เห็นแย้งให้กลุ่มการเมืองลงเลือกตั้ง ชี้ไม่จำเป็น
วันศุกร์ ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2558, 14.37 น.
Tag :
27 มี.ค. 58 เมื่อเวลา 11.43 น. คณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ได้ส่งเอกสารชี้แจงผลการประชุมพิจารณาศึกษาร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.) เมื่อเวลา 20.00 น. วันที่ 26 มี.ค. 2558 ที่โรงแรมลองบีช การ์เด้น โฮเต็ล แอนด์ สปา จ.ชลบุรี โดยพิจารณาในเรื่องพรรคการเมือง การเลือกตั้งและระบบการเลือกตั้ง ดังนี้
ในเรื่องพรรคการเมือง 1.การกำหนดให้กลุ่มการเมืองส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่ประชุมคณะกรรมาธิการได้ให้ข้อสังเกตว่า การให้มีกลุ่มการเมืองนั้นจะก่อให้เกิดปัญหาหลายประการ ประเด็นแรก คือ เป็นการย้อนอดีตที่กลุ่มการเมืองได้รับการพัฒนาเป็นพรรคการเมืองแล้ว โดยการพัฒนากลุ่มและสร้างความเข้มแข็งจนกลายมาเป็นพรรคการเมืองในปัจจุบัน ฉะนั้น จึงไม่ควรย้อนกลับไปสู่การเป็นกลุ่มการเมืองเช่นเดิม ประกอบกับเมื่อพิจารณาสถานะปัจจุบันประเทศไทยมีพรรคการเมืองจำนวนมาก แสดงให้เห็นว่าการจัดตั้งพรรคการเมืองไม่มีความยุ่งยาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบเคียงกับการจัดตั้งสมาคม การให้มีกลุ่มการเมืองจึงไม่มีความจำเป็น นอกจากนี้ การมีข้อกำหนดที่แตกต่างกันระหว่างพรรคการเมืองและกลุ่มการเมือง จะทำให้เกิดกลุ่มการเมืองระดับจังหวัดเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ระบบพรรคการเมืองอ่อนแอ
2.การส่งผู้สมัครในนามพรรค จะต้องมีการหยั่งเสียงประชาชนหรือสมาชิกพรรคการเมืองในเขตเลือกตั้ง แต่ถ้าสมัครในนามกลุ่มการเมือง แม้มีข้อกำหนดบังคับให้ต้องทำ แต่อาจจะเกิดวิธีปฏิบัติสองมาตรฐาน และไม่มีมาตรการใดที่แสดงว่าจะทำให้พรรคปลอดจากอิทธิพลของนายทุนการเมือง ที่ประชุมคณะกรรมาธิการได้ให้ข้อสังเกตว่า ควรกำหนดให้เฉพาะสมาชิกพรรคการเมืองเป็นผู้หยั่งเสียง เพื่อแสดงความยึดโยงว่าประชาชนเป็นเจ้าของพรรค ไม่ใช่พรรคของนายทุน
3.กรณีที่มีการกำหนดเรื่องเพศ โดยกำหนดให้บัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองอย่างน้อยต้องมีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้งซึ่งเป็นเพศตรงข้ามกับเพศที่มีชื่อในบัญชีรายชื่อมากกว่าอีกเพศหนึ่ง ควรพิจารณาว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ ที่ประชุมคณะกรรมาธิการได้ให้ข้อสังเกตว่า เมื่อมีการหยั่งเสียงแล้ว จึงไม่สามารถกำหนดสัดส่วนเรื่องเพศได้ เพราะเป็นหลักการขัดแย้งกันในตัวเอง
ส่วนในเรื่องการเลือกตั้งและระบบการเลือกตั้งนั้น ที่ประชุมคณะกรรมาธิการได้ให้ข้อสังเกตว่า การกำหนดวิธีการแบบสัดส่วนผสมนั้น จะทำให้รัฐบาลไม่เข้มแข็ง ขาดเสถียรภาพ