกว่าจะคุยเรื่องใด อย่างไรก็ตาม คิดว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะได้คุยกัน ซึ่งการให้ความเห็นของตนที่ผ่านมาเป็นในเชิงสร้างสรรค์ เพราะเห็นว่าประเทศไทยอยู่ในระหว่างการปฎิรูปและกำลังยกร่างรัฐธรรมนูญ การแสดงความความเห็น ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ถือเป็นการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ก็จะเป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ตนถือหลักการนี้มาตลอด
ไม่หวั่นถูกส่งขึ้นศาลทหาร
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะต้องถูกนำตัวขึ้นศาลทหารอีก นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การขึ้นศาลทหารต้องดูว่า ตนทำอะไรถึงจะนำไปสู่การขึ้นศาลทหาร ขณะนี้ทราบดีว่าตนอยู่ในระหว่างการประกันตัวของศาลทหาร ซึ่งการแสดงความเห็นก็ต้องระวังไม่ให้ผิดกฏหมายและผิดเงื่อนไขการประกันตัวของศาล จึงไม่น่าจะมีอะไรไปถึงขั้นนั้น ตนมองโลกในแง่ดี
หลังจากที่นายจาตุรนต์ให้สัมภาษณ์เสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่ทหาร กกล.รส. ได้นำรถยนต์โตโยต้าฟอร์ทูเนอร์สีดำ ทะเบียน ตท.1759 มารับตัว นายจาตุรนต์ เข้าไปในกองทัพภาคที่ 1 เพื่อพูดคุยกับ พล.ท.กัมปนาท รุดดิษฐ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ในฐานะ ผบ.กกล.รส.
ทหารรับ“ปึ้ง”ปรับทัศนคติ
เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. วันเดียวกัน ระหว่างที่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศ ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย นัดให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ที่ร้านข้าวขาหมูเมืองทองธานี ซึ่งเมื่อเจ้าตัวลงจากรถและกำลังจะเดินเข้าไปในร้าน ได้มีทหารหนึ่งในสามคนที่นั่งอยู่ในรถอีซุซุมิวเซเว่น สีเทา เรียกให้นายสุรพงษ์ขึ้นรถ นายสุรพงษ์ไม่ได้แสดงอาการขัดขืน ก็ก้าวขึ้นรถตามปกติ เพราะเป็นนายทหารที่คุ้นเคยกันที่ได้โทรศัพท์นัดหมายล่วงหน้าอยู่แล้ว จากนั้นรถได้วิ่งเข้าไปในค่ายทหารแห่งหนึ่ง ย่านแจ้งวัฒนะ เพื่อพูดคุยปรับทัศนคติ ใช้เวลากว่า 2 ชม. จึงกลับมาส่งที่ห้างสรรพสินค้าตรงข้ามมหาวิทยาลัยสุโขทัย ในเวลา 12.50 น. โดยนายสุรพงษ์กล่าวกับผู้สื่อข่าวเพียงสั้นๆว่า “คุยกันรู้เรื่องหมด เข้าใจกัน จบหมดแล้ว”
เรียก“เชิดชัย”แกนนำแดงเข้าค่าย
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 11.00น. นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีตส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำ นปช. ได้เดินทางมาที่มณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร์ อ.เมือง จ.ขอนแก่น เพื่อปรับทัศนคติ หลังให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับกรณีของ นายแดเนียล รัสเซล ผู้ช่วย รมว.ต่างประเทศสหรัฐอเมริกา ฝ่ายกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก โดยมี นางพรรณวดี ตันติศิรินทร์ ภรรยาและแกนนำเสื้อแดง รวมทั้ง นายกำธร ถาวรสถิต ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น พ.อ.ประกิจ ทับทอง รองผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 และพ.อ.จตุรพงษ์ บกบน รอง ผอ.รักษาความมั่นคงภายใน จ.ขอนแก่น ร่วมรับฟังด้วย ซึ่งนพ.เชิดชัย กล่าวว่า การพูดคุยครั้งนี้ เพื่อทำให้บรรยากาศในจังหวัดดีขึ้น เราไม่ต้องการให้บ้านเมืองวุ่นวาย แต่อาจมีบางคนไปปล่อยข่าวกระตุ้น ทำให้เกิดเรื่องขึ้น
“เต้น”โดนด้วย รายงานตัว30ม.ค.
ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า เจ้าหน้าที่ทหาร กกล.รส. ได้เชิญตัว นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีต รมช.พาณิชย์ และ แกนนำคนเสื้อแดง ให้เข้ารายงานตัวในวันที่ 30 มกราคมนี้ เวลา 9.00 น. ด้วย
บิ๊กตู่ยันไม่กดดันใคร-ไม่บ้าอำนาจ
เมื่อเวลา 13.00 น. ที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับปลัดกระทรวงหรือเทียบเท่า ถึงกรณีที่ คสช.ทยอยเรียกนักการเมืองเข้ามารายงานตัวว่า เป็นการเรียกมาทำความเข้าใจ ไม่ได้กดดัน หรือทำอะไรใคร ส่วนจะให้ค้างคืนหรือไม่นั้น อยู่ที่ฝ่ายความมั่นคง
“ผมไม่ได้เป็นพวกบ้าอำนาจ ไม่เข้าใจกันสักที หาเรื่องกันอยู่นั่น เมื่อวาน ก็ครั้งหนึ่งแล้วถ่ายรูปได้อย่างไรผมก็ชี้นิ้วของผมไปเรื่อย ไอ้ห่า ถ่ายออกมาดีๆ ดันไปถ่ายผมชี้นิ้วอย่างนั้นอย่างนี้นี่แหละที่เขาบอกว่าจิตใจมันต่ำ ด่าสะอีกไม่กลัวหรอกจะด่าแบบนี้จะทำไม” นายกฯ กล่าว
ขู่สื่อถามไม่สร้างสรรค์ระวังโดนด้วย
เมื่อถามย้ำว่าแสดงว่าไม่ว่าใครออกมาแสดงความคิดเห็นก็จะถูกเชิญตัวใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ก็ต้องไปชี้แจง
“คราวหลังพวกคุณก็ต้องโดนด้วย ถ้าถามมากๆ ล่ะก็ ถามไม่สร้างสรรค์ อยากถามว่ามันทำได้หรือไม่เล่าออกมาพูดขัดแย้งทัดทานอำนาจที่มีอยู่เต็มๆ ขนาดมีอำนาจอย่างนี้มันยังมาท้าทายแบบนี้ ถ้าไม่มีกฎอัยการศึกมันจะเกิดอะไรขึ้นทุกคนก็รู้ทั้งนั้นแหละ อยากให้เป็นเช่นนั้นหรือไม่ผมรู้ว่าพวกสื่ออยากให้เกิด ทุกๆ วันนี้จะได้ขายข่าวกันไง พวกท่านไม่เหนื่อยหรอก เขียนข่าวให้มันดีเขียนให้คนรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ไม่เช่นนั้นมันก็ตีกันอยู่อย่างนี้ ถามว่าสิ่งที่พวกเขาพูดวันนี้มันกดดันผมหรือไม่ ผมเป็นรัฐบาลผมมีอำนาจเต็มแล้วจะมาท้าทายอยู่แบบนี้ได้หรือไม่ ที่ปล่อยมาทุกวันนี้ก็เยอะไปแล้วนะแล้วยังจะทำต่อไปอีกหรือ” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
คิวต่อไป“พิชัย นริพทะพันธุ์”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จากนี้จะเรียกตัว นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน มาปรับทัศนคติด้วย เพราะออกมาสั่งรัฐบาลว่าต้องทำเรื่องพลังงานอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ตอนเป็นรัฐมนตรีไม่เห็นจะทำ พวกนี้จะต้องมาชี้แจงกับตนว่า ตอนนั้นทำไมไม่ทำ ทำอะไรกันอยู่ เมื่อถามว่าการที่นักการเมืองออกมาแสดงความเห็นเช่นนี้เป็นการรบกวนการทำงานหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่กวนหรอก แต่รำคาญ”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการให้สัมภาษณ์ของนายกฯเป็นไปอย่างดุเดือด โดยได้แสดงอารมณ์โมโหทุบโพเดียมและเสียงดัง หลุดคำสบถออกมาหลายครั้ง ทั้งคำว่า “ขี้ข้า ไอ้ห่า บ้า ทำไมวะ” แต่ พล.อ.ประยุทธ์ ก็พยายามที่จะบอกว่าที่เสียงดังนั้นไม่ใช่ความโมโห
“พิชัย”ไม่รอด คสช.เรียกพบแล้ว
ด้าน นายพิชัย เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับการติดต่อจากทาง คสช.แล้ว ให้เข้าไปที่ กองทัพภาคที่ 1 ในเวลา 10.00 น. วันที่ 30 มกราคม แต่เชื่อว่า ไม่น่าจะไม่มีอะไร เพราะที่ผ่านมาทุกสิ่งที่ได้พูดไปนั้น ก็เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้ ไม่ได้พูดเพื่อสร้างความขัดแย้งแตกแยก และเรื่องที่พูดส่วนใหญ่ก็เป็นเรื่องเศรษฐกิจและเรื่องพลังงานที่ตนมีความเป็นห่วง
คสช.สั่งระงับแถลงดัชนีวัดสื่อไทย
วันเดียวกัน มูลนิธิฟรีดริค เอแบร์ท ส่งหนังสือแจ้งถึงสื่อมวลชนทุกแขนง แจ้งขอเลื่อนการจัดงานแถลงข่าวดัชนีชี้วัดสถานภาพสื่อเอเชีย: ประเทศไทย 2557 (เอเชีย มีเดีย บาโรมิเตอร์ : ประเทศไทย 2557) ที่มูลนิธิฯร่วมกับสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย จัดขึ้นพื่อรายงานผลการประเมินสถานการณ์สื่อไทยตามดัชนีชี้วัดตามลักษณะเฉพาะของประเทศในทวีปเอเชีย ที่กำหนดจัดขึ้นในวันที่ 30 มกราคม ที่ รร.วีกรุงเทพ ย่านราชเวที อย่างไม่มีกำหนด ตามคำสั่งของ คสช. โดยให้เหตุผลเพียงว่า เนื้อหาการจัดงานมีลักษณะหมิ่นเหม่ที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายและมีความอ่อนไหวมาก
เผยสื่อเจอสารพัดปัญหาในรอบ5ปี
สำหรับ รายงานดัชนีชี้วัดสถานภาพสื่อเอเชีย : ประเทศไทย 2557 มีเนื้อหาสรุปว่า ในช่วง 5 ปี (พ.ศ.2553-57) ประเทศไทยวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์รุนแรงจากการชุมนุมทางการเมือง ส่งผลให้ผู้สื่อข่าวภาคสนามทำงานด้วยความยากลำบากและหวาดกลัว เพราะถูกกดดันจากกลุ่มผู้ชุมนุม มีการข่มขู่และปิดล้อมสำนักงาน แต่กลับไม่มีหน่วยงานใดให้การคุ้มครองด้านสวัสดิภาพและสิทธิเสรีภาพสื่อได้อย่างแท้จริง ในขณะที่สื่อของขั้วขัดแย้ง นำเสนอเนื้อหาที่มีลักษณะสร้างความเกลียดชัง โดยไม่มีการกำกับดูแลจาก กสทช.หรือองค์กรวิชาชีพ รวมถึงสื่อไม่สามารถเสนอความจริงได้ เนื่องจากข้อจำกัดของนักข่าวและกองบรรณาธิการ อีกทั้ง ยังมีปัญหาด้านคุณภาพการรายงานข่าว เพราะให้ความสำคัญกับความฉับไวมากกว่าการตรวจสอบความถูกต้อง
สั่งขรก.ไม่ต้องไปสวัสดี“เติ้ง”
แหล่งข่าวระดับสูงจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในประชุมระดับปลัดกระทรวงและหัวหน้าส่วนราชการ ที่กระทรวงเกษตรฯ เป็นเจ้าภาพนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้กล่าวในการให้นโยบายว่า ขอให้ทุกกระทรวงร่วมกันทำงานเพื่อเกิดความสมบูรณ์และรวดเร็ว เพราะกลไกทุกอย่างต้องอาศัยข้าราชการในการขับเคลื่อน โดยในการแต่งตั้งโยกย้ายก็มีอำนาจเต็มที่ อย่าทำเหมือนตำรวจ ที่มีหนังสือราชการให้ไปสวัสดีนักการเมือง มันไม่ใช่เวลาที่จะไปสวัสดี
“ผมกับท่านบรรหาร ศิลปอาชา (ปธ.ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา)ไม่มีอะไรกัน แต่ผมว่าเรื่องไปสวัสดี เป็นข้าราชการไม่ควรทำ จำกันไว้ด้วยนะ ส่วนข้าราชการในกระทรวงเกษตรฯ กับการโยกย้าย อย่าให้ใครใช้ชื่อนักการเมืองหรือผมอ้างเพื่อโยกย้ายตำแหน่ง มันไม่ดีและไม่ควรทำ หรือหากมีคนแอบอ้างว่าคุยกับนายกฯ แล้ว ก็ไม่ควรเชื่อ ไม่มีนะ ใครมาวิ่งเต้นเอาเก้าอี้จากผม” แหล่งข่าวอ้างคำพูดนายกฯ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี