9 ก.พ.59 ที่รัฐสภา การประชุมสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) โดยมี ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท.เป็นประธานการประชุม มีวาระการอภิปรายร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เป็นวันที่สอง โดย นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมาธิการวิสามัญขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สปท.ได้อภิปรายร่างรัฐธรรมนูญ ว่า หลักการเนื้อหาส่วนใหญ่ในร่างรัฐธรรมนูญมีความเหมาะสมแล้ว แต่ในหมวด 4 หน้าที่ปวงชนชาวไทย กำหนดให้เป็นหน้าที่ไม่ให้ความร่วมมือกับการทุจริต ควรเพิ่มเนื้อหาว่ามีหน้าที่ต่อต้าน รวมถึงให้ข้อมูลเบาะแส เฝ้าระวังเรื่องการทุจริตด้วย ในหมวดแนวนโยบายแห่งรัฐที่บัญญัติว่าให้รัฐ "พึง" ปฏิบัติ ถือเป็นเรื่องสำคัญ ควรย้ายมาอยู่ในหมวดหน้าที่ของรัฐที่ให้รัฐ "ต้อง" ปฏิบัติ
นายปานเทพ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ควรกำหนดหลักการการปราบปรามทุจริตที่มีประสิทธิภาพ คือ 1.กำหนดให้ประชาชนเป็นผู้เสียหายสามารถฟ้องร้องในคดีทุจริตได้ 2.กำหนดให้รัฐต้องเปิดเผยผลการจัดซื้อจัดจ้างและการเงินการคลังให้ประชาชนรับทราบ 3.กำหนดให้ผู้มีสิทธิ์รับเลือกตั้ง ผู้สมัครเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองต้องแสดงแบบรายการภาษีย้อนหลัง 3 ปี หากฝ่าฝืนหรือแสดงเท็จให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลง 4.กำหนดไม่ให้คุ้มครองสมาชิกรัฐสภาในสมัยประชุมสามัญกรณีทุจริตต่อหน้าที่ 5.กำหนดให้ฝ่ายค้านเป็นประธานกรรมาธิการสามัญตรวจสอบการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและกำกับติดตามการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ
6.กำหนดห้ามข้าราชการ อัยการ ต้องไม่เป็นกรรมการรัฐวิสาหกิจ และที่ปรึกษาด้านการเมือง 7.กำหนดคุณสมบัติองค์กรอิสระ เช่น คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต้องรับหรือเคยรับราชการระดับอธิบดีหรือเทียบเท่าไม่น้อยกว่า 3 ปี เพราะกำหนด 5 ปีนั้นยาวนานเกินไป และ 8.กำหนดการจัดซื้อจัดจ้างเป็นหน้าที่ข้าราชการฝ่ายประจำ นอกจากนี้ ตนยังเห็นด้วยกับสมาชิกที่ควรยกหมวดการปฏิรูปประเทศ เพื่อให้เห็นชัดในเรื่องการปราบปรามป้องกันการทุจริต เพราะอาศัยรัฐธรรมนูญอย่างเดียวไม่อาจลดน้อยลงได้ จึงต้องอาศัยความร่วมมือกับภาคประชาชน
ด้าน นายวรวิทย์ ศรีอนันต์รักษา อภิปรายว่า การปราบปราบการทุจริตเป็นหนึ่งในการปฏิรูปตัดวงจรอุบาทว์ ซึ่งวงจรนี้ทำให้การเมืองเราเปลี่ยนผ่านไม่ได้ ดังนั้น เราต้องตัดวงจรนี้ เชื่อว่าคนดีจะเข้ามา โต๊ะอาหารถ้าไม่มีเศษอาหาร มด แมลงสาบ ไม่เข้ามา ดังนั้น จึงต้องจัดการการทุจริตคอรัปชั่นให้ได้ การกำหนดให้คนดีเข้าสู่การเมืองจะต้องเข้าสู่ตำแหน่งทางการเมืองจะต้องเปิดเผยบัญชีย้อนหลัง 5 ปี ที่สำคัญ มาตรา 45 (4) ที่เขียนว่ารัฐมนตรีต้องมีความซื่อสัตย์และเป็นที่ประจักษ์ เขียนไว้ดี แต่บอกว่ารัฐมนตรีไม่ต้องเปิดเผยบัญชีภาษี รัฐธรรมนูญฉบับนี้เขียนสร้างมาตรการยาแรงไว้ปลายทางทำให้ระบบช็อต ทำไมไม่ให้ประชาชนเป็นด่านแรกในการตรวจสอบการทุจริต จะทำให้การแก้ปัญหาได้ดีมาก ส่วนการปฏิรูปตำรวจต้องชมว่า กรธ.มีความกล้าหาญ แต่การปฏิรูปตำรวจควรจะปฏิรูปสำนึกก่อน และจะใช้กลไกธรรมดาไม่ได้ การให้ สปท.อยู่ต่ออีก 1 ปี ไม่มีประโยชน์ การปฏิรูปตำรวจจะต้องทำอีก 10 - 20 ปี ควรให้ ส.ว.ทำ แต่ ส.ว.ก็มาจาก 20 กลุ่มอาชีพ ก็ทำไม่ได้อีก เพราะคุมไม่ได้ ไม่รู้ว่าใครเป็นใครและต้องมีการซื้อเสียง จึงควรให้ ส.ว.มาจากการสรรหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสมาชิกอภิปรายเสร็จสิ้นแล้ว สปท.ได้มีมติเอกฉันท์ 179 เสียง ให้ส่งคำอภิปรายของสมาชิก สปท.ที่มีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญ ระหว่างวันที่ 8 - 9 ก.พ.ไปให้ กรธ.พิจารณา และมีมติ 178 ต่อ 1 เสียง ให้คณะกรรมาธิการ (กมธ.) ของ สปท.ทุกคณะ จัดทำร่างรัฐธรรมนูญมาคณะละ 1 อนุมาตรา ว่าจะปฏิรูปประเทศในเรื่องใดบ้าง และส่งมาให้กับคณะ กมธ.วิสามัญกิจการ สปท.(วิป สปท.) พิจารณาภายในสัปดาห์นี้ จากนั้นจะส่งมอบให้ กรธ.ไปดำเนินการนำไปบัญญัติไว้ในร่างรัฐธรรมนูญร่างสุดท้าย มาตรา 269 ที่ได้เว้นไว้ต่อไป
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี