3 มี.ค.58 ที่รัฐสภา นางทิชา ณ นคร อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และอดีตกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ได้แถลงข่าวเปิดใจถึงกรณีการลาออกจากการเป็นสมาชิก สปช.และ กมธ.ยกร่างฯ ว่า ตนในฐานะ (อดีต) กมธ.เสียงข้างน้อย หมดศรัทธาที่จะสื่อสารกับ กมธ.เสียงข้างมาก ในประเด็นการเพิ่มพื้นที่ทางการเมืองให้กับเพศหญิง ทั้งในระบบบัญชีรายชื่อและสภาท้องถิ่นไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 เพื่อมุ่งหวังเปิดพื้นที่ให้เพศหญิงเข้าไปร่วมขับเคลื่อนสังคมไปสู่ความสมดุล ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติได้ เป็นการเปลี่ยนผ่านทางสังคมที่ต้องอาศัยมาตรการพิเศษชั่วคราวเข้าไปหนุน ซึ่งกลไกที่มีหลักประกันที่สุดคือการกำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ
นางทิชา กล่าวว่า ผู้หญิงเก่งบางกลุ่มอาจไม่เห็นด้วยเพราะตีความว่าเป็นสิทธิพิเศษ แต่ต้องไม่ลืมว่าผู้หญิงในท้องถิ่นหรือผู้หญิงในเมืองใหญ่ที่มีความรู้ แต่ไม่ได้มาจากตระกูลนักการเมือง โอกาสที่เธอเหล่านั้นจะนำประสบการณ์ที่แตกต่างในฐานะแม่ เมีย ผู้หญิง เข้าไปสร้างสมดุลในพื้นที่ที่มีอำนาจในการตัดสินใจนโยบายสาธารณะไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะถนนสู่การเมืองได้ถูกออกแบบโดยผู้ชายเพื่อผู้ชายมาอย่างยาวนาน ด้วยโลกทัศน์และมุมมองที่แตกต่างกัน ทำให้การร่างรัฐธรรมนูญประเด็นดังกล่าวนั้นต้องจบด้วยการแขวนไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง
นางทิชา กล่าวต่อว่า ต้องขอบคุณ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธาน กมธ.ยกร่างฯ ที่ช่วยขยายความให้ กมธ.เสียงข้างมาก ทราบว่ากลไกสัดส่วนผู้หญิงในพื้นที่การตัดสินใจนโยบายสาธารณะนั้น ได้เป็นหนึ่งในภารกิจขององค์การสหประชาชาติแล้ว และไม่โหวตในประเด็นดังกล่าว แต่ กมธ.เสียงข้างมาก ยืนยันว่าต้องโหวตเพื่อยุติการอภิปราย
ทั้งนี้ นางทิชา ได้ฝากสิ่งที่ยังเป็นข้อห่วงใยต่อ กมธ.ว่า กรณีเอกสิทธิ์ของนักการเมือง ให้เพิ่มถ้อยคำว่า "ทั้งนี้ให้พิจารณาควบคู่ไปกับความเป็นธรรมในทางคดีของคู่กรณีด้วย" เพื่อไม่ให้การคุ้มครองเอกสิทธิ์ขัดขวางกระบวนการยุติธรรม , องค์ประกอบของคณะกรรมการสรรหาองค์กรอิสระ ต้องหลากหลายและยึดโยงกับประชาชน , การเลือกตั้ง ส.ว.ทางอ้อมควรมีวาระ 3 ปี , นายกฯ ที่ไม่ใช่ ส.ส.ควรต้องกำหนดให้ชัดเจนว่าเป็นบันไดหนีไฟยามฉุกเฉิน ไม่ให้เป็นช่องพิเศษรอรับนายทุนพรรคหรืออำนาจพิเศษอื่น , ต้องมีหลักประกันต่อคณะทำงานปฏิรูปหลัง สปช.หมดวาระ และสมัชชาคุณธรรม ต้องคิดให้รอบด้านเพื่อเพิ่มความสว่างให้กับบ้านเมือง ไม่ใช่สุสานข้าราชการหลังเกษียณ
"เมื่อสถานการณ์บ่งชี้ว่าไม่สามารถทำในสิ่งที่ควรทำ ทั้งที่สิ่งนั้นอาจสร้างการเปลี่ยนแปลง อาจสร้างสมดุลใหม่ให้กับสังคมได้ ดิฉันก็ไม่ควรทำหน้าที่นั้นต่อไป เพราะนั่นเท่ากับว่าดิฉันได้หมดความเคารพต่อตนเองไปแล้ว" นางทิชา กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การยกร่างรัฐธรรมนูญยังไม่แล้วเสร็จ การลาออกไปนั้นเป็นการด่วนตัดสินใจหรือไม่ นางทิชา กล่าวว่า สำหรับคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตลอดเวลาจะรู้ว่าหลายเรื่องซ้ำ วนไปวนมา หาทางออกไม่เจอ ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า กรณีสัดส่วนหญิงชายนายกฯ บอกไว้ว่าหญิงชายมีสิทธิเท่าเทียมกัน นางทิชา กล่าวว่า จริงๆ แล้วเราก็พูดกันโดยทั่วไปว่าชายหญิงมีสิทธิเท่าเทียมกัน แต่ทั้งหมดนี้เป็นการพูดขบขัน เมื่อมาถึงจุดที่ต้องมีอำนาจตัดสินใจในประเด็นทางการเมือง ประโยชน์สาธารณะ เสียงของผู้หญิงก็หายไปในสายลม ส่วนตัวไม่ได้ขัดแย้งกับใคร แต่เราต้องมีจุดยืนที่เป็นตัวของตัวเอง ต้องนำพาประเด็นที่เราห่วงใยและมีความหมายติดตัวเราไปด้วย ถ้าเราทำไม่ได้จำเป็นต้องทบทวนการเดินทางของเรา
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่าประเด็นนี้จะถูกโยงเข้ากับการเมืองในการต่อต้านรัฐบาล หรือคัดค้านรัฐธรรมนูญ หรือไม่ นางทิชา กล่าวว่า มีหลายคนที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร มีคนพยายามจะโยงตนเข้าไปอยู่กับกลุ่มต่างๆ แต่ตนยืนยันว่าไม่ได้อยู่กลุ่มใดทั้งสิ้น และการกระทำครั้งนี้ไม่ได้ต่อต้านคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทุกอย่างตนพยายามทำให้ดีที่สุด แต่เมื่อทำไม่ได้ก็ไม่ขอดันทุรังต่อไป ถ้าเราไม่สามารถรักษาอุดมการณ์ได้จะมีชีวิตเพื่ออะไร
"การเขียนรัฐธรรมนูญต้องเขียนเพื่อคนจำนวนมาก ไม่ใช่เขียนเพราะมองเข้าไปเห็นว่า ผู้หญิงคนนั้นก็เก่งก็เข้ามาได้ คนนั้นก็เป็นหมอ ก็เป็นนักการเมือง ไม่ใช่มองอยู่แค่ไม่กี่คน แน่นอนว่าโลกนี้มีผู้หญิงเก่งจำนวนหนึ่งซึ่งไม่ต้องอาศัยใครมาเป็นลมใต้ปีกของเธอ แต่ไม่ได้แปลว่าผู้หญิงอีกจำนวนมหาศาลที่อยู่ข้างนอกเขาจะเดินเข้ามาในที่แห่งนี้อย่างง่ายดาย ถ้าเราไม่ปรับกติกาให้กับเขา" นางทิชา กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี