‘คสช.’ยัน2ปีงานเข้าเป้า
แม้ร่างรธน.ไม่ผ่านประชามติ
พท.สวนกลับสอบตกทุกด้าน
ยกฟ้อง6จำเลยถล่ม‘ขวัญชัย’
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม พ.อ.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ รองหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ส่วนงานรักษาความสงบ สำนักงานเลขาธิการคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช.แถลงถึงผลการดำเนินงานรอบ 2 ปี ของ คสช.โดย พ.อ.ปิยพงศ์กล่าวว่า คสช.เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคสช. รวมถึง พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ.ในฐานะเลขาธิการ คสช.ได้เน้นย้ำและสั่งการการทำงานเพื่อประชาชนเป็นหลัก คสช.ตกลงใจยืนอยู่ข้างพี่น้องประชาชนทุกโอกาสทุกเวลาและทุกสถานที่ เพื่อรับรู้รับทราบ และเป็นเนื้อเดียวกันของพี่น้องประชาชนต่อการแก้ไขปัญหา เพื่อนำพาประเทศ และคนไทยก้าวข้ามวิกฤตที่ผ่านมา
คสช.ย้ำยึดโรดแมป-ลต.ปี60
พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวอีกว่า ขอย้ำว่า คสช.ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงตามกรอบโรดแมป เพราะเวลาต่อไปต้องมีการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญวันที่ 7สิงหาคม จากนั้นอนาคตต้องจัดให้มีการเลือกตั้งในปี2560 ขอย้ำว่าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงและอยากให้เชื่อใจว่า สช.รักษาความมั่นสัญญาที่จะดูแลประชาชน พร้อมทั้งสร้างเกียรติภูมิชาติไทยในประชาคมโลก ให้มีเกียรติ มีศักดิ์ศรีและมีฐานะเท่าเทียบทุกประเทศ
ผู้สื่อข่าวถามว่า คสช.มีหลักประกันว่าจะเลือกตั้งปี 2560 หรือไม่ พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า’ขอยืนยันว่าคสช.รักษาคำสัญญาว่า จะมีการเลือกตั้งปี2560 ตามโรดแมป เมื่อมีการลงประชามติ ถ้ารัฐธรรมนูญผ่านจะมีการจัดทำกฎหมายลูก จากนั้นจะมีการหาเสียงและมีการเลือกตั้ง ทว่าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติเราก็มีกระบวนการดำเนินการอยู่แล้ว ทุกอย่างเป็นไปตามกำหนดว่า มีเลือกตั้ง2560 ไม่มีอะไรผิดไปจากนี้’
ไม่มีบิดพลิ้ว-สืบทอดอำนาจ
เมื่อถามต่อว่า หากไม่มีการเลือกตั้งปี 2560 คสช.จะดำเนินการอย่างไร ทีมโฆษกคสช. กล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ และขอย้ำว่าเราไม่สืบทอดอำนาจอีก 5-10 ปี เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกฎกติกาที่เราสัญญาไว้กับพี่น้องประชาชน พร้อมทั้งขอให้เชื่อมั่นขอให้วางใจ และติดตามการทำงานของคสช. และรัฐบาล ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า หากมีอะไรเกิดขึ้นใครจะรับผิดชอบ พ.อ.ปิยพงศ์ กล่าวว่า คสช.เข้ามาบริหารราชการแผ่นดินให้ประชาชนได้ 2ปี ซึ่งผลงานต่างๆ และความตั้งใจของหัวหน้าคสช. คณะรัฐบาล ตลอดจนทีมงานที่เกี่ยวข้องแม่น้ำห้าสาย ไม่มีอะไรที่บิดพลิ้วผิดไปจากสัญญาที่ให้ไว้เลย
ล้มลงมติแค่ความเห็นบางคน
ด้าน พ.อ.วินธัย กล่าวถึงกรณีที่วิพากษ์วิจารณ์ว่าคสช.จะล้มการทำประชามติเอง ว่า กรณีดังกล่าวเป็นความคิดเห็นส่วนบุคคลที่ใช้อารมณ์ความรู้สึก ซึ่งตนอยากให้ประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลข่าวสารและอยากให้ดูสิ่งที่ภาครัฐกำหนดไว้ตามกรอบเวลา ทั้งนี้ในส่วนของทีมโฆษกยังไม่รับข้อมูลเรื่องดังกล่าว แต่ขอย้ำว่าการแสดงความคิดเห็น และวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ ยังสามารถกระทำได้ตามกรอบที่เหมาะสม แต่ควรหลีกเลี่ยงการทำให้เกิดความแตกแยก และก่อให้เกิดความเกลียดชังในสังคม
‘สุวพันธุ์’ชม2ปีงานคืบหน้าอื้อ
ขณะที่ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงผลการประชุมคณะกรรมการประสานงานรวม 3 ฝ่าย คือ รัฐบาล สภานิติบัญญัติ(สนช.)และสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ(สปท.)ว่า ได้หารือภาพรวมการปฏิรูปประเทศนับตั้งแต่ คสช.เข้าควบคุมอำนาจจนถึงขณะนี้ครบ 2ปี ซึ่งถือมีความก้าวหน้าไปมาก ทั้งปฏิรูปด้านต่างๆ ลดความเหลื่อมล้ำ ดำเนินงานทุกอย่างตามวาระเร่งด่วนสำคัญของประเทศ ไม่ใช่วาระเร่งด่วนของพรรคการเมือง หรือนักการเมือง พยายามยุติการหาผลประโยชน์จากโครงการของรัฐ สร้างความเป็นธรรมการเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมฯลฯ
เข้มทุจริต-ปฎิรูปตร.-พัฒนากม.
นายสุวพันธุ์ กล่าวด้วยว่า โดยเฉพาะการต่อต้านการทุจริตประพฤติมิชอบ ซึ่งมีร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้อง 2ฉบับกำลังอยู่ในการพิจารณาของ สนช.เมื่อมีผลบังคับใช้การโกงการทุจริตที่เคยทำและลอยนวลกัน จะทำไม่ได้ง่ายอีกต่อไป เพราะนายกฯสั่งการใน ครม.ว่า การทำงานของรัฐบาลทั้งมิติการบูรณาการบริหารราชการและการปฏิรูปในระยะพฤษภาคม2559-กรกฎาคม2560 ต้องมีแผนที่นำทางชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการต่อต้านการทุจริต การปฏิรูปตำรวจ การช่วยเหลือเกษตรกร การศึกษา การปรับปรุงกฎหมายที่ยังไม่แล้วเสร็จ ต้องจัดลำดับมาให้ชัดเจน แม้บางเรื่องอาจไม่เสร็จสิ้นสมบูรณ์ภายในกรกฎาคม2560 แต่รากฐานต้องถูกวางไว้ เพราะสังคมคาดหวังไว้สูงมาก
แฉรบ.บางยุคละเมิดสิทธิเพียบ
“เป็นเรื่องที่น่าเสียใจสำหรับคนไทยที่มีคนพูดว่าความสงบสุขทุกวันนี้เป็นของเทียม เป็นของชั่วคราว ฟังดูราวกับว่ามีคนตั้งใจอยากทำให้ประเทศไทยไม่สงบสุขขึ้นมาอีก ผมสัมผัสกับคนในพื้นที่หลายกลุ่มหลายระดับ ได้รับรู้ถึงสิ่งที่เขาต้องการ เขาอยากมีชีวิตที่สงบสุขในสังคม ทำมาหากินได้ ลูกหลานได้เรียนหนังสือ ตั้งแต่คสช.เข้ามาไม่มีการอุ้มฆ่าอุ้มหายแม้แต่รายเดียว มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ถูกคือถูก ผิดคือผิด ในอดีตพูดกันว่า ไม่มีการละเมิดสิทธิมนุษยชนครั้งใดจะรุนแรงเท่าการปราบปรามยาเสพติด ที่มีคนตายไปกว่า 2พันคน หรือที่ชอบพูดถึงเรื่องโจรภาคใต้อยู่ 50คนเท่านั้น ซึ่งการละเมิดสิทธิมนุษยชนในครั้งนั้น นำมาซึ่งปัญหาภาคใต้จนถึงทุกวันนี้” นายสุวพันธุ์ กล่าว
พท.แถลงการณ์สอบตกทุกด้าน
ด้านพรรคเพื่อไทย(พท.)ออกแถลงการณ์ว่า ตามที่ คสช.ได้ยึดอำนาจไปจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนั้น โอกาสครบรอบ 2ปี ของการบริหารประเทศ พท.ขอประเมินสถานการณ์ด้านต่างๆ ดังนี้ 1.ประชาธิปไตยล้มเหลว รัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจและการทำประชามติที่มัดมือประชาชน ทั้งที่รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุด ประชาชนไม่มีทางเลือกและไม่ทราบล่วงหน้าได้เลยว่า หากประชามติไม่ผ่านแล้วสิ่งที่ตามมาจะเป็นอย่างไร 2.การละเมิดสิทธิมนุษยชนที่ทวีความรุนแรง มีการใช้มาตรการอื่นๆไปละเมิดและจำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชน สื่อมวลชนและนักการเมืองอย่างกว้างขวางและหลายรูปแบบ
3.สังคมขาดความปรองดอง มีความแตกแยกอย่างรุนแรง การปฏิรูปเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น 4.นโยบายเศรษฐกิจผิดพลาด เศรษฐกิจฝืดเคืองในทุกมิติ ประชาชนยากจนแร้นแค้น เศรษฐกิจภาพรวมประสบความล้มเหลว เพราะขาดวิสัยทัศน์ ความรู้ ความสามารถ การขาดความเข้าใจระบบเศรษฐกิจ เศรษฐกิจชะลอตัว เติบโตต่ำสุดในภูมิภาค การลงทุนชะลอตัว การบริโภคตกต่ำ งบประมาณใช้กระตุ้นเศรษฐกิจไม่สามารถทำได้จริง
จี้แก้ยากจน-เลิกเป็นคู่ขัดแย้ง
พรรคเพื่อไทยเห็นว่า สภาพการณ์ด้านต่างๆ ของประเทศกำลังเสื่อมถอย จนอาจเข้าขั้นวิกฤตได้ เหตุผลหลักของความล้มเหลว คือ ความไม่เป็นประชาธิปไตย ซึ่งสากลไม่ยอมรับ การขาดศักยภาพในการแก้ไขปัญหา การขาดความจริงใจและการมุ่งแต่รักษาอำนาจความอคติและการความต้องการทำลายฝ่ายตรงข้าม การขาดวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศ เป็นต้น จึงขอเรียกร้องให้ผู้มีอำนาจได้ตระหนักถึงวิกฤตของประเทศครั้งนี้ โดยต้องเร่งแก้ปัญหาของพี่น้องประชาชน แทนการเป็นคู่ขัดแย้ง และต้องเร่งคืนประชาธิปไตยที่เป็นสากลให้แก่สังคมไทยโดยเร็ว
สนช.กำชับห้ามรณรงค์ชี้นำ
นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) กล่าวถึงการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ เมื่อวันที่ 26พฤษภาคม ว่า สนช.ได้ตั้งคณะกรรมดำเนินการเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ประเด็นคำถามเพิ่มเติมและอนุกรรมการจำนวน 10คณะ เพื่อลงพื้นที่ 10กลุ่มจังหวัด ยืนยันว่า การลงพื้นที่ของสนช.ไม่มีความหนักใจ เพราะเราทำหน้าที่ไปตามที่กฎหมายกำหนดและได้กำชับสมาชิกสนช.ทุกคนที่ลงพื้นที่ว่า ห้ามรณรงชี้นำว่า ต้องโหวตรับหรือไม่รับคำถามพ่วง เพื่อให้เป็นไปตามกฎหมายประชามติ มั่นใจว่า คงไม่มีความพยายามวิจารณ์คำถามพ่วงเพื่อเชื่อมโยงนำไปสู่การคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านมา สนช. ได้ชี้แจงไปแล้ว 3เวที ก็ยังไม่เกิดเหตุลักษณะดังกล่าว แต่หากเกิดขึ้นก็เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่จะต้องดูแลตามกฎหมายประชามติ
ศาลยกฟ้อง6ผู้ต้องหายิง’ขวัญชัย’
ส่วนความคืบหน้ากรณีคนร้ายใช้ปืนอาก้ายิงถล่ม นายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา อดีตประธานชมรมคนรักอุดร ได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังหลบหนีฟังคำพิพากษาศาลฎีกา เหตุเกิดวันที่ 22 มกราคม 2559 ที่บริเวณบ้านพักเลขที่114 บ้านหนองลีหู ต.สามพร้าว อ.เมือง จ.อุดรธานี หลังเกิดเหตุตำรวจจับกุมผู้ต้องหาได้ 6คน ประกอบด้วย 1.ร.ต.ปรัชญา จันทร์รอดภัย สังกัด ม.พัน.19 ค่ายสุรสีห์ พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี, 2.จ.ส.อ.มาวิน ยางบัว สังกัด ม.พัน.19 ค่ายสุรสีห์3.จ.ส.ท.วิโรจน์ พิมพ์สิงห์ สังกัด ม.พัน.19 พล.ร.9, 4.ส.อ.ชานนท์ ทับทิมทอง สังกัดกองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่9 พล.ร.9, 5.จ.ส.อ.จุฑาทร เนียมทอง สังกัด พล.ร.9และ6.นายมะดือนัง มะแซ หรือ มะ อส.นราธิวาส (ยศและตำแหน่งขณะจับกุม) และทางเอัยการ จ.อุดรธานี ได้สั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหาร่วมกันพยายามฆ่านั้น
เมื่อวันที่ 26พฤษภาคม ศาลจังหวัดอุดรธานี นัดอ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าว โดยทาง 6 ผู้ต้องหา ได้เดินทางมาด้วยรถตู้ป้ายกงจักรสีขาว พร้อมทนายความและนายทหารรัฐธรรมนูญ เพื่อรับฟังคำพิพากษา โดยมีตัวแทนสมาชิกชมรมคนรักอุดร 2คน มาร่วมฟังคำพิพากษา พร้อมทนายความของชมรมคนรักอุดร ที่มารับฟังคำพิพากษาแทน นายขวัญชัย ที่อยู่ในระหว่างหลบหนีฟังคำพิพากษาศาลฎีกา กรณีนำกำลังเข้าทำร้ายกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย(พธม.)อุดรธานี ที่หนองประจักษ์ เมืองอุดรธานี
ไม่ชัดเจนเรื่องรถที่ใช้ยิงถล่ม
โดยผู้พิพากษาได้ใช้เวลาอ่านคำพิพากษาไม่นาน ต่อมา ตัวแทนชมรมคนรักอุดร เดินลงจากศาลจังหวัดอุดรธานี พร้อมกล่าวว่า ศาลยกฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 6คน ซึ่งรายละเอียดภาษากฎหมายก็ไม่ทราบแน่ชัด ฟังเพียงคร่าวๆ ได้ความว่า เรื่องเกี่ยวรถยนต์ของกลางที่ไม่ยืนยันได้ว่า เป็นรถคันเดียวกันคันที่ใช้ก่อเหตุ ทำให้ไม่มีน้ำหนักเพียงพอ ศาลจึงยกฟ้อง ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ฟังได้ความบ้าง ไม่ได้ความบ้าง
อัยการเตรียมพิจารณาอุทธรณ์
ผู้สื่อข่าวสอบถามความเห็นกลุ่มผู้ถูกฟ้องคดีที่ศาลยกฟ้อง บอกเพียงสั้นๆว่า หลังศาลตัดสินไม่ได้คิดอะไร เพราะว่าไม่ได้ทำและก็ไม่ทราบรายละเอียดว่า เพราะอะไร เนื่องจากไม่ได้ตั้งใจฟัง จากนั้นได้ออกจากศาล โดยมีรถตู้ไปคอยรับที่ข้างศาล เพื่อหลบผู้สื่อข่าวที่คอยทำข่าวอยู่อีกด้านหนึ่ง ทั้งนี้ สำนักงานอัยการ อุดรธานี จะขอคัดคำพิพากษาในคดีเพื่อมาตรวจสอบอีกครั้งว่า คำสั่งยกฟ้องเนื่องจากสาเหตุใด จากนั้นจะพิจารณาสำนวนอีกครั้ง ก่อนเสนออัยการสูงสุดอุดรธานีพิจารณาว่า จะยื่นอุทธรณ์คดีหรือไม่
ศาลสั่ง’ศิริวัฒน์’นั่งเลขาธิการอย.
สำหรับกรณีที่ นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล อดีตเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคณะรัฐมนตรี(ครม.)ยุค นายสมัคร สุนทรเวชและนายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุขและ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ต่อศาลปกครอง เรื่องออกคำสั่งโยกย้ายมิชอบด้วยกฎหมาย ที่ให้ออกจากตำแหน่งเลขาธิการ อย.ไปเป็นผู้ตรวจราชการเมื่อต้นปี2551
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังต่อสู้คดียืดเยื้อมา 8ปี เมื่อวันที่ 25พฤษภาคมที่ผ่านมา ศาลปกครองสูงสุด กลับคำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้น ให้ นพ.ศิริวัฒน์ ชนะคดี โดย 1.ต้องเพิกถอนคำสั่งคือ มติ ครม.วันที่ 26 กุมภาพันธ์2551และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ลงวันที่ 2พฤษภาคม 2551 ที่ให้ย้าย นพ.ศิริวัฒน์และเพิกถอนคำสั่งของปลัดกระทรวงฯ ที่ให้ไปรักษาการในตำแหน่งผู้ตรวจราชการ สธ.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี