นายกฯหวั่นข้อมูลสับสน
สั่งกมธ.หุบปาก
อย่าจ้อร่างรธน.รายวัน
แจงสื่อนอกติดกระดุมผิด
เคาะสตรี1ใน3ปาร์ตี้ลิสต์
แพ้ซักฟอกปิ๋วแค่นายกฯ
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 31 มีนาคม หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ระหว่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)แถลงข่าวและให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นต่างๆอยู่นั้น น.ส.ซาแมนต้า ฮอว์ลี่ จากสำนักข่าวเอบีซี ออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย ได้ตั้งคำถามถามถึงร่างรัฐธรรมนูญของไทยที่กำลังร่างกันอยู่ว่า นายกรัฐมนตรีทราบหรือไม่ว่า สังคมโลกห่วงและมีข้อกังวลกันเยอะมากว่า จะไม่เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ได้ย้อนถามกลับว่า ประชาธิปไตยในมุมมองของคุณคืออะไร ก็คือการมีเสรีภาพ แต่วันนี้การไปไหนมาไหน ตนก็ไม่ห้าม รัฐธรรมนูญในวันนี้ต้องปฏิรูป
บิ๊กตู่แจงสื่อนอก-ติดกระดุมผิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกฯพยายามอธิบายประชาธิปไตยของไทยในช่วงที่ผ่านมา ต่อสำนักข่าวต่างประเทศดังกล่าว โดยได้พูดเป็นภาษาอังกฤษและอธิบายด้วยสัญลักษณ์ โดยได้จับและปลดกระดุมเสื้อ เพื่อเปรียบเทียบว่า ประชาธิปไตยไทยเหมือนติดกระดุมเสื้อผิดเม็ด และบางทีไม่ใช่แค่ติดกระดุมเสื้อผิดเม็ด เพราะการติดกระดุมผิดยังทำให้เห็นกางเกงก็จะดูไม่เรียบร้อย
สั่งกมธ.หุบปาก-ทำคนอื่นสับสน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า เดี๋ยวให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องส่งข้อมูลไปขี้แจง ไม่เช่นนั้นก็จะเกิดความเข้าใจคลาดเคลื่อนแบบนี้ โดยให้ส่งเรื่องไปยังคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ยกร่างรัฐธรรมนูญว่า ยังไม่ต้องเอาร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่กำลังร่างออกมาพูด เพราะตนยังไม่ได้ดูเป็นเรื่องเป็นราว บางครั้งส่งมาตนก็ยังไม่ได้อ่าน ที่ผ่านมาการสร้างการรับรู้รับทราบ กลับเป็นการสร้างความเข้าใจผิด อย่างประเทศออสเตรเลียก็ไม่เข้าใจ ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ทุจริต ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน แต่จะต้องไม่มีคนสนับสนุนผู้ใช้อาวุธสงครามต่อประชาชน เรื่องนี้ต้องอธิบายให้เกิดความเข้าใจ โดยเฉพาะต่างชาติ อย่างออสเตรเลียที่มาตั้งคำถามวันนี้ บ้านเขาก็ไม่เคยเกิดสถานการณ์แหมือนบ้านเรา ไม่เคยมีการประท้วงรัฐบาลและมีการใช้อาวุธมายิงต่อสู้กัน
ยันกำลังก้าวสู่ปชต.แบบสากล
“ต้องช่วยกันอธิบายให้เขาเกิดความเข้าใจ อย่ามาพูดคำว่าfreedom อย่างเดียว หรือ democracy ผมนี่แหละdemocracy ถ้าไม่democracy วันนี้ พวกท่านจะมานั่งอย่างนี้กับผมไม่ได้ ต้องช่วยกันบอกเขา วันนี้มีอะไรบ้างที่ผมจำกัด มีแต่วิธีการตรวจสอบเท่านั้น ตรวจสอบเสร็จก็เรียกมาคุยกันและปล่อยตัวกลับบ้าน ถ้าต้องติดคุกก็เป็นพวกที่มีคดี ทั้งคดีอาญาและมีหลักฐานจะปล่อยไปได้อย่างไร อย่างระเบิดครั้งที่แล้ว จับกุมได้และมีหลักฐานก็ออกมาปฏิเสธว่า ไม่ใช่ ก็เห็นชัดเจนมีการไล่ยิงกันอยู่ที่ศาลอาญา จะไปอุปโหลกใครและจับกุมได้ ไม่เคยฟังข้อเท็จจริง กล่าวหาว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ จะสร้างถึงขนาดไปยิงกันเลยหรือ โถ่มันจะบ้าหรือเปล่า ขอให้เข้าใจกันเสียบ้าง ขอให้ช่วยบอกกับต่างชาติว่า เรากำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านเพื่อเป็นประชาธิปไตยสากล วันนี้ที่ไปไม่ได้ก็เพราะยังติดประท้วงตรงนั้น ตรงนี้ อยากให้ประเทศไทยเป็นเหมือนเดิมหรืออย่างไร ไม่สงสารประชาชนที่เจ็บตายกันทุกวันหรืออย่างไร
บวรศักดิ์พร้อมทบทวนที่มาสว.
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงความเคลื่อนไหวของสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ถึงกรณีการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ ระหว่างวันที่ 20-26เมษายนว่า ช่วงเช้าในการประชุมสปช.จังหวัด ที่มี นายประชา เตรัตน์ สปช.ชลบุรี เป็นแกนนำ ได้เชิญ นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานกรรมาธิการ(กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญเข้าร่วมประชุมเพื่อชี้แจงถึงประเด็นภาพรวมของการยกร่างรัฐธรรมนูญ และซักถามประเด็นข้อสงสัย
โดย นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ขณะนี้การยกร่างรัฐธรรมนูญ 315มาตรายังไม่นิ่งและยังมีความเห็นต่างหลายประเด็น อาทิ คุณสมบัติผู้สมัครส.ส.ที่กมธ.ยกร่างฯกำหนดให้ต้องจบการศึกษาระดับปริญญาตรี แต่ประชาชนบางส่วนไม่เห็นด้วย จึงอยากให้การจัดเวทีรับฟังความเห็น ของสปช. และกมธ.ยกร่างฯ ได้ทำแบบสอบถามความคิดเห็นจากประชาชนในคำถามลักษณะเดียวกัน รวมทั้งอยากให้ สปช.จังหวัดเข้ามามีส่วนในเวทีต่างๆ ทั้ง 4ภาค ทุกฝ่ายยังเสนอความเห็นเกี่ยวกับการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญได้จนถึงวันที่ 23กรกฎาคม เพราะบางมาตราอาจต้องทบทวน เช่น ประเด็นที่มา สว.เนื่องจากมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์และข้อเสนอแนะมาที่ กมธ.ยกร่างฯ จำนวนมาก
กมธ.ปิดห้องถกลับวันที่สอง
ด้าน นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษก กมธ.ยกร่างฯกล่าวถึงการประชุม กมธ.ยกร่างฯในวันที่31มีนาคม ว่า เป็นการประชุมเป็นการภายใน เริ่มตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม-2 เมษายน ถ้ายังไม่เสร็จอาจต่อไปถึงวันที่ 7-9 เมษายน แต่ถ้าเสร็จภายใน 2วัน ก็จะดี จะได้ทบทวนประเด็นรอการพิจารณา คือ สัดส่วนสตรีในระบบการเลือกตั้งประเภทต่างๆ โดยจะตัดสินใจในวันที่ 31มีนาคม
เคาะปาร์ตี้ลิสต์มีผู้หญิง1ใน3
เย็นวันเดียวกัน หลังการประชุม น.ส.สุภัทรา นาคผิว โฆษก กมธ.ยกร่างฯแถลงว่า ที่ประชุมได้ทบทวนบทบัญญัติให้มีความสมบรูณ์ 23ประเด็น ซึ่งพิจารณาไปแล้ว 10ประเด็น โดยที่ประชุมมีมติด้วยคะแนนเสียง 17 ต่อ 15เสียง งดออกเสียง 2เสียง ( กมธ.ยกร่างฯเข้าประชุม 34คน ) ในมาตรา76 การกำหนดสัดส่วนของผู้สมัครสตรีในบัญชีรายชื่อระดับชาติ ให้มีสัดส่วนของเพศตรงข้ามไม่น้อยกว่า1ใน 3 ในบัญชีผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส่วนมาตรา112 สัดส่วนของผู้หญิงในการรับเลือกตั้งท้องถิ่น ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงจากร่างเดิม โดยที่ประชุมมีมติไม่เห็นด้วยกับการเปลี่ยนแปลงด้วยคะแแนนเสียง 22 ต่อ10เสียง งดออกเสียง 2เสียง เพราะหากกำหนดสัดส่วนไว้จะมีปัญหาในทางปฎิบัติ เพราะการสมัครในท้องถิ่นผู้สมัครจะสมัครโดยไม่สังกัดพรรคการเมือง
นายกฯแพ้ซักฟอก-สภาฯไม่ยุบ
โฆษก กมธ.ยกร่างฯกล่าวอีกว่า ในมาตรา166 หากมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจและมีมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี มีผลพ้นจากตำแหน่ง แต่สภาผู้แทนราษฏรยังไม่สิ้นสุดลง
ขณะที่ พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช โฆษก กมธ.ยกร่างฯเปิดเผยว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปให้มีสัดส่วนผู้สมัครสตรีในระบบบัญชีรายชื่อไม่น้อยกว่า1ใน3 ส่วนประเด็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ประชุมได้มีมติแก้ไขบทบัญญัติกรณีนายกรัฐมนตรีแพ้การลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจให้พ้นสมาชิกภาพเฉพาะนายกฯ แต่สภาผู้แทนราษฏรและสส.ยังคงปฎิบัติหน้าที่ต่อได้
สปช.เปิดสเปกที่มานายกฯ-สว.
นายบุญเลิศ คชายุทธเดช โฆษกคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง สปช.กล่าวถึงนายกรัฐมนตรีที่อาจมาคนนอกว่า กมธ.ปฎิรูปฯเสนอให้บัญญัติในรัฐธรรมนูญว่า ต้องเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) ภายหลังเลือกตั้งประธานสภาผู้แทนราษฎรแล้วและมี สส.ครบตามเงื่อนไข โดยต้องมีคะแนนเสียงกึ่งหนึ่งของที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในการลงมติ โดยนายกฯคนนอกมาได้ในกรณีวิกฤติ เพราะข้อเสนอนายกฯมาตรา7 ในอดีตไม่สามารถทำได้ ที่สำคัญต้องบัญญัติลงรัฐธรรมนูญเพื่อป้องกันเหตุเช่นที่เกิดขึ้นในปี2535 อีกทั้งเสนอให้การเลือก สว.ควรมีการเลือกตั้งโดยตรง 77จังหวัด ให้ได้ 77คน ส่วนที่เหลือ 123คน ให้มาจากกลุ่มอาชีพต่างๆ เลือกกันมา เป็นไปตามที่ กมธ.ยกร่างฯเสนอ อย่างไรก็ตามย้ำว่า กมธ.ปฎิรูปฯจะเสนอแนวทางที่เป็นประโยชน์ ไม่ใช่การชำแหละมุ่งเอาชนะ กมธ.ยกร่างฯ เน้นการใช้เหตุและผล
วอนเขียนแบ่งสัดส่วนหญิง-ชาย
ทางด้าน นางวิสา เบ็ญจะมโน กรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะประธานอนุกรรมการปฏิบัติการยุทธศาสตร์ด้านสิทธิเด็ก สตรีและความเสมอภาคของบุคคล เปิดเผยว่า ขอเสนอให้ สปชและกมธ.ยกร่างฯพิจารณา 1.คงหลักการความเสมอภาคหญิงและชาย ตามนัยมาตรา 30และมาตรา80 ของรัฐธรรมนูญปี2550 2.กำหนดสัดส่วนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของสตรีไม่น้อยกว่า1ใน3 ไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ฯ เพื่อให้สอดคล้องกับอนุสัญญาว่าด้วยการขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรีในทุกรูปแบบ การกำหนดให้มีระบบโควต้า หรือสัดส่วนของสตรีนี้ มุ่งเพื่อประโยชน์ต่อสังคมอย่างแท้จริง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี