'เลิศรัตน์'ชี้เลือกสว.ทางอ้อมดี ปัดดึงนายกฯคนนอกยามวิกฤต
วันศุกร์ ที่ 27 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558, 11.19 น.
Tag :
27 ก.พ. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่โรงแรมฮอลิเดย์ อินน์ พัทยา จ.ชลบุรี การประชุมคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้พิจารณาเสร็จสิ้นในหมวดคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้นแล้วเมื่อวานนี้ (26 กุมภาพันธ์) ซึ่งโดยในวันนี้ทางคณะกรรมาธิการ ฯ จะพิจารณาเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อสรุป จำนวน 10 เรื่อง อาทิ การกำหนดสัดส่วนสตรีที่จะเข้าดำรงตำแหน่งผู้บริหารท้องถิ่นจำนวน 1 ใน 3 การกำหนดสัดส่วนผู้หญิงจำนวน 1 ใน 3 เข้ารับการหยั่งเสียงเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. การก่อตั้งวิสาหกิจชุมชน เพื่อสร้างความเข้มแข็งของพลเมือง การปฏิรูปสื่อมวลชน ที่ต้องการให้ส่งเสริมการปฏิบัติงานวิชาชีพสื่อมวลชนบนความรับผิดชอบ และพัฒนากลไกหลักประกันความอิสระของสื่อมวลชนไม่ให้ถูกครอบงำ และเร่งพัฒนามาตรการและกลไกกำกับให้ดูแลสื่ออย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งการกำกับดูแลตนเองด้านจริยธรรม การกำกับดูแลโดยภาคประชาชน และคุ้มครองการรู้เท่าทันสื่อ การทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ในมาตรา 190 เดิม การกำหนดจำนวนเสียงของสมาชิกรัฐสภาในการเข้าชื่อยื่นขอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในแต่ละภาค ซึ่งในวันนี้ทางคณะกรรมาธิการฯ มีความตั้งใจว่าจะพิจารณาที่ค้างอยู่ให้เสร็จสิ้น โดยการพิจารณาเรื่องที่ยังไม่ได้ข้อสรุปในวันนี้ โดยจะไม่อนุญาตให้สื่อเข้าฟังระหว่างการพิจารณา
ทางด้าน พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษกกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ กล่าวว่า การพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญรายมาตรา เกือบเสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ซึ่งตลอดระยะเวลาการทำงานนั้น เดิมทีคาดการณ์ว่าจะร่างไม่เกิน 300 มาตรา แต่จากการพิจารณาทั้งหมดแล้ว อาจจะคุมไม่อยู่ เนื่องจากมีเนื้อหาเพิ่มขึ้น ในภาค 4 การปฏิรูปและการสร้างความปรองดอง ที่มีประมาณ 20 มาตรา แต่จะเกินไปกี่มาตรานั้น ต้องรอหลังจากเสร็จสิ้นบทเฉพาะกาล ที่น่าจะพิจารณาได้ ในวันพรุ่งนี้ หรือ ในวันจันทร์ที่ 2 มีนาคมนี้
พล.อ. เลิศรัตน์ ยังกล่าวด้วยว่า ทุกเรื่องที่บัญญัติไว้มีเหตุผล โดยหวังสร้างความมั่นคงทางการเมืองให้กับประเทศ และเป็นการยืนยันว่าไม่ได้มีพิมพ์เขียวล่วงหน้าแต่อย่างใด ส่วนเรื่อง ที่ไม่กำหนดคุณสมบัตินายกรัฐมนตรีให้ชัดเจนนั้น เพราะเห็นว่า ต้องให้สภาเป็นผู้เลือก ซึ่งจะเลือกใครก็ได้ แต่หากเลือกคนที่เป็น ส.ส. ก็ต้องลาออกจาก ส.ส. เพื่อเป็นการแยกอำนาจบริหารกับนิติบัญญัติให้ชัดเจนเท่านั้น และไม่ได้บัญญัติว่าให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอกได้ในยามวิกฤติแต่อย่างใด เป็นการตีความกันไปเองทั้งสิ้น ส่วน ส.ว. ที่มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม นั้น เชื่อว่าจะได้บุคลากรที่เหมาะสม และดีกว่าการสรรหาด้วยวิธีการตามรัฐธรรมนูญปี 2550