บิ๊กตู่ด่ากราดสื่อ-นปช.
ฟิวส์ขาด!
ซัด‘เต้น’พวกเฮงซวย
ขู่ใช้กำลังคสช.จัดการ
ศาลตั้งองค์คณะจีทูจีเก๊
‘บุญทรง’เดินตามรอย‘ปู’
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ที่ท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางเยือนประเทศบรูไน ในหลายประเด็น ใช้เวลาทั้งสิ้น 23 นาที ซึ่งตลอดการให้สัมภาษณ์นายกฯมีสีหน้าเคร่งเครียด อารมณ์ฉุนเฉียวมากกว่าทุกครั้ง
โดยนายกรัฐมนตรี ได้ขอร้องสื่อมวลชนเรื่องการเสนอข่าวคดีการเมืองต่างๆ ที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วว่า อย่าวิพากษ์วิจารณ์มากเกินไป ศาลก็ลำบาก ขอให้เป็นไปตามกลไก พร้อมตั้งคำถามว่าวันนี้ถามว่าฝ่ายต่อต้านกระบวนการยุติธรรมยอมรับความผิดอะไรบ้างหรือยัง เขาเป็นเพียงผู้ต้องหาก็ไปสู้คดีกัน แต่ขอร้องอย่ามาสู้นอกศาล สื่อก็ไปขยายความกันต่อ แต่เวลายกฟ้องกลับไม่พูด อย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน
“โดยเฉพาะของผู้จัดการ เปิดอ่านดูไม่ได้สักหน้าหนึ่ง เขียนอะไรไม่รู้ทุกวัน เก่งนักหนา มึงมาบริหารงาน มาเป็น ส.ส.เลย ไอ้ชัชวาลย์ (ชาติสุทธิชัย คอลัมนิสต์) ไอ้โสภณ (องค์การณ์ คอลัมนิสต์) พูดจาแบบนี้จะว่าผมก็ว่ามา ยังไงก็รับอยู่แล้ว แต่ผมเป็นมนุษย์ ไม่ใช่เป็นนายกฯ ที่ไม่ใช่มนุษย์ ก็มีจิตใจ มีชีวิตและจิตใจ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ซัด’เต้น’เฮงซวย-รบ.ปั่นบึ้ม
ส่วนกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำคนเสื้อแดง ออกมาวิพากษ์วิจารณ์เหตุระเบิดหลายครั้งที่เกิดขึ้นโดยตั้งข้อสังเกตเป็นเรื่องที่รัฐบาลสร้างสถานการณ์ขึ้นมาเองนั้น นายกฯกล่าวว่า “ก็มันโง่ แล้วพวกเธอไปโง่ตามเขาหรือเปล่า รัฐบาลและผมจะทำไปเพื่ออะไร คิดดูด้วยความเป็นมนุษย์ ฉันมาฉันไม่ต้องการให้เกิดเรื่องแบบนั้นแล้ว ฉันจะมาทำเองทำไม เพื่อที่ฉันอยากจะอยู่อย่างนั้นหรือ แต่ผมคงไม่สนใจ เรียกมาปรับทัศนคติแล้วหลายครั้ง พอไม่ปล่อยก็หาว่าละเมิดสิทธิมนุษยชน เฮงซวยพวกนี้”
ติงสื่อเสนอข่าวประมงไทย
นายกรัฐมนตรียังกล่าวถึงการช่วยเหลือประมงไทยที่อินโดนีเซียว่า ดำเนินการมาตลอดช่วยเหลือไปแล้ว ที่เกาะอัมบน 26 คนและขออย่านำไปขยายความ โดยเฉพาะสื่อก่อนนำเสนอต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อประเทศ รวมถึงความมั่นคง ซึ่งรัฐบาลที่ผ่านมาไม่เคยทำ แต่วันนี้รัฐบาลนี้กำลังแก้ทุกอย่าง ถามว่าเรือมี 4-5 ลำ ใช้ชื่อเดียวกันได้หรือไม่ รัฐบาลนี้กำลังขึ้นทะเบียนเรือ ติดจีพีเอส จับปลาที่ไหนมาต้องแสดงให้เห็นถึงพื้นที่ที่จับมา ก็เจรจามาตลอด คุยกันอยู่
เรียก“ฐปณีย์”เข้าพบจนท.
“ถ้าตีข่าวนี้ออกไปปัญหาการค้ามนุษย์ ไอยูยู ถ้าเขาไม่ซื้อปลา 2 แสนกว่าล้านตัน พวกที่ตีข่าวคุณรับผิดชอบกันนะ คนไทยทั้งประเทศเสียหาย ผมบอกไว้เลยฐปณีย์ (เอียดศรีไชย) มาหาเจ้าหน้าที่ด้วย ไปพูดอยู่ข้างนอกได้อะไรขึ้นมา ถ้าผมทำไม่ได้ เพราะฐปณีย์เสนอข่าว ที่ทำผิดกฎหมายหรือเปล่า ไม่ยอมรับอะไรสักอย่าง จะเอาแต่สิทธิเสรีภาพ จะเข้าประเทศนู้นประเทศนี้โดยไม่มีใบอนุญาต”นายกฯระบุ
เล็งใช้คำสั่งคสช.เฉ่งสื่อเสี้ยม
พล.อ.ประยุทธ์ยังย้ำว่า ตนและรัฐบาลทำเพื่อคนไทยทุกคน ไม่มีผลประโยชน์ ถ้าใครไม่เข้าใจ ก็ไม่ใช่คนเท่านั้น ฉะนั้น สื่อต้องช่วยกัน รัฐบาลให้เสรีภาพสื่อทุกอย่างไม่เคยห้าม ต่อจากนี้ ตนจะดูทุกสื่อ และจะให้เวลาสื่อทำงานอีกระยะหนึ่ง ถ้าจำเป็นก็จะใช้อำนาจของตน วันนี้คำสั่ง คสช.มีอยู่แล้ว ลืมหรืออย่างไร สบายกันเกินไปแล้วมั้ง
จี้สมาคมฯสอบจรรยาบรรณ
“สื่อใดที่เสนอข่าวสร้างความแตกแยกก็จะให้สมาคมฯที่ดูแลสื่อ ดำเนินการสอบ ถ้าสมาคมไม่ได้เรื่อง ผมก็จะตั้งให้คณะข้างบนเขาสอบต่อ ดูสิว่าไอ้นี่สร้างความแตกแยกหรือไม่ ถ้าวิจารณ์ทั่ว ไป ผมไม่ว่า ติติงนิดหน่อยผมรับได้นะ แต่ถ้าพูดทุกวันว่าล้มเหลว มันจะล้มเหลวได้อย่างไรวะ ก็ของเก่ามันยิ่งกว่าล้มเหลวอีก คิดแบบนี้กันบ้างสิ”นายกฯกล่าว
ขู่ใช้เครื่องประหารหัวสุนัข
ผู้สื่อถามว่าจะถึงขั้นปิดสื่อเลยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า อย่ามาหาเรื่องให้ตนไปรบกับสื่อ ถามย้ำว่าบทลงโทษคืออะไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวทันทีว่า ประหารชีวิตมั้ง อย่าถามส่งเดชอยากให้สื่อระวัง มีวิจารณญาณ มีจรรยาบรรณ เห็นเรียกร้องอยากได้นักหนา ให้ไปแล้วก็ใช้ไม่เป็น อะไรที่เป็นความขัดแย้งก็ต้องเพลาๆ แต่ทุกวันนี้ไม่เคยเห็นสักฉบับไม่มีเลย มีน้อยมาก
แฉมท.ยุคก่อนซื้อแต่“มติชน”
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อพล.อ.ประยุทธ์พูดถึงประเด็นนี้ ได้สั่งให้ทหารคนสนิทไปหยิบหนังสือพิมพ์มติชน และเอเอสทีวี ผู้จัดการ ในรถมาให้สื่อมวลชนดู พร้อมกล่าวว่า มีหลายฉบับมาก ดูแล้วช่วยกันตัดสินหน่อยว่า คนเขียนเขียนดีหรือไม่ เดี๋ยวตนจะบอกว่าไม่ต้องซื้อ ตกงานกันให้หมด พร้อมกับถามว่า “เครือมติชนอยู่ไหน เขียนให้ดี อย่าเขียนเข้าข้างฝ่ายโน้นให้มากนักนะ ผมจะบอกให้ รัฐบาลที่แล้วมติชนน่ะ ขายกระทรวงมหาดไทยทั้งหมด คุณไปรื้อดู กระทรวงมหาดไทยสั่งให้ซื้อเฉพาะมติชน ทำให้ฉบับอื่นขายกันไม่ออก” หลังพูดจบก็เดินเข้าห้องรับรอง ก่อนขึ้นเครื่องไปเยือนบรูไนอย่างเป็นทางการ
ส.นักข่าวฯแจงทำตามหน้าที่
หลังการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรีต่อการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน มีท่าทีจากสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย โดยนายมานพ ทิพย์โอสถ อุปนายกฝ่ายสิทธิเสรีภาพและการปฏิรูสื่อ และโฆษกสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การทำหน้าที่ของสื่อทั่วไป เป็นไปเพื่อปกป้องประโยชน์สาธารณะ ขอให้นายกฯเข้าใจ เพราะนายกฯและรัฐบาลเป็นผู้ใช้อำนาจรัฐ สื่อมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของรัฐให้เป็นไปโดยโปร่งใส่และมีประโยชน์ต่อประชาชนในประเทศ ซึ่งเป็นหลักการพื้นฐานการรับผิดชอบของผู้บริหารประเทศโดยทั่วไปพึงมี
ศาลตั้ง9อรหันต์คดีจีทูจีเก๊
วันเดียวกัน ที่ศาลฎีกา ศูนย์ราชการฯ ถนนแจ้งวัฒนะ นายดิเรก อิงคนินันท์ ประธานศาลฎีกา เป็นประธานประชุมใหญ่ผู้พิพากษาศาลฎีกา 173 คน เพื่อลงคะแนนลับเลือกผู้พิพากษา 9 คนเป็นองค์คณะขึ้นพิจารณาพิพากษาคดี หมายเลขดำ อม.25/ 2558 ที่นายตระกูล วินิจนัยภาค อัยการสูงสุด(อสส.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายภูมิ สาระผล อดีต รมช.พาณิชย์ จำเลยที่ 1 และนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ จำเลยที่ 2 กับพวกอีก 19 รายร่วมกันเป็นจำเลยรวม 21 ราย ฐานทุจริตโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ผลการนับคะแนนจากผู้พิพากษา 130 คน ที่เข้าประชุม ปรากฏว่า ผู้พิพากษา 9 คนที่ได้รับเลือกเป็นองค์คณะ มีคะแนนสูงสุดเรียงลำดับ ดังนี้
นายธนฤกษ์ นิติเศรณี ประธานแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกนายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ ประธานแผนกคดีภาษีอากรในศาลฎีกา นายวิรุฬห์ แสงเทียน ประธานแผนกคดีพาณิชย์และเศรษฐกิจในศาลฎีกา นางทัศนีย์ จั่นสัญชัย ธรรมเกณฑ์ ประธานแผนกคดีล้มละลายในศาลฎีกา นายชีพ จุลมนต์ รองประธานศาลฎีกา นางพฤษภา พนมยันตร์ ประธานแผนกคดีเยาวชนและครอบครัวในศาลฎีกา นายวีระพล ตั้งสุวรรณ รองประธานศาลฎีกา นางนวลน้อย ผลทวี ประธานแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศในศาลฎีกา และนายอภิรัตน์ ลัดพลี ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา
นัดฟังคำสั่งรับฟ้องหรือไม่20เมย.
ทั้งนี้ ขั้นตอนหลังที่ประชุมเลือกผู้พิพากษาองค์คณะแล้ว จะติดประกาศรายชื่อองค์คณะทั้ง 9 คน ไว้ที่หน้าห้องพิจารณาคดี ศาลฎีกาฯ ให้คู่ความรับทราบและตรวจสอบ ถ้าจะคัดค้านผู้พิพากษาองค์คณะคนใด ยื่นคัดค้านได้ตั้งแต่วันที่ติดประกาศรายชื่อเป็นต้นไป จากนี้องค์คณะผู้พิพากษาทั้ง 9 คนจะนัดประชุมเลือกผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดี และร่วมพิจารณาคำฟ้องอสส.ว่าครบองค์ประกอบและอยู่ในเขตอำนาจศาลฎีกาฯจะประทับฟ้องคดีหรือไม่ โดยศาลนัดฟังคำสั่งว่าจะรับฟ้องคดีนี้หรือไม่วันที่ 20 เมษายน เวลา 10.00 น.
เผย5เปาว่าคดีเดียวกับ“ปู”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากรายชื่อองค์คณะผู้พิพากษา 9 คน ที่ต้องพิจารณาคดีทุจริตระบายข้าว จีทูจี ปรากฏว่า มีผู้พิพากษา 5 คน ประกอบด้วย นายธนฤกษ์ นิติเศรณี นายไสลเกษ วัฒนพันธุ์ นายวิรุฬห์ แสงเทียน นายชีพ จุลมนต์และนายวีระพล ตั้งสุวรรณ ที่ร่วมเป็นองค์คณะพิจารณาคดี หมายเลขดำ อม. 22/2558 ที่อสส. เป็นโจทก์ฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นจำเลย ความผิดฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 จากกรณีน.ส.ยิ่งลักษณ์ละเลยไม่ยับยั้งโครงการจำนำข้าว จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐบาลเป็นเงินกว่า 6 แสนล้านบาท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี