ฟ้องแพ่งจำนำข้าว
‘วิษณุ’ชี้ช้าแต่ชัวร์
แย้ม’ปู’ไม่ตายเดี่ยว
เฉลี่ยรับผิดทั่วหน้า
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมถึงความคืบหน้าการยื่นฟ้องแพ่งเรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าว จากรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ทุกฝ่ายไม่ต้องกังวล ขณะนี้ได้ตั้งคณะทำงานเพื่อพิจารณาความรับผิดทางแพ่งเรียบร้อยแล้ว 2 ชุดคือ คณะกรรมการพิจารณาเรื่องความเสียหายว่ามีจำนวนเท่าไร และคณะกรรมการพิจารณาหาตัวบุคคลที่จะต้องรับผิด เรื่องนี้มีขั้นตอนตามกฎหมายระบุไว้ อยู่ๆจะไปฟ้องเลยไม่ได้ ทั้งนี้ ตามขั้นตอนเมื่อคณะทำงานทั้งสองชุดพิจารณาจนชัดเจนแล้วต้องฟ้องภายในอายุความ คาดว่าถึงอย่างไรต้องฟ้องภายในปีนี้แน่นอน
“จะไปรีบฟ้องแบบฉุกละหุกสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ อาจจะพลาดและกระทบคดีได้ ถ้าจะฟ้องทั้งทีต้องให้รัดกุมชัดเจน เวลาจะฟ้องเรียกค่าเสียหายเท่าไรนั้น ด้วยความที่เป็นการฟ้องทางแพ่งต้องมีเงินไปวางศาล หากฟ้อง 500 ล้านบาทนั้นไม่เท่าไร แต่หากฟ้องเป็นพันล้านหรือหมื่นล้านเงินที่จะต้องไปวางศาลคิดเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วเป็นจำนวนมากอยู่เหมือนกัน จึงต้องให้เกิดความชัดเจน หากฟ้องไปแล้วเกิดค่าเสียหายมันไม่ถึงจำนวนนั้นจะกระทบอะไรหลายอย่าง ขณะนี้ดูกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา กรมบัญชีกลาง อัยการ กระทรวงพาณิชย์ มีการรายงานผมเป็นระยะๆ อยู่แล้ว”นายวิษณุ กล่าว
และว่า สำหรับอายุความคดีแพ่งจะเริ่มนับตั้งแต่เมื่อทราบคือ ตอนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ส่งเรื่องมาให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) พิจารณาดำเนินการถอดถอน ขณะนี้เพิ่งผ่านมา 1-2 เดือน ดังนั้น มีเวลาไปจนถึงปีหน้า อย่างไรก็ตาม การดำเนินการฟ้องแพ่งไม่ต้องรอคดีอาญาที่อยู่ในชั้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสามารถดำเนินการได้ เพียงแต่หากฟ้องไปแล้วศาลจะรอหรือไม่รอดูคดีในศาลฎีกาฯเป็นเรื่องของศาลพิจารณา
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในสำนวนป.ป.ช.ฟ้องน.ส.ยิ่งลักษณ์คนเดียว จะพิจารณาฟ้องคนอื่นด้วยได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า ป.ป.ช.ชี้มูลน.ส.ยิ่งลักษณ์คนเดียว เพราะต้องส่งเรื่องให้สนช.ถอดถอน คนที่ไม่ได้เป็นข้าราชการจะไปถูกถอดถอนไม่ได้ คนที่ไม่ได้เป็นนักการเมืองจะถูกถอดถอนไม่ได้ จึงส่งมาคนเดียว แต่ในการเรียกค่าเสียหาย อยู่ๆ จะเรียกค่าเสียหายกี่พันกี่หมื่นล้านบาทไปโปะลงที่น.ส.ยิ่งลักษณ์คนเดียวไม่ได้ ต้องเฉลี่ยความรับผิดชอบกัน ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นน.ส.ยิ่งลักษณ์เหมารับผิดคนเดียว คนอื่นไม่รับผิดได้อย่างไร
สำหรับคณะกรรมการติดตามเรียกค่าเสียหายจากโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล อดีตนายกฯยิ่งลักษณ์นั้น ประกอบด้วย คณะกรรมการ 2 ชุดคือ คณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงและกำหนดจำนวนค่าเสียหาย ที่มีนายจำเริญ ยุติธรรมสกุล รองปลัดประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน และคณะกรรมการว่าด้วยการรับผิดทางแพ่ง ที่มีนายมนัส แจ่มเวหา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เป็นประธาน มีหน้าที่พิจารณามูลค่าความเสียหาย และตัวบุคคลที่ต้องรับผิด ถ้าคณะกรรมการสองคณะประชุมได้ข้อยุติแล้ว จะยื่นเรื่องให้อัยการฟ้องเรียกค่าเสียหาย โดยคดีนี้มีอายุความ 2 ปี
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์เขียนข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า กลับมาถึงกรุงเทพฯแล้วหลังเดินทางไปภาคอีสาน เที่ยวนี้นอกจากจะอิ่มบุญร่วมพิธีสวดอภิธรรม และกราบสรีระสังขารหลวงพ่อคูณแล้ว ยังมีโอกาสไปกราบสักการะพระธาตุขามแก่น สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของชาวขอนแก่น รวมถึงไปไหว้พระที่วัดหนองแวง นอกจากทำบุญแล้ว ยังได้รับประทานอาหารพื้นเมือง ไม่ว่าจะเป็นปลาส้มของโปรด ไส้กรอกอีสาน แจ่วบอง แกงเห็ดเผาะ กับข้าวเหนียวนุ่มๆ ตบท้ายด้วยข้าวโพดขนมฝักบัวร้อนๆ และกาแฟข้างทางที่อ.ยางตลาด และเชียงยืน ขอขอบคุณกับการต้อนรับที่อบอุ่นกับทุกคำอวยพร ทุกกำลังใจที่มอบให้จากชาวจ.ขอนแก่น กาฬสินธุ์ และมหาสารคาม แล้วจะกลับไปเยี่ยมใหม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี