‘8มือป่วน’วืดประกันตัว
ส่งเรือนจำ!
ศาลไฟเขียวฝากขัง12วัน
ผู้ต้องหาขอกลับคำรับสารภาพ
บิ๊กตู่ฮึ่มใครคิดลองดีโดนหมด
กกต.แจง8ข้อห้าม‘ประชามติ’
ความคืบหน้ากรณีเจ้าหน้าที่ควบคุมตัว 8 ผู้ต้องหา ประกอบด้วย 1.น.ส.ณัฏฐิกา วรธัยวิชญ์ 2.นายนพเก้า คงสุวรรณ 3.นายวรวิทย์ ศักดิ์สมุทรนันท์ 4.นายโยธิน มั่งคั่งสง่า 5.นายธนวรรธน์ บุรณศิริ 6.นายศุภชัย สายบุตร 7.นายหฤษฏ์ มหาทน และ 8.นายกัณสิทธิ์ ตั้งบุญธินา ตามหมายจับศาลทหาร ข้อหากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ.2550 และประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 ฐานยุยง ปลุกปั่น ก่อให้เกิดความกระด้างกระเดื่องและวุ่นวายในสังคม ส่งให้พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ดำเนินคดีเมื่อวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมี นายชัยธัช รัตนจันทร ซึ่งถูกหมายจับพร้อมกับผู้ต้องหาทั้ง 8 คน แต่ขณะนี้อยู่ที่ต่างประเทศนั้น
ศาลอาญาไม่ปล่อย4มือโพสต์
โดยเมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 29 เมษายน ที่ห้องพิจารณา 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลได้นัดฟังคำสั่งกรณี น.ส.ภาวิณี ชุมศรี ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ยื่นคำร้องขอให้ศาลอาญามีคำสั่งปล่อยตัว น.ส.ณัฏฐิกา นายนพเก้า นายศุภชัย และ นายหฤษฎ์ ซึ่งเป็น 4 ใน 8 ผู้ต้องหา โดยอ้างว่าถูกเจ้าหน้าที่ทหารควบคุมตัวโดยมิชอบ โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การจับกุมตัวบุคคลทั้ง 4 กระทำภายใต้ประกาศคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 3/2558 และจากการไต่สวนทราบว่า ผู้ถูกจับกุมมีความผิดต่อความมั่นคงของรัฐภายในราชอาณาจักร เมื่อนับวันยื่นคำร้องการควบคุมตัวยังไม่เกิน 7 วัน ตามคำสั่ง คสช. แสดงว่าการจับกุมและควบคุมตัวกระทำตามกฎหมายโดยเปิดเผยและสุจริต จึงไม่ถือว่าการควบคุมตัวบุคคลทั้ง 4 เป็นการควบคุมตัวที่มิชอบด้วยกฎหมาย ให้ยกคำร้อง
หิ้ว8ผู้ต้องหาฝากขังศาลทหาร
ขณะที่ก่อนหน้านี้เมื่อเวลา 09.15 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.ป. ได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 8 คน เดินทางไปยังศาลทหารกรุงเทพ เพื่อขออำนาจศาลฝากขังผัดแรกเป็นเวลา 12 วัน ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน-10 พฤษภาคม เนื่องจากจำเป็นต้องสอบพยานเพิ่มอีกประมาณ 15 ราย รวมทั้งรอผลการตรวจสอบเว็บไซต์จากกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) และหลักฐานทางคดี ตลอดจนลายนิ้วมือของผู้ต้องหา
ขอกลับคำให้การ-อ้างแค่ล้อบิ๊กตู่
อย่างไรก็ตามผู้ต้องหาทั้งหมด ได้ขอคัดค้านการฝากขัง พร้อมกับให้เหตุผลว่า ที่ผ่านมาทั้ง 8 คน ไม่มีพฤติกรรมหลบหนี และมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งอย่างชัดเจน พร้อมทั้งทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ต้องหาทั้งหมดเสร็จสิ้นหมดแล้ว และระหว่างการสอบพยานเพิ่มเติมก็ไม่จำเป็นต้องให้ผู้ต้องหาทั้ง 8 คนมาร่วมรับฟัง นอกจากนี้ นายกัณสิทธิ์ ได้แถลงขอกลับให้คำการรับสารภาพในชั้นพนักงานสอบสวน แต่ศาลชี้แจงว่า ให้ทนายความไปแจ้งต่อพนักงานสอบสวน เพราะชั้นนี้เป็นขั้นตอนยื่นคำร้องขอฝากขังเท่านั้น
ขณะที่ นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของผู้ต้องหาทั้ง 8 ชี้แจงว่า แฟนเพจเฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า “เรารัก พล.อ.ประยุทธ์” ถูกทำขึ้นมาเพื่อล้อเลียนเท่านั้น ไม่ได้มีเจตนายุยงปลุกปั่น จึงไม่จำเป็นต้องฝากขังจำเลย
ศาลไฟเขียวส่งฝากขังเรือนจำ
อย่างไรก็ตาม คณะตุลาการศาลทหารได้พิจรณาแล้ว จึงมีคำสั่งอนุญาตให้ฝากขังผัดที่ 1 ผู้ต้องหาทั้ง 8 ราย โดยให้นำตัวผู้ต้องหาชายไปคุมขังไว้ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพ ส่วนผู้ต้องหาเพศหญิงให้นำตัวไปที่ทัณฑสถานหญิงกลาง จากนั้นเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์จึงมารับตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปคุมขังทันที
วางเงินหัวละแสนขอประกัน
ด้าน นายวิญญัติ เปิดเผยว่า หากแจ้งข้อหาความผิดตาม พรบ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 คดีนี้จะไม่อยู่ในอำนาจศาลทหาร แต่เมื่อมีข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา116 อยู่ด้วย จึงทำให้คดีนี้ต้องอยู่ในอำนาจศาลทหาร ซึ่งส่วนตัวมองว่าเป็นการตั้งข้อหาที่ไม่สมเหตุผล ทั้งนี้ได้ยื่นคำร้องขอประกันตัวทั้ง 8 คนแล้ว คนละ 100,000 บาท ซึ่งต้องรอการพิจารณาของศาลต่อไป
ศาลชี้คดีร้ายแรง-ไม่ให้ประกัน
ต่อมาเวลา 16.00 น. ภายหลังคณะตุลาการศาลทหารได้พิจารณาคำร้องแล้ว จึงมีความเห็นว่า ผู้ต้องหาทั้ง 8 คน มีการกระทำในลักษณะเป็นขบวนการ พฤติการณ์แห่งคดีจึงร้ายแรง ประกอบกับผู้ร้องคัดค้านการขอปล่อยตัวชั่วคราว จึงไม่อนุญาตให้ผู้ต้องหา 1-8 ได้รับการประกันตัว ขณะที่ทนายความของกลุ่มผู้ต้องหาเปิดเผยว่า จะทำเรื่องขอประกันตัวอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 2 พฤษภาคม
“ตุ๊ดตู่”ร้อนก้นโวยกลั่นแกล้ง
วันเดียวกัน นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึงกรณีมีชื่ออยู่ในผังเชื่อมโยงกับกลุ่ม 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม เนื่องจากเป็นผู้ว่าจ้าง น.ส.ณัฏฐิกา ให้ดูแลแฟนเพจเฟสบุ๊คของตัวเองว่า การสร้างผังดังกล่าวขึ้นมาเหมือนเป็นการกลั่นแกล้งตน เนื่องจากเป็นข้อมูลที่ปรากฏตามสื่อและไม่มีความเกี่ยวข้องกับเรื่องความมั่นคง จึงทำให้รู้สึกใกล้จะหมดความอดทนแล้ว
“น.ส.ณัฏฐิกา และ นายนพเก้า เป็นลูกน้องของผม เป็นฟรีแลนซ์มาดูแลเพจให้ผมและเพจพีซทีวีด้วย โดยสถานีพีซทีวีเป็นคนว่าจ้างให้มาดูแล มีหลักฐานการจ้างเงินชัด ไม่มีอะไรซับซ้อน เป็นสิทธิ์ชอบธรรม แล้วมันผิดกฎหมายตรงไหน”
ขู่สู้ตายอย่าทำให้จนตรอก
นายจตุพร กล่าวต่อว่า ไม่รู้วันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าถูกขังด้วยข้อหาเฮงซวยแบบนี้ ก็ขอสั่งเสียว่า จงใช้ชีวิตและอิสระภาพของตนให้เกิดการเปลี่ยนแปลง อยากจะมาจับก็เชิญ ประเทศชาติจะเดินหน้าแบบนี้หรือ พล.อ.ประยุทธ์ จะคืนความสุขให้คนไทยแบบนี้หรือ นี่หรือยุติธรรม ถ้าอยากมีเรื่องมาเอากับตนได้ อย่าไปเล่นงานพวกเด็กๆ และการว่าจ้างทำเพจผิดด้วยหรือ อย่าไล่ให้จนตรอก ตนจะสู้นะจะบอกให้ อย่ามองว่า จับไปขังแล้วจะจบ
เจ้าหน้าที่แจงไม่มีตั้งข้อหาตุ๊ดตู่
ทั้งนี้มีรายงานข่าวจากชุดสืบสวนสอบสวนแจ้งว่า ผังแสดงหน้าที่ของกลุ่มขบวนการดังกล่าวนั้น จัดทำโดยเจ้าหน้าที่ทหาร โดยรวบรวมข้อมูลจากสายข่าวและข้อมูลที่เฝ้าระวังตามเพจเฟซบุ๊ค หรือสื่อโซเชียลต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ยืนยันแล้ว่า นายจตุพร และ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ว่าจ้าง น.ส.ณัฏฐิกา ดูแลเพจให้ แต่ความผิดของ น.ส.ณัฏฐิกา ก็ไม่เกี่ยวข้องกับกรณีของบุคคลทั้ง 2 จึงไม่มีการตั้งข้อหาใดๆ กับ นายจตุพร และ นายสมบัติ
จ่อขอหมายจับคดี112อีก2คน
นอกจากนี้ตามผังดังกล่าว ก็ยังไม่ถึงขั้นเป็นผังล้มสถาบันเบื้องสูงอย่างที่หลายคนตั้งข้อสังเกต ถึงแม้จะพบว่า น.ส.ณัฏฐิกา และ นายหฤษฏ์ จะถูกตั้งข้อหาหมิ่นสถาบันตามมาตรา112 เพิ่มก็ตาม ซึ่งข้อหาเพิ่มดังกล่าวขณะนี้อยู่ระหว่างขอศาลทหารออกหมายจับ
“บิ๊กตู่”ฮึ่มใครป่วนโดนหมด
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ออกมาให้ความเห็นกรณีการเคลื่อนไหวปลุกระดมให้ลงประชามติคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ และปลุกปั่นยุยงด้านความมั่นคงว่า เรื่องนี้มีกฎหมายอยู่แล้ว และที่ต้องมีกฎหมายออกมาก็เพราะเป็นห่วง อย่ามาบอกว่าการกระทำเช่นนี้เป็นเพียงการแสดงความคิดเห็น ถามว่าเป็นการแสดงความเห็นโดยสุจริตหรือไม่ และบิดเบือนหรือไม่ ถ้าเอารัฐธรรมนูญทั้งฉบับออกมาคลี่ดู จะเห็นว่าส่วนไหนที่ทำเพื่อส่วนรวม
“ถ้าเป็นห่วงบ้านเมืองก็หยุดการเคลื่อนไหว บอกเขาอย่างนี้ ผมบอกแล้วให้ชี้แจงในทางสร้างสรรค์ได้ ไม่ใช่มาล้มรัฐธรรมนูญ มันผิดกฎหมาย และคนพูดก็จะโดนด้วย”
ถามถ้าเป็นคนดีจะกลัวอะไร
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า มีกฎหมายหลายฉบับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เขาเขียนมาอย่างไร พ.ร.บ.ประชามติ เขียนมาอย่างไร คำว่าโดยสุจริตและไม่บิดเบือนจากข้อเท็จจริง ถ้าบิดเบือนก็ผิด ไม่บิดเบือนก็ไม่ผิด คำง่ายๆ ทำไมไม่เข้าใจ ไม่ต้องมาตีความกฎหมาย ที่ผ่านมาก็ทะเลาะกันเพราะตีความรัฐธรรมนูญ ตีกันอยู่นั่น อันนี้เดี๋ยวก็ตีกันอีก ตีความรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แล้วก็ตีความเข้าข้างตัวเอง
“ถ้าเป็นคนดีจะกลัวอะไร กลัวตำรวจจับหรือ คุณกลัวไหม ถ้าคุณไม่ได้ทำความผิดก็ไม่ต้องกลัว จะไปขยายเป็นปากเป็นเสียงให้คนที่ชอบทำความผิดทำไม แล้วคุณไม่รู้หรือว่าเขาทำอะไรมาบ้าง”
ไม่ชอบรธน.โหวตล้ม-อย่ายุยง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐธรรมนูญ ถ้าไม่เห็นด้วยก็ไปกาตอนลงประชามติ ไม่ใช่มาเดินเคลื่อนไหวล้มไม่ล้ม มันคนละเรื่อง กฎหมายเขาก็เขียนแล้วว่าให้แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต ไม่มีใครว่า แต่ถ้าจะไปชักจูงคนมาโหวตโน หรือใส่เสื้อรณรงค์อะไร ทำผิดกฎหมายก็ต้องโดนจับ ไม่ใช่ว่าจะปิดกั้น วันนี้คนที่ออกมาด่าอยู่ข้างไหน ข้างใคร ที่ผ่านมาพยายามจะไม่ดูฝ่ายแล้ว แต่ดูหน้าแต่ละคนก็หน้าเดิมๆ ซ้ำอยู่ที่เดิม 10 ปีมาแล้ว
เมินเชิญต่างชาติสังเกตการณ์
เมื่อถามถึงความพยายามเรียกร้องให้นานาประเทศเข้ามาสังเกตการณ์ทำประชามติ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ไม่สนใจ อยากจะมาก็มา แต่ไม่เป็นทางการ ไม่ได้ห้าม ไปเดินดูตามจุดที่ทำประชามติว่าสุจริตหรือไม่ คงห้ามเขาไม่ได้ ใครไปใครมาประเทศไทยห้ามไม่ได้อยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ถ้านานาประเทศเข้ามาสังเกตการณ์จริง มีข้อกังวลอะไรหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ไม่กังวล เพราะมีเจตนาบริสุทธิ์ในการทำประชามติ และทำเพื่อประเทศ
จวกพท.ดูพฤติกรรมตัวเองบ้าง
ส่วนกรณีพรรคเพื่อไทยตั้งข้อสังเกตว่าการทำประชามติอาจมีการขโมยหย่อนบัตร จึงอยากให้สามารถสังเกตการณ์ข้างคูหาได้ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า ตามกฎหมายสามารถสังเกตการณ์นอกคูหาได้ ก็เป็นอย่างนี้มาตลอด ทำไมจะต้องวุ่นวาย แล้วที่กลัวว่าจะมีการขโมยหย่อนบัตรนั้น ใครจะขโมย ลองย้อนกลับไปดูพฤติกรรมตัวเองบ้าง ที่ผ่านมาไปถามชาวบ้านดู แม้แต่ทหารตนยังไม่ให้เข้าไป ให้แต่เจ้าหน้าที่เข้าไป ทหารต้องอยู่ข้างนอกดูแลความสงบเรียบร้อย
“ไอ้คนโกงไม่ใช่ผม ไปดูว่าอยู่ฝ่ายไหน มันจะโกงกันทั้ง 2 ฝ่ายให้มันรู้ไป ฝ่ายสนับสนุน หรือฝ่ายไม่สนับสนุน ผมไม่รู้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ไม่มั่นใจกม.เอาอยู่-ชัวร์ในความดี
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี มั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ตอบว่า “ผมไม่มั่นใจด้วยกฎหมาย แต่ผมมั่นใจในความดี และเจตนารมณ์ของพวกผม ที่ทำงานในวันนี้ ฉะนั้นผมก็จะมีประชาชนส่วนหนึ่งที่เขาอยากให้ประเทศชาติเดินหน้า หากใครไม่เห็นชอบ ก็ไปแสดงความคิดเห็นมาโดยบริสุทธิ์ ผมก็ฟังทั้งหมดแล้วค่อยไปแก้กันวันหน้า”
สับนักการเมืองตัวสร้างปัญหา
ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า แต่ดูเหมือนฝ่ายการเมืองจะดื้อยาในเรื่องกฎหมายจะทำอย่างไร นายกรัฐมนตรี ตอบว่า สื่อก็ไปเขียนบอกให้เขาเลิก บอกเขาว่าควรจะทำอย่างไรให้เขาสงบกันบ้างเพื่อบ้านเพื่อเมือง อะไรก็แล้วแต่ เยอะแยะไปหมดบ้านเรามีหลักหลายอย่างกลับเข้ามาสู่หลักการเหล่านี้ ไม่ใช่มาต่อต้าน ถ้าตนจะย้อนกลับไปถามว่าคนเหล่านี้สร้างปัญหาอะไรให้กับประเทศไทยบ้าง ต้องถามเขาจะมาพูดอะไรในวันนี้ ถ้าเขาไม่ทำในวันนั้นตนก็คงไม่มายืนในวันนี้ และที่เข้ามากำลังจะแก้ปัญหาที่เขาทำไว้ ซึ่งเขาก็จะต้องเข้ามาอีกในวันข้างหน้า สื่อต้องพูดกับเขาแบบนี้ ถ้าทำแบบเดิมก็ไม่ต้องเข้ามา ประชาชนก็คิดเอาเองจะเลือกหรือไม่
กกต.แจงเกณฑ์แสดงความเห็น
วันเดียวกันที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) นายธนิศร์ ศรีประเทศ รองเลขาธิการ กกต. แถลงว่า กกต.มีมติให้ออกร่างประกาศกกต.ว่าด้วยหลักเกณฑ์และวิธีการในการแสดงความคิดเห็นในการออกเสียงประชามติ จะมีผลเมื่อประกาศดังกล่าวลงราชกิจจานุษาแล้ว คาดว่าจะมีผลไม่เกินสัปดาห์หน้า โดยมีข้อกำหนด สิ่งที่ประชาชนทำได้ 6 ข้อ คือ 1.ศึกษาค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญและประเด็นเพิ่มเติมให้เข้าใจอย่างครบถ้วนจากเว็บไซต์ หรือสิ่งพิมพ์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการแสดงความคิดเห็นของตน 2.แสดงความเห็นโดยใช้ถ้อยคำที่สุภาพ 3.แสดงความเห็นด้วยข้อมูลที่มีความชัดเจนไม่กำกวมอันอาจทำให้บุคคลอื่นเห็นว่าเป็นการบิดเบือนไปจากข้อเท็จจริง
4.การนำเสนอหรืออ้างอิงงานวิจัยตามหลักวิชาการ เพื่อประกอบการแสดงความคิดเห็นให้ผู้มีสิทธิ์ออกเสียงบุคคลนั้น ควรตรวจสอบความถูกต้องและแสดงที่มาของงานวิจัยนั้นด้วย 5.การสัมภาษณ์ผ่านสื่อเพื่อแสดงความคิดเห็นพร้อมเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่งของตน 6.การนำเข้าข้อมูลเกี่ยวกับความคิดเห็นพร้อมแสดงเหตุผลอย่างใดอย่างหนึ่งของตนในเว็บไซต์ และสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือการส่งต่อข้อมูลดังกล่าว โดยไม่มีการแสดงความเห็นเพิ่มเติม
ย้ำ8ข้อห้ามทำอย่างเด็ดขาด
ส่วนที่ทำไม่ได้ 8 ข้อ คือ 1.การสัมภาษณ์ผ่านสื่อด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ 2.การนำเข้าข้อมูล อันเป็นเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าว รุนแรง หยาบคาย ปลุกระดมหรือข่มขู่ในเว็บไซต์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือส่งต่อข้อมูลในลักษณะดังกล่าว 3.การทำหรือส่งสัญลักษณ์หรือเครื่องหมายอันมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคาย ปลุกระดม หรือข่มขู่ 4.การจัดเวทีสัมมนา อภิปราย โดยกลุ่มองค์กรต่างๆ ที่ไม่มีหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา องค์กรสื่อมวลชน ตามกฏหมายเข้าร่วมและมีเจตนาเพื่อปลุกระดมทางการเมือง
ห้ามใส่เสื้อ-ติดป้าย-เข็ม-ธง
5.การชักชวนให้ใส่เสื้อ หรือติดป้าย เข็มกลัด ธง ริบบิ้น หรือเครื่องหมายที่แสดงสัญลักษณ์ความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือการขายการแจกจ่ายสิ่งของดังกล่าวในลักษณะรณรงค์ทั่วไปเพื่อนำไปสู่การปลุกระดมทางการเมือง 6.การใช้เอกสารใบปลิวหรือแผ่นพับ ที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือมีลักษณะก้าวร้าวรุนแรงหยาบคายหรือปลุกระดมทางการเมือง 7.การรายงานข่าวหรือการจัดรายการของสื่อมวลชนที่นำไปสู่การปลุกระดมหรือสร้างความวุ่นวายในสังคม และ 8.การรณรงค์เพื่อให้เกิดการคล้อยตามของคนในสังคม เพื่อให้ออกเสียงอย่างไรอย่างหนึ่ง มีลักษณะการปลุกระดมหรือขัดขวางการออกเสียง
พบใครทำผิดแจ้งจับได้เลย
สำหรับสื่อมวลชน สามารถรายงานหรือเสนอข่าวด้วยจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ด้วยความรับผิดชอบ เป็นกลาง คำนึงถึงความเท่าเทียมและไม่ขัดต่อกฎหมาย ทั้งนี้กกต.อาจจะออกประกาศเพิ่มเติม ถ้ามีกรณีใดเกิดขึ้นหลังจากนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจน กรณีการกระทำในเรื่องอื่น ที่กกต.อาจเขียนบอกว่าสามารถทำได้
ทั้งนี้หากประชาชนพบเห็นการกระทำผิด สามารถร้องพนักงานสอบสวนได้เลย ไม่ต้องร้องผ่านกกต. เพราะกฎหมายไม่ได้เขียนให้อำนาจกกต.เป็นผู้เสียหายที่จะวินิจฉัยความผิดเบื้องต้นได้ เหมือนการออกเสียงประชามติเรื่องปี 2550 ถ้าเป็นกรณีกกต.แต่ละคนพบเห็นก็สามารถแจ้งความได้เป็นรายบุคคล และพนักงานสอบสวนจะเรียกบุคคลนั้นไปให้ปากคำ
“เทือก”ยันถ้าผิดพร้อมมอบตัว
ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประธานมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเคยให้สัมภาษณ์สนับสนุนร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมาว่า เป็นการแสดงคามคิดเห็นโดยสุจริตตามกฎหมาย หาก กกต. เห็นว่าการแสดงความเห็นครั้งนั้น เข้าข่ายผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการทำประชามติ 2559 แล้ว ก็พร้อมมอบตัวเพื่อให้ตำรวจดำเนินคดี ยืนว่าที่ผ่านมาแต่ข้อเท็จจริงไม่บิดเบือน และไม่ได้ยุยงให้เกิดความวุ่นวาย
ปราบแก๊งป่วนเรื่องของรัฐบาล
ส่วนกรณีที่มีความเคลื่อนไหวเพื่อล้มรัฐบาลและคสช.นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ต้องจัดการ จะให้ตนชี้แจงแทนรัฐบาลไม่ได้ ส่วนตัวเชื่อว่าปัจจุบันนี้ประชาชนมีความตื่นตัวเป็นอย่างมาก และตระหนักในภาระหน้าที่เพื่อให้ประเทศเดินหน้าไปได้ ซึ่ง พล.อ.ประบุทธ์ ก็ได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นอย่างสูง และประชาชนก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพื่อทำให้บ้านเมืองมีความสงบเรียบร้อย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี