2 พ.ค.59 ที่โรงแรมแอมบาสเดอร์ซิตี้ จอมเทียน จ.ชลบุรี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการชี้แจงแนวทางการดำเนินงานขับเคลื่อน โครงการโรงเรียนประชารัฐ โดยมี พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) และนายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานผู้บริหารบริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะหัวหน้าภาคเอกชน คุณหญิงสุชาดา กีระนันทน์ นายกสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในฐานะหัวหน้าภาคประชาสังคม และนายการุณ สกุลประดิษฐ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) พร้อมด้วยผู้อำนวยการและรองผู้อำนวยการเขตพื้นที่การศึกษาทั้ง 225 เขตทั่วประเทศ และผู้บริหารโรงเรียน ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกให้เข้าร่วมโครงการ โรงเรียนประชารัฐ (ระยะแรก) จำนวน 3,342 แห่ง เข้าร่วมฟังการชี้แจงแนวทางการดำเนินโครงการโรงเรียนประชารัฐ ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-4 พ.ค.นี้
โดย พล.อ.ดาว์พงษ์ กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดประชุมเชิงปฏิบัติการฯ ตอนหนึ่ง ว่า โครงการโรงเรียนประชารัฐ มีระยะดำเนินการ 3 ปี ตั้งแต่เดือน ม.ค.59 -ธ.ค.61 ดังนั้น การที่ภาคเอกชนซึ่งมีความเข็มแข็งมากที่พร้อมจะเข้ามาช่วยพัฒนาระบบการศึกษาของประเทศไทย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะการสนับสนุนด้านงบประมาณ แม้ประเทศสมาชิกในอาเซียนจะมองว่าประเทศไทยมีความแข็งแก่งด้านการศึกษา แต่คนไทยด้วยกันยังมองการศึกษาเหลวแหลก แต่ตนมองว่าเราไม่ถึงกับเลวร้าย แต่ก็ไม่ถึงขั้นดีเท่าที่ควร ดังนั้นจึงต้องมีโครงการประชารัฐเกิดขึ้น เพื่อช่วยพัฒนาการศึกษา พัฒนาผู้นำให้เป็นไปตามที่เราวางไว้ คือการร่วมสร้างทรัพยากรมนุษย์ในศตงรรษที่ 21 โดยทักษะการเรียนรู้ของเด็กในศตวรรษที่ 21 จะต้องมี 3R 8C คือ ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดที่เด็กไทยต้องเป็นไปตามแผนพัฒนาประเทศระยะ 20 ปี เช่น ต้องอ่านออกเขียนได้ มีทักษะการคิดวิเคราะห์ มีทักษะด้านความคิดอย่างมีวิจารณญาณ ทักษะการสร้างสรรค์และนวัตกรรม การสื่อสาร และการมีทักษะอาชีพ เป็นต้น
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อว่า เมื่อเป็นโรงเรียนประชารัฐแล้วบริหารจะต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญจะต้องไม่ปัดความรับผิดชอบในการพัฒนาโรงเรียนให้กับโครงการประชารัฐ รวมถึงจะต้องไม่ร้องขอการสนับสนุนจากภาคเอกชนตามความต้องการของตนเอง ซึ่งการสนับสนุนจะต้องเป็นไปตามแผนดำเนินการพัฒนาโรงเรียนประชารัฐ ตามที่รัฐบาลวางแนวทางไว้ ส่วนครู จะได้รับการพัฒนาอย่างมีประสิทธิภาพมีความรู้ในการจัดการศึกษา ด้านโรงเรียนจะได้รับการเติมเต็มความพร้อมและเมื่อสิ้นสุดโครงการโรงเรียนจะต้องยืนได้ด้วยตนเอง ขณะที่ผู้ปกครอง ชุมชน องค์กรต่างๆ จะได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนการจัดการศึกษา สำหรับภาคเอกชนนั้นจะได้คนไทยที่มีคุณภาพ มีทักษะ ซึ่งเกิดจากการพัฒนาร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ
รมว.ศธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้มีกลุ่มคนที่ไม่หวังดีสร้างกระแสบิดเบือนนโยบาย ศธ.ซึ่งบ้านเมืองกำลังอยู่ในภาวะของการปฏิรูปประเทศ แต่บางคนคิดว่าบ้านเมืองอยู่ในภาวะปกติซึ่งความจริงแล้วตอนนี้สงบเพราะมีกฎหมายพิเศษควบคุมอยู่ ดังนั้นจึงอยากให้ผู้บริหารและครู เป็นผู้นำสังคมช่วยรับรู้นโยบายนำกลับไปทำความเข้าใจให้กับชาวบ้านที่ยากจนที่มีความซื่อในชุมชนและโรงเรียนที่อยู่ห่างไกลในท้องถิ่นได้อย่างถูกต้องด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่ให้ถูกบิดเบือนสร้างความสับสนต่อนโยบายที่เรากำลังทำอยู่
"ผมและท่านนายกรัฐมนตรี ไม่ต้องการให้ครูมาเป็นฐานเสียงเพราะเราไม่ได้เล่นการเมือง แต่ต้องการให้เกิดความเข้าใจกับสิ่งที่ทำซึ่งจะเกิดประโยชน์กับลูกหลานของเราในอนาคต" รมว.ศธ. กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี