14 ธ.ค. 58 เมื่อเวลา 14.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กกต.ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง แถลงตอบโต้กรณีที่นายภุชงค์ นุตราวงศ์ อดีตเลขาธิการกกต.ให้จับตาการจัดซื้อเครื่องลงคะแนนอิเล็กทรอนิกส์ที่จะใช้ใน 9.5 หมื่นหน่วยเลือกตั้ง งบประมาณกว่าหมื่นล้านบาทว่า ไม่เป็นความจริง โดยเครื่องลงคะแนนกกต.มีริเริ่มมาตั้งแต่ปี 46 และพัฒนามาถึงปัจจุบันรวม 4 รุ่น ใช้งบประมาณในการดำเนินการและการอบรมให้ความรู้ราว 57 ล้านบาท กกต.ชุดปัจจุบันเมื่อร่างรัฐธรรมนูญชุดนายบวรศักดิ์ มีการระบุให้นำเครื่องลงคะแนนมาใช้ ประกอบกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและกระแสโลกที่นานาประเทศมีการใช้เครื่องลงคะแนนแล้ว กกต.จึงมีการพัฒนาและมีความจริงจังที่จะนำเครื่องมาใช้ โดยได้วางแผนการใช้เครื่องไว้ 3ช่วง คือ ในปี 59 หากมีการประชามติจะมีการนำเครื่องลงคะแนนรุ่นที่ 4 ไปใช้เพียง5 หน่วยเลือกตั้งในกทม. โดยไม่มีการตั้งงบประมาณในการใช้จ่าย และหากมีการเลือกตั้งทั่วไปในปี 60 ก็มีแผนที่จะใช้เครื่องลงคะแนนเพียง 100 หน่วยเลือกตั้งในกทม.ชั้นใน คิดเป็น 0.1เปอร์เซ็นต์ของหน่วยเลือกตั้งทั้งประเทศ และเตรียมงบประมาณไว้ 10 ล้านบาท สำหรับผลิตเครื่องลงคะแนนรุ่นใหม่ ที่จะใช้ระบบทัชสกรีน เนื่องจากเครื่องลงคะแนนรุ่นที่ 4 ไม่สามารถตอบโจทย์กรณีมีผู้สมัครเกิน 30 หมายเลข และการลงคะแนนนเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อได้ แต่ทั้งนี้หากไม่สามารถผลิตเครื่องรุ่นใหม่ได้ทันเพราะต้องใช้วิธีประกวดราคา ก็จะใช้เครื่องรุ่นเก่าก่อน ที่มีอยู่ 200 ชุด
ส่วนระยะสุดท้ายคือปี 63 มีแผนที่จะใช้เครื่องลงคะแนนประมาณ 2,000 ชุด เพื่อใช้กับเขตเลือกตั้งชั้นในกทม.จะมีการผลิตเครื่อง 2,000 ชุด ใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการตั้งงบประมาณแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องอนาคต
“เครื่องลงคะแนนมีการพัฒนามาอย่างต่อเนื่องและพัฒนา เราไม่ได้ใช้งบประมาณเป็นหมื่นล้าน ผมไม่เข้าใจว่านายภุชงค์เข้าประชุมกับเขาหรือไม่ ถ้าเข้าคงจะรู้เรื่อง แต่นี่ไม่เข้าจึงไม่รู้เรื่อง”นายสมชัยกล่าว
ทั้งนี้ในการแถลงนายสมชัยได้นำเครื่องลงคะแนนแต่ละรุ่นมาแสดงพร้อมอธิบายถึงการพัฒนาของเครื่องลงคะแนนแต่ละรุ่น จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งระบุว่าตั้งใจแถลงเรื่องนี้เท่านั้น แม้ว่าผู้สื่อข่าวจะพยายามที่จะใช้ชี้แจงประเด็นที่นายภุชงค์โจมตีกกต.เรื่องการทัวร์นอก เรื่องการตั้งที่ปรึกษา ล็อกสเปคโรงพิมพ์ออกบัตรประชามติ โดยระบุว่าจริงๆเรื่องอื่นตนมีคำตอบทั้งหมด แต่เรื่องโรงพิมพ์และดูงานต่างประเทศเป็นความรับผิดชอบประธานกกต.ส่วนเรื่องการตั้งที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญเป็นแนวคิดของนายประวิช รัตนเพียร ขอให้เป็นหน้าที่ของกกต.แต่ละคนในการชี้แจง แต่ถ้าที่สุดท่านเหล่านั้นไม่มีชี้แจง จึงค่อยมาถามตน ส่วนเรื่องการประเมินผลการปฏิบัติงานของเลขาธิการ วันนี้คณะอนุกรรมการประเมินผลได้มีการประชุมและคิดว่าน่าจะมีการชี้แจงต่อสื่อถึงหลักเกณฑ์การประเมินต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่ความขัดแย้งระหว่างกกต.กับนายภุชงค์อาจก่อให้เกิดผลกระทบถึงขั้นเปลี่ยนแปลงกกต.ทั้ง5 คน นายสมชัย กล่าวว่า ตนไม่มีปัญหาอะไร เมื่อถามต่อว่าการออกมาแถลงข่าวของนายภุชงค์ เป็นการให้น้ำหนักแนวคิดของกรธ.ที่เห็นว่ากกต.ควรทำงานในลักษณะบอร์ดมากขึ้นหรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า ลักษณะงานของกกต.ไม่เหมือนคตง.หรือป.ป.ช.ที่พิจารณาแค่สำนวนคดีเพียงอย่างเดียว จึงสามารถทำงานเป็นบอร์ดได้ แต่ครึ่งหนึ่งของงานกกต.เป็นงานบริหาร ที่ต้องทำให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่า ไม่ทำงานแบบราชการจนเกินไป ดังนั้นการกำกับแต่ละด้านยังจำเป็นอยู่และการรับผิดชอบเป็นด้านถูกออกแบบมาตั้งแต่กกต.ชุดแรก การจะมาเปลี่ยนแปลง อาจกลายเป็นเรื่องต้องมาลองผิดลองถูกกันใหม่ ตนอาจจะวิสัยทัศน์ไม่ไกลจึงมองไม่ถึง แต่คิดว่าถ้าปราศจากการกำกับดูแลแต่ละด้านแล้ว ผลอาจจะไม่ดีเท่าที่ควร
“แม้ว่ากกต.จะแบ่งงานแต่ละด้าน แต่ไม่ใช่ด้านข้าใครอย่าแตะ ทุกเรื่องต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมกกต.กกต.ทุกท่านสามารถทักท้วงงานด้านอื่นๆได้ โดยไม่มีการเกรงใจกัน หลายครั้งที่ผมเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม แล้วมีการทักท้วงจากกกต.ท่านอื่น ผมก็ยอมถอยกลับเหมือนกัน แต่ทุกเรื่องแทบจะไม่มีการลงมติ น้อยครั้งที่จะมีการลงมติ หนึ่งในนั้นที่ลงมติคือการเลิกจ้างเลขาฯ”นายสมชัย กล่าว
เมื่อถามต่อว่าการแบ่งงานเป็นด้านทำให้รองเลขาฯแต่ละด้านขึ้นตรงกับกรรมการกกต.ทำให้เลขาฯถูกมองข้ามหัวหรือไม่ นายสมชัยกล่าวว่า เลขาฯเป็นฝ่ายกำกับทุกอย่าง ถ้าเลขาฯไม่เซ็นต์ไม่มีใครทำอะไรได้เลย ฉะนั้นต้องบอกว่ารองเลขาฯเห็นหัวเลขาฯ อย่างไรก็ตามการประชุมกกกต.วันที่ 15 ธ.ค.จะหารือเรื่องการสรรหากกต.คนใหม่
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี