15 เม.ย.58 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการวางนโยบายต่างประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่มีการสร้างสัมพันธ์กับประเทศรัสเซียและจีนมากขึ้น ว่า รัฐบาลทำงานภายใต้ข้อจำกัด เนื่องจากมิตรประเทศบางภูมิภาคมีแนวปฏิบัติที่เป็นกฎกติกาภายใน ทำให้ไม่สามารถดำเนินงานที่มีความสัมพันธ์กับประเทศไทยได้เต็มที่ แต่มีมิตรประเทศบางส่วนที่ไม่มีข้อจำกัด รัฐบาลจึงสามารถทำงานร่วมกับ จีน รัสเซีย หรือแม้กระทั่ง ญี่ปุ่น ในขณะที่โลกตะวันตกไม่สามารถทำอะไรได้เต็มที่ ซึ่งเป็นไปโดยธรรมชาติ ส่วนจะทำให้เสียดุลยภาพทางการต่างประเทศหรือไม่นั้น ตนเห็นว่า รัฐบาลต้องแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าไม่ใช่ข้อจำกัดที่ประเทศไทยต้องการ เมื่อเขาตัดสินใจว่าไม่สามารถมีความสัมพันธ์กับไทยได้อย่างปกติก็ต้องยืนยันว่าไม่มีปัญหาในการเป็นมิตรและพร้อมเพิ่มพูนความสัมพันธ์ต่อไปในอนาคต จึงอยู่ที่ทางประเทศเหล่านั้นเองว่าจะมีแนวทางอย่างไรที่จะแก้ปัญหานี้ ซึ่งทุกครั้งที่ตนได้พบกับผู้แทนของ อียู จะบอกเสมอว่า งานด้านการค้าการลงทุนที่เกี่ยวกับการเจรจาระดับเทคนิคหรือเจ้าหน้าที่ น่าจะเดินต่อได้ แต่ถ้าจะมีจุดยืนว่าไม่ทำข้อตกลงกับรัฐบาลที่ไม่มาจากการเลือกตั้งก็สามารถประกาศได้ แต่การหยุดทุกอย่างเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นและเสียสมดุลของความสัมพันธ์ ซึ่งเขาก็รับฟังว่าจะไปพิจารณาปรับแก้ได้หรือไม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อถึงท่าทีของสหรัฐอเมริกา และกลุ่มประเทศในอียูที่กดดันไทยในช่วงเวลานี้มากกว่าการรัฐประหารในปี 2549 ว่า ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่เป็นสิ่งที่ปฏิบัติอยู่แล้วแต่มีการปฏิบัติที่ไม่เหมือนกันในบางประเทศ เช่น ประเทศที่ไม่เป็นประชาธิปไตยแต่ผู้นำเขาก็ไปเยือนมีการอ้างว่าเพราะประเทศเหล่านั้นไม่ได้เป็นประชาธิปไตยมาตั้งแต่ต้น ส่วนเหตุผลจะฟังขึ้นหรือไม่อีกเรื่องหนึ่ง
"ข้อมูลที่เขาได้รับเป็นข้อมูลที่ไม่สมดุล โดยเฉพาะการมองปัญหารัฐประหารว่ามีการจำกัดสิทธิเสรีภาพมองเห็นง่าย แต่เวลาที่มีรัฐบาลจากการเลือกตั้งเข้ามาทำสิ่งที่ไม่ดี ระดมคนข่มขู่คุกคามฝ่ายตรงกันข้าม ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิเหมือนกันต่างประเทศมองไม่ออก จึงมองแค่ว่าปฏิวัติไม่มีการเลือกตั้งเป็นเผด็จการ แต่เวลาที่มีการเลือกตั้งแล้วทำตัวเหมือนเผด็จการเขาก็ไม่สามารถรับรู้ได้เต็มที่ ขณะเดียวกันก็มีการเคลื่อนไหวล็อบบี้เพื่อให้ต่างประเทศรับรู้ความจริงด้านเดียวทำให้ปัญหารุนแรงขึ้น" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่รัฐบาลประกาศใช้มาตรา 44 จะทำให้ต่างชาติมีความเข้าใจมากกว่ากฎอัยการศึกหรือไม่นั้น ตนมองว่า ต่างชาติก็ยังเห็นว่าเป็นการใช้อำนาจพิเศษขึ้นอยู่กับว่าเขาดูรายละเอียดมากน้อยแค่ไหน แต่ตนอยากให้ระมัดระวัง เพราะล่าสุดมีการออกคำสั่งเพิ่มบทบาททหาร แม้ในมุมที่เรามองเป็นการบังคับใช้กฎหมายแต่จะทำให้เกิดคำถามมากขึ้นว่าเหตุใดเจ้าหน้าที่บ้านเมืองฝ่ายอื่นไม่บังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ไม่ว่าจะมีกฎอัยการศึกหรือไม่ มาตรา 44 ก็มีอยู่ดีและสามารถใช้แบบเบ็ดเสร็จโดยไม่ต้องมีหลักเกณฑ์ การออกมาก็คงเพราะพยายามให้มีหลักเกณฑ์แต่ไม่ง่ายที่จะทำความเข้าใจกับคนที่อยู่ห่างไกล
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี