9 ต.ค.58 ที่รัฐสภา นายนรชิต สิงหเสนี โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) แถลงถึงความคืบหน้าในการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญในวันนี้ (9 ตุลาคม) ว่า การประชุมในวันนี้ เป็นการหารือเกี่ยวกับการวางกรอบแนวทางในการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญตามมาตรา 35 ของรัฐธรรมนูญฯ (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ. 2557 ทั้ง 10 วงเล็บ ซึ่งได้พิจารณาต่อเนื่องเกี่ยวกับการให้มีกลไกต่อเนื่องในการปรับโครงสร้าง และขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจและสังคม
รวมถึงกลไกป้องกันการบริหารราชการแผ่นดินที่มุ่งสร้างความนิยมทางการเมือง โดยพิจารณาข้อเสนอเกี่ยวกับ รัฐต้องปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจที่มีการแข่งขันอย่างเสรี มีธรรมาภิบาล และเป็นธรรม ภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งคำนึงถึงความสมดุลของกระบวนการด้านการผลิต การมีงานทำ การคงอยู่ของสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรอย่างยั่งยืน และความอยู่ดีมีสุขอย่างทั่วถึงของประชาชน
นอกจากนี้มีการพิจารณาข้อเสนอเกี่ยวกับการสร้างกลไกป้องกันการบริหารราชการแผ่นดินที่มุ่งสร้างความนิยมทางการเมืองที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศและประชาชนในระยะยาว ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบอาชีพหรือประชาชน รัฐต้องดำเนินการโดยไม่เกินขีดความสามารถทางการเงินและการคลังของประเทศและทำให้บุคคลดังกล่าวช่วยเหลือตนเองได้ และมีกลไกคุมพรรคการเมืองให้พรรคการเมืองจัดทำสัญญาประชาคมให้เป็นไปตามกรอบวินัยทางการเงินการคลังที่ดี เพื่อให้ประชาชนรับทราบถึงนโยบายของพรรคและเป็นหลักฐานสำหรับการตรวจสอบในอนาคต
นายนรชิต กล่าวต่อว่า ในส่วนของกลไกที่มีประสิทธิภาพในการใช้จ่ายเงินของรัฐให้เป็นไปอย่างคุ้มค่าและตอบสนองต่อประโยชน์ส่วนรวมของประชาชนโดยสอดคล้องกับสถานะทางการเงินการคลังของประเทศ และกลไกการตรวจสอบและเปิดเผยการใช้จ่ายเงินของรัฐที่มีประสิทธิภาพ โดยมีการนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับของคณะกรรมาธิการยกร่างฯ มาตรา 88 และมาตรา 193 โดยมีการพิจารณาข้อเสนอให้รัฐมีหน่วยงาน
ซึ่งทำหน้าที่ประเมินผลสัมฤทธิ์ และความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ ซึ่งอาจเพิ่มอำนาจหน้าที่ให้สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินดำเนินการประเมินผลสัมฤทธิ์และความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณ ทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคมและเป็นธรรม รวมทั้งควรเร่งรัดให้มีกฎหมายวินัยการเงินการคลังเพื่อกำกับดูแลการกู้เงินของรัฐบาลให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
“กลไกดังกล่าวจะต้องดูแลก่อนที่จะเกิดความเสียหาย ด้วยการพิจารณานโยบายของแต่ละพรรคการเมืองว่าส่งผลกระทบต่อสถานะการเงินการคลังประเทศหรือไม่ อย่างไร ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่อาจจะสร้างกลไกใหม่ขึ้นมา เพราะในส่วนของ สตง.เป็นองค์กรตรวจสอบการใช้เงินไม่ได้ระงับยับยั้ง ดังนั้นจึงต้องพิจารณาต่อไปว่ากลไกดังกล่าวควรจะมีรูปแบบใดแต่ต้องมีองค์ประกอบจากผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมาเป็นผู้พิจารณาถึงความเป็นไปได้ของนโยบายที่พรรคการเมืองหาเสียงกับประชาชนเพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายในภายหลัง” นายนรชิต กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี