‘ปชป.’ไม่รับร่าง‘รธน.’

ข้อเสียมาก

ติงตังคำถามพ่วงลงมติ

‘มาร์ค’เปิดแถลงข่าวยำเอง

‘บิ๊กสงค์’ชี้ขัดหลักการปชต.

‘สนช.’หารือหลังสงกรานต์

กกต.ถก3ปม‘วิษณุ’11เม.ย.

ที่พรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) เมื่อวันที่ 10 เมษายน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี หัวหน้า ปชป.แถลงจุดยืนต่อร่างรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงประชามติ ที่ให้อำนาจสมาชิกวุฒิสภา(สว.)เลือกนายกรัฐมนตรีได้ และกำลังจะเข้าสู่การทำประชามติ ว่า พรรคมีจุดยืน 3 ข้อ คือ 1.กระบวนการจัดทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2.จุดยืนของพรรคต่อคำถามพ่วงและ 3.ร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังจะมีการทำประชามติ ต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม ผ่านกระบวนการที่เสรีและเป็นธรรม

ถ้ากระบวนการทำประชามติไม่เสรีและเป็นธรรม จะทำให้เกิดความไม่ยอมรับต่อกระบวนการนี้ และจะทำให้เกิดความรุนแรงตามมา ดังนั้นคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ในฐานะผู้รักษากฎหมายต้องออกมายืนยันว่ากระบวนการจะเป็นไปอย่างเสรีและเป็นธรรม เพื่อให้ทุกฝ่ายยอมรับนำไปสู่การเดินหน้าประเทศ จึงอยากให้ กกต.แสดงความความกล้าหาญในเรื่องนี้ ถ้า กกต.ไม่แสดงความกล้าหาญก็จะยิ่งทำให้คนไม่มั่นใจโครงสร้างการเมืองตามรัฐธรรมนูญใหม่ จึงต้องยืนหยัดทำหน้าที่อย่างเที่ยงตรง

ค้านคำถามพ่วงสว.ตั้งนายกฯ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนคำถามพ่วงที่ให้อำนาจ สว.เลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งพรรคไม่เห็นด้วย และไม่รับคำถามนี้ เนื่องจากส.ว.ที่จะเกิดขึ้นมาจากกระบวนการสรรหาของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)เป็นผู้แต่งตั้งในขั้นตอนสุดท้าย และการให้ส.ว.ลงคะแนนเสียงร่วมกับ ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน เท่ากับสามารถลบล้างเจตจำนงประชาชนที่แสดงออกในการเลือกตั้งได้ และก่อให้เกิดความขัดแย้งทางการเมืองรุนแรงขึ้น และรัฐบาลก็จะทำงานยาก เพราะเป็นเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นจึงมีแต่ผลเสียพรรคจึงยืนยันว่าเป็นคำถามที่ประชาชนไม่สมควรรับในการลงประชามติ

ทั้งนี้พรรคเห็นว่าร่างรัฐธรรมนูญมีข้อเสียมากกว่าข้อดีและไม่เห็นด้วยที่รัฐธรรมนูญนี้จะเป็นกฎหมายสูงสุดในการจัดสรรอำนาจบทบาทองค์กรของรัฐกับประชาชน

“ผมใช้คำว่าไม่เห็นด้วย แต่ยังไม่พูดว่ารับหรือไม่รับ เพราะมีปัจจัยทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง และอย่าลืมว่าความเห็น คสช.นั้นหนักหนาสาหัสกว่าฉบับที่ออกมา ดังนั้นพรรคจึงต้องรอดูว่ากระบวนการตรงนี้จะแก้ไขอย่างไร จากนั้นคำตอบที่จะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญก็จะง่ายขึ้น เพราะเมื่อถึงจุดหนึ่งพวกผมก็ต้องตัดสินใจในเวลาที่สมควร” นายอภิสิทธิ์ กล่าว

เผยปชป.ออกเป็นมติพรรคไม่ได้

มีรายงานว่าโดยลึกๆแล้ว ปชป.ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ แต่ไม่สามารถออกเป็นมติพรรค ได้โดยอ้างว่าพรรคไม่สามารถประชุมได้ตามคำสั่งคสช. อีกทั้งส่วนหนึ่งยังต้องการผูกไมตรีกับคสช.ต่อไป

‘จตุพร’ย้ำยืนยันต้องคว่ำรธน.

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล ถึงมติ สนช.ในการตั้งคำถามพ่วงประกอบการทำประชามติมีสาระสำคัญ คือ ให้ส.ว.แต่งตั้งร่วมออกเสียงเลือกนายกรัฐมนตรีแสดงถึงการเปิดประตูให้คนนอกมาเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างชัดเจน

“ผมไม่ต้องการเลือกตั้งเร็วภายใต้กติกาไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะได้ตัดความอยากเลือกตั้งจนหมดสิ้น จึงกล้าย้ำกับตัวเองให้แสดงจุดยืนตามแนวทางประชาธิปไตยเพื่อประชาชนว่าต้องคว่ำร่างรัฐธรรมนูญที่เลวร้ายนี้”นายจตุพร กล่าว

“ปึ้ง”บอกต่างชาติจับตามอง

ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าหากกฎกติกาต่างๆ ที่จะถูกนำมาใช้ในอนาคต ถูกกำหนดขึ้นมาในแบบที่ต่างชาติมองว่าไม่เป็นไปตามหลักการประชาธิปไตยที่ควรจะเป็น ที่สากลยอมรับได้ ก็น่าเป็นห่วงอย่างมาก

อย่างไรก็ตามในขณะนี้จะเห็นได้ว่าสื่อต่างชาติและองค์กรระหว่างประเทศและนานาประเทศเฝ้ามองเราอยู่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในช่วงการรณรงค์และทำประชามติรับหรือไม่รับร่าง เพราะต่างชาติเขาก็อาจจะนำไปใช้เป็นตัวชี้วัดในการกำหนดทิศทางและท่าทีความสัมพันธ์กับเรา

ถล่ม’คสช.’หวังต่อท่ออำนาจ

ทางด้านนายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าคำถามพ่วงประชามติ นั้น เป็นการแสดงให้คนทั่วประเทศเห็นแล้วว่า คสช.ต้องการต่อท่ออำนาจ

นายอำนวย คลังผา อดีต ส.ส.ลพบุรีพรรคเพื่อไทย กล่าวคำถามพ่วงประชามตินี้ จะเป็นประเด็นที่สร้างความขัดแย้งเพิ่มขึ้นในสังคม เพราะเนื้อหาขัดกับร่างรัฐธรรมนูญที่ให้ประเทศไทยปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย การจะให้ สว.ซึ่งไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนมามีส่วนร่วมในการเลือกนายกฯถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย อีกทั้ง คสช. เข้ามาเพื่อสร้งความปรองดองอยู่ดีมีสุขให้กับประชาชนในชาติ การตั้งคำถามเช่นนี้จึงขัดกับเจตนารมณ์ของ คสช. อย่างสิ้นเชิง

‘อลงกรณ์”ชี้ร่าง-ถามพ่วงเสี่ยงมาก

นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) คนที่หนึ่ง กล่าวว่า ร่างรธน.และคำถามพ่วงประชามติมีความเสี่ยงมากขึ้นในการออกเสียงประชามติหลังจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์แถลงจุดยืนไม่เห็นด้วยกับคำถามพ่วงประชามติและร่างรธน. ขณะนี้มี2พรรคการเมืองใหญ่คือพรรคประชาธิปัตย์และพรรคเพื่อไทยกับ1กลุ่มการเมืองใหญ่คือนปช.แสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับร่างรธนและคำถามพ่วงประชามติ

นายอลงกรณ์ กล่าวต่อว่า นอกจากประเด็นความเสี่ยงในการออกเสียงประชามติแล้วยังมีความเสี่ยงประเด็นการไม่ยอมรับร่างรธน.และคำถามหากการออกเสียงประชามติเห็นชอบก้ำกึ่งเหนือกว่าเสียงไม่เห็นชอบไม่เด็ดขาดจะเป็นชนวนความขัดแย้งก่อความไม่สงบตามมาจนกระทบต่อโรดแม็ปของแม่น้ำ5สายที่ต้องการเดินหน้าประเทศสู่การเลือกตั้งภายในปี2560

สุริยะใสแนะคสช.เลิกอำพราง

วันเดียวกัน นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีฯวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต กล่าวว่า ขณะนี้โพลหลายสำนักก็บอกว่าประชาชนสนับสนุนคำถามพ่วง และ สปท. สนช. รวมทั้ง คสช.ก็ดูมั่นใจมากว่าประชาชนจะสนับสนุน

ดังนั้นจึงน่าประกาศให้ชัดเจนหรือไปให้สุดทางกันเลยไหน ๆ คสช.ก็มาไกลขนาดนี้แล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอำพรางอะไร ประชาชนก็จะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น ไม่คลุมเครือ ไม่สับสน และรู้ด้วยตัวเองว่าโหวตแบบไหนแล้วจะได้อะไร ถ้า คสช.จะประเมินแค่ว่าอย่างไรเสียประชามติก็ผ่าน เพราะนักการเมืองก็ไม่ค้านจริงจัง และอยากเลือกตั้งนั้นวิธีคิดแบบนี้ไม่เป็นผลดีกับส่วนรวม และสังคมจะรู้สึกว่าเล่นการเมืองกันโดยเอารัฐธรรมนูญมาเป็นเกมการเมือง สุดท้ายก็ไม่เห็นการปฏิรูปก่อนเลือกตั้งจริงๆ จังๆ ถึงตอนนั้นแม้มีเลือกตั้งได้รัฐบาลใหม่ก็ใช่ว่าจะเป็นคำตอบ อาจทำให้ปัญหาเดิมๆ กลับมาอีก

“ช่วงเวลาก่อนจะมีการลงประชามติ คสช.จึงควรทำให้เกิดความชัดเจนมากกว่านี้ ประชามติพ่วงแต่ถำถาม แต่ไม่พ่วงคำตอบ จะเป็นประชามติที่พ่วงปัญหาเข้ามาไม่รู้จบ แล้วก็เกิดปัญหาใหม่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ”นายสุริยะใส ระบุ

สมช.จับตาหวั่นกระทบลงมติ

พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวว่าขณะนี้หน่วยข่าวทุกภาคส่วนได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ต่างๆ เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชน รวมถึงติดตามการแสดงความคิดเห็นในพื้นที่ต่างๆอย่างไกล้ชิด ว่าจะมีการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญที่อาจไม่ถูกต้องหรือไม่

ขณะนี้ยังไม่พบอะไรที่อาจเป็นปัญหา หากพบอะไรต้องสงสัยจะรีบดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในภายหลัง ส่วนการเคลื่อนไหวของฝ่ายการเมือง ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การร่างรัฐธรรมนูญนั้น จากนี้ต้องดูว่าจะกระทบการทำประชามติที่จะมีขึ้นหรือไม่ หากกระทบต้องดำเนินการตามกฎหมายเพราะเราต้องการให้การทำประชามติเป็นไปด้ววความราบรื่น

ป่วนประชามติต้องดำเนินคดี

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผย ว่าคำถามพ่วงในการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญนั้น ต้องถามคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่ถามแค่กลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง

ขณะเดียวกันการรณรงค์คัดค้านหรือสร้างความวุ่นวายในช่วงการทำประชามตินั้น ก็มีกฎหมายกำกับดูแลอยู่แล้ว ย้ำว่าทุกคนต้องเดินตามกฎหมาย ไม่ว่าจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย จะเป็นฝ่ายใดก็แล้วแต่ หากออกนอกกฎหมายก็ต้องดำเนินการ ทั้งนี้กฎหมายมีบทลงโทษที่รุนแรงอยู่แล้ว

กรธ.ย้ำสนช.แจงคำถามพ่วงเอง

นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวถึงความคืบหน้าการทำงานของ กรธ.ว่าขณะนี้กรธ.ได้ทำสรุปสาระสำคัญเสร็จแล้ว เหลือเพียงแค่ตรวจสอบความสมบูรณ์อีกครั้งในวันที่ 11 เม.ย.นี้ และจะส่งให้ กกต.) ในวันที่ 12 เม.ย.

ส่วนการชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญนั้นทาง กรธ.จะหารือถึงรูปแบบหลังเทศกาลสงกรานต์ว่าจะใช้วิธี หรือประสานขอความร่วมมือจากหน่วยงานใดบ้าง โดยคาดว่าจะลงพื้นที่ชี้แจงร่างรัฐธรรมนูญต่อประชาชนในช่วงต้นเดือน พ.ค. ซึ่งก่อนหน้านี้ กรธ.ได้ประสานกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุขไปแล้ว เพื่อขอความร่วมมือช่วยชี้แจงและอธิบายร่างรัฐธรรมนูญกับประชาชนผ่านกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน(อสม.) แต่ขณะนี้เราต้องรอดูร่างพ.ร.บ.การออกเสียงประชามติก่อนว่ารายละเอียดเป็นอย่างไรบ้าง จะยังใช้เครือข่ายได้หรือไม่ และมีข้อห้ามอะไรบ้าง

โฆษก กรธ. กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องคำถามพ่วงประชามตินั้น เป็นส่วนของ สนช.ที่ต้องชี้แจง ซึ่งทาง กรธ.คงจะไม่สามารถไปชี้แจงกับประชาชนได้ เพราะผู้ที่รู้เหตุผลในการเสนอดีที่สุดคือ สนช.ดังนั้นหน้าที่การชี้แจงคำถามพ่วงต้องเป็น สนช. ทาง กรธ.จะชี้แจงสาระสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญเท่านั้น

กกต.ถก3ปม’วิษณุ’11เม.ย.นี้

นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า ในวันที่ 11 เม.ย.นี้ ทาง กกต. จะมีการประชุมหารือร่วมกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เกี่ยวกับการดำเนินการจัดให้มีการออกเสียงประชามติ เบื้องต้นมีประเด็นที่จะนำไปหารือด้วยกัน 3 ประเด็น ประกอบด้วย 1.การหาข้อยุติเกี่ยวกับงบประมาณที่ใช้ในการออกเสียงประชามติ 2. เมื่อพรบ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติมีผลบังคับใช้แล้ว ก็จะมีข้อกำหนดว่ากิจกรรมใดทำได้ หรือกิจกรรมใดทำไม่ได้ และ 3.บัตรออกเสียงประชามติ ซึ่งกกต.จะนำตัวอย่างของบัตรออกเสียงประชามติไปให้รัฐบาลได้พิจารณาดู นอกจากนี้ กกต.จะได้ให้ความเห็นเชิงวิชาการเกี่ยวกับข้อกังวลของคำถามเพิ่มเติมการทำประชามติที่ตั้งขึ้นโดย สนช.ว่าเป็นคำถามที่ทำให้ประชาชนเข้าใจได้ยากหรือไม่ ทั้งนี้หากรัฐบาลเห็นว่าเป็นเรื่องที่เกินขอบเขตอำนาจและไม่สามารถแก้ไขได้แล้ว กกต.ก็จะดำเนินการจัดพิมพ์ไปตามเนื้อหาที่ทาง สนช.ได้ส่งมาให้ต่อไป

‘สนช.’รอหารือหลังสงกรานต์

นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.คนที่ 2 กล่าวถึงการชี้แจงคำถามพ่วงประชามติที่สนช.เสนอว่า ขณะนี้ สนช.ยังไม่มีมติอย่างเป็นทางการว่า จะออกไปชี้แจงหรือไม่อย่างไร คงต้องรอประชุมวิปฯ สนช.อย่างเป็นทางการอีกครั้งหลังสงกรานต์ก่อน ว่า จะมีแนวทางหรือรูปแบบใด

เมื่อถามว่า จะเชิญสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) มาร่วมชี้แจงคำถามพ่วงด้วยหรือไม่ นายพีระศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ประสานกัน แต่ในวันที่ 20 เม.ย. จะมีการประชุมร่วมวิปฯ 3 ฝ่าย ระหว่าง สนช. สปท. และรัฐบาล ซึ่งที่ประชุมน่าจะหยิบยกประเด็นนี้มาหารือด้วยว่า การออกไปชี้แจงจะให้เป็นความร่วมมือของหน่วยงานใดบ้าง

บิ๊กสงค์ชี้คำถามพ่วงไร้ประโยชน์

น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญปี 2550 กล่าวถึง ร่างรัฐธรรมนูญ ปัจจุบัน ว่า มีหลายมาตราที่ขัดแย้งกับการปกครองในระบอบประชาธิปไตย มีการแฝงอำนาจอื่นที่ไม่ได้จากประชาชน เช่นการได้มาของ ส.ว. ที่สุดท้ายต้องให้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นผู้เลือก ทำให้มองได้ว่า เป็นอำนาจนิติบัญญัติที่มาจากคณะรัฐประหาร โดยมีอำนาจพิเศษนอกจากการตรวจสอบกฎหมายเหมือนรัฐธรรมนูญก่อนหน้านี้ จึงอาจทำให้คนมองในทางลบ นอกจากนี้ยังเปิดช่องให้มีนายกฯคนนอกได้ เป็นอีกจุดหนึงที่ขัดหลักการประชาธิปไตย และในบทเฉพาะกาลที่ให้ ส.ว.อยู่ 5 ปี คาบเกี่ยวรัฐบาลถึงสองชุด มีกลไกคอยควบคุมการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามอำนาจอธิปไตยของประชาชนอย่างแท้จริง การเมืองต่อจากนี้จะมีปัญหา วันนี้ได้เห็นฝ่ายการเมืองออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยแล้ว มีเพียงนักการเมืองบางส่วนที่แสดงความเห็นด้วย เพราะอยากเลือกตั้ง มองว่าคนกลุ่มนี้ไม่ค่อยคำนึงถึงอุดมการณ์ทางการเมืองแต่อยากเข้ามาเพื่อเอาตำแหน่งแห่งหน

เมื่อถามถึงคำถามพ่วงของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) น.ต.ประสงค์ กล่าวว่า กรธ. ไม่เปิดโอกาสให้ภาคส่วนต่างๆรวมถึงประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วม