21 เม.ย.58 ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกรรมาธิการปฏิรูปกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม กล่าวอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญในส่วนของภาค 2 ผู้นำการเมืองที่ดีและระบบผู้แทนที่ดี ว่า การร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 และ 2550 มีความแตกต่างกับการร่างรัฐธรรมนูญในขณะนี้ เพราะสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ทั้ง 2 ชุด มีอำนาจหน้าที่ในการยกร่างฯ เฉพาะเนื้อหาในรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ค่อยมีส่วนในการยกร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ทำให้รัฐธรรมนูญทั้ง 2 ฉบับมีเนื้อหามาก
แต่ในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ มีทางเลือกตามรัฐธรรมนูญฯ (ฉบับชั่วคราว) 2557 มาตรา 39 ที่กำหนดให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ และคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ ยังคงปฏิบัติหน้าที่ต่อไปเพื่อประโยชน์ในการจัดให้มีร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายอื่นที่จำเป็น แต่ตนเห็นว่า ในร่างรัฐธรรมนูญนี้ มีสาระโครงสร้างอำนาจหน้าที่บางประการ ไม่มีความจำเป็นที่จะใส่ไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ สามารถนำไปใส่ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญได้ เพราะถ้าใส่ไว้มากขนาดนี้ ไม่มีหลักประกันว่าองค์กรต่างๆ ที่บัญญัติไว้ จะทำหน้าที่ได้ดีหรือไม่ แล้วจะมีประโยชน์อะไรที่จะเอามาใส่ไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ ส่วนใหญ่ต่างประเทศก็ใส่ไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ซึ่งในภาวะของประเทศขณะนี้ควรให้บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ สั้น กระชับ และต้องตอบโจทย์ในการแก้ปัญหาบ้านเมือง ซึ่งปัญหาของบ้านเมืองคือการเลือกตั้ง บ้านเมืองแตกแยก ขัดแย้ง นักการเมืองทุจริตคอร์รัปชั่น เป็นต้น ซึ่งต้องหาทางแก้ไข แต่สิ่งที่คณะ กมธ.ยกร่างฯ ดำเนินการยังไม่ตอบโจทย์เหล่านี้
นายเสรี กล่าวต่อว่า กรณีที่คณะ กมธ.ยกร่างฯ กำหนดให้มี ส.ส.มีที่มา 2 ทาง คือ ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ตนเห็นว่า ควรจะมีเพียงแค่ ส.ส.เขตเพียงอย่างเดียว เพราะ ส.ส.เขต เป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน นำปัญหาของประชาชนมาแก้ไขในสภาฯ ซึ่งในรัฐธรรมนูญปี 2540 มีแนวคิดว่าควรมี ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพราะจะให้มีคนกลุ่มหนึ่ง ลงสมัครโดยไม่ต้องซื้อเสียง แต่ในขณะนี้ กมธ.ยกร่างฯ กำหนดให้มี ส.ส.บัญชีรายชื่อ แล้วก็แบ่งกลุ่มเป็นภาค และให้ประชาชนเลือกคนในบัญชีนั้น ต่างจาก ส.ส.เขต อย่างไร ซึ่งตนคาดว่าคนที่อยู่ในบัญชีก็ต้องไปซื้อเสียง ซื้อเสียงโรงงานซักแห่งหนึ่งก็ได้คะแนนจัดตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ จึงไม่มีประโยชน์ แล้ว สส.เขต เหลือเพียง 250 คน ดังนั้น ถ้าให้ประชาชนเลือก ส.ส.เขต ทั้งหมด เขตละอย่างน้อย 2 คน เหมือนร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 ในชั้นต้น สามารถตอบโจทย์ได้ว่า คนที่ได้เลือกเป็นตัวแทนของประชาชนในเขตนั้น ถ้าเลือก ส.ส.แบบเขตเดียวคนเดียว มีการแข่งขันกัน แพ้ชนะใกล้เคียงกัน แต่ได้ ส.ส.เพียงคนเดียว คนที่แพ้การเลือกตั้งไม่มีตัวแทน ถ้ากำหนดอย่างน้อย 2 คน คนที่ได้คะแนนส่วนแพ้ ยังมีตัวแทน
ทั้งนี้ กมธ.ยกร่างฯ จะต้องดูปัญหาของประเทศไทยเป็นหลัก อย่าไปดูประเทศไหน เพราะระบบนี้อย่างน้อยคนแพ้ยังมีตัวแทน อีกทั้ง แนวคิดเลือกตั้งของคณะ กมธ.ยกร่างฯ ที่มีเป้าหมายให้การเมืองยังเข้มแข็ง แต่มี ส.ส.หลายพรรคการเมืองรวมตัวกันเป็นรัฐบาลผสมนั้น ตนมองว่ามันขัดกันในตัวเอง อธิบายที่ไหนก็ตอบไม่ได้ ดังนั้น รัฐบาลเข้มแข็งเรื่องดีนั้น นายกรัฐมนตรีจะต้องอิสระจากสภาฯ และแยกอำนาจหน้าที่นายกฯ กับสภาฯ เพราะรัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ
"กมธ.ยกร่างฯ ศึกษารายละเอียดดีหรือยัง กมธ.ยกร่างฯ บอกว่าขจัดปัญหาทางการเมือง ไม่ให้ได้พรรคที่มีเสียงมากเกินไป และให้มีสมัครอิสระ เลยเปลี่ยนวิธีกลุ่มการเมือง ทหารเองสลายกลุ่มการเมือง ไม่ต้องการให้มีหมู่บ้านเสื้อแดง กปปส.แต่ลืมบัญญัติสิ่งเหล่านี้ กมธ.ยกร่างฯ บัญญัติพรรคการเมือง และกลุ่มการเมือง กลุ่มที่ต่อสู้กันมาเขาก็จะตั้งกลุ่ม นปช. กปปส.เหมือนกลุ่มรักสัตว์ไหม ถ้าออกกฎหมายให้กลุ่มเหล่านี้มาเล่นการเมือง ถ้าแบ่งส่วนแล้วเป็นสิบๆ ล้านกลุ่ม ต่อไปการเลือกตั้งของพรรคการเมืองจะหมดความหมาย จะมีกลุ่มการเมือง นปช. กปปส.และนี่จะสร้างความแตกแยกให้คนในชาติ ท่านคิดไหมสิ่งเหล่านี้ ถ้าท่านคิดว่ากลุ่มการเมือง จะทำให้รัฐบาลมีหลายพรรคการเมือง ต่อไปการจัดตั้งรัฐบาล ไม่ นปช.ก็ กปปส. คณะรัฐมนตรี (ครม.) อาจจะเป็น นายจุตพร พรหมพันธ์ ประธาน นปช.ก็ได้ ถ้า พระสุเทพ หรือนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส.ไม่สึกมา ก็จะส่งเป็นตัวแทนของ กปปส.เป็นรัฐมนตรี คนในประเทศก็จะแบ่งเป็นฝ่าย แล้วต่อสู้ทางการเมืองอีก ถ้าท่านยังเห็นดีกับพรรคการเมืองหลายพรรค รัฐบาลท่านก็จะเจอรัฐบาลที่อ่อนแอ แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ คือถอยหลังเข้าคลอง ถ้าใช้รัฐธรรมนูญ เกิดกลุ่มการเมือง กลุ่มไหนเข้ามาก็สู้ไม่ได้ ก็จะเป็น นปช.และ กปปส.สู้กันอีก สู้ในสภาฯ ไม่ได้ ก็จะสู้กันอย่างที่ผ่านมา เขามีประสบการณ์แล้ว นี่คือปัญหาในรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด ท่านเอาความรู้วิชาการเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อบ้านเมือง ท่านมองอีกด้านไหม" นายเสรี กล่าว
นายเสรี กล่าวอีกว่า องค์กรต่างๆ ที่ถูกสร้างขึ้นมาในร่างรัฐธรรมนูญใหม่นั้น เช่น องค์กรคุ้มครองผู้บริโภค ที่มีอยู่แล้ว สมัชชาคุณธรรม คณะกรรมการประเมินผลแห่งชาติ (กปช.) คณะกรรมการแต่งตั้งข้าราชการ สมัชชาพลเมือง เป็นต้น ตนขอแนะนำให้ กมธ.ยกร่างฯ นำสิ่งเหล่านี้ไปเขียนในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เพราะถ้าใส่ในรัฐธรรมนูญ ยังไม่มีหลักประกันได้ว่า เรื่องเหล่านี้พยายามทำให้ดีที่สุด ดังนั้น คณะ กมธ.ยกร่างฯ และ สปช.ควรจัดทำกฎหมายเกี่ยวกับองค์กรเหล่านี้ให้สมบูรณ์ ซึ่งจะเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญฯ (ฉบับชั่วคราว) 2557 มาตรา 39 แต่การบัญญัติให้มีการสร้างสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ตนเห็นว่าอย่าทำ เพราะถูกครหาว่าเสียเปล่า เป็นการสร้างองค์กรนี้เพื่อตนเอง ดังนั้น กมธ.ยกร่างฯ อย่าเขียนอะไรเพื่อให้ตนเองเสียหาย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี