‘บิ๊กป้อม’ยันซื้อแน่3ลำ
เรือดำน้ำจีน
ผ่อน10ปี-3.6หมื่นล้าน
อ้างไม่แพง-ทันสมัยคุ้มค่า
ชี้ขนาดเมียนมายังมี10ลำ
ประเดิมลำแรกซื้องบปี’60
เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกมาให้สัมภาษณ์ยืนยันถึงแผนการจัดซื้อเรือดำน้ำจากประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 3 ลำ ของกองทัพเรือ (ทร.)มูลค่าลำละ1.2 หมื่นล้านบาทนั้น ถือว่าไม่มาก เนื่องจากสามารถผ่อนชำระ เป็นเวลาร่วม 10 ปี อีกทั้ง ยังสามารถใช้งานได้ยาวนาน ส่วนเรื่องเทคโนโลยีของจีนที่หลายฝ่ายยังมีข้อกังขาว่าสู้ชาติอื่นไม่ได้ ขอรับรองว่ามันดีแล้ว ใช้ได้แน่นอนและเป็นเทคโนโลยีใหม่
เมื่อถามอีกว่ากองทัพเรือเคยมีกองเรือดำน้ำแต่ถูกยุบเนื่องจากปัจจัยทางภูมิศาสตร์ชายฝั่งทะเลไทยมีความลึกไม่มากทำไมถึงยังมีแผนจัดซื้ออีกในยุคนี้ พล.อ.ประวิตร ระบุว่าทรัพยากรธรรมชาติฝั่งอันดามันของเรามีจำนวนมาก อีกทั้ง ประเทศเพื่อนบ้านเรา ก็ล้วนแต่มีเรือดำน้ำทั้งหมด อย่าง เมียนมา ยังมีตั้ง 10 ลำซึ่งไม่ได้ซื้อเรือเก่าเลย
เมื่อถามว่าถ้า รมว.กลาโหม มั่นใจ สังคมก็มั่นใจได้ ใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า”สื่อก็ต้องช่วยกัน กองทัพเรือ เป็นเจ้าของเรื่อง ก็ต้องไปดู ไม่ใช่เรื่องของรัฐบาล ซึ่งขณะนี้ยังไม่ถึงขั้นทำความตกลงร่วมกัน อยู่ในขั้นดำเนินการ แต่ชั้นนี้กองทัพเรือได้ไปพิจารณารายละเอียดไว้หมดแล้ว แต่ยังต้องใช้ระยะเวลาอีกนาน
“โดยกองทัพเรือกำหนดแล้วว่าจะซื้อ เบื้องต้นจะใช้ประมาณปี 2560 ในการจัดซื้อเรือดำน้ำลำแรกก่อน ต้องค่อยๆทำ ไม่ใช่ใช้งบประมาณแบบเศรษฐีเสียเมื่อไหร่ ต้องใช้แบบคนยากคนจนซึ่งเป็นแผนงานของกองทัพเรือตั้งแต่ปี2551-2552 ตอนนั้น ผมขอให้ระงับไว้ก่อน”พล.อ.ประวิตร ย้ำ
วันเดียวกันพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการจัดซื้อเครื่องตรวจวัตถุระเบิด จีที 200ว่า ตอนนี้มีการดำเนินการทั้งหมด14สำนวน จาก12หน่วยงานที่มีการจัดหาเครื่องจีที200 เข้ามาใช้ในราชการ ขณะนี้อยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและเอกสารที่เกี่ยวข้องโดยได้คุยกับผู้รับผิดชอบแล้ว และเร่งรัดให้ดำเนินการซึ่งเชื่อว่าจะสามารถสรุปสำนวนทั้งหมดและเสนอให้คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาและวินิจฉัย ได้ภายในเดือนกันยายนนี้
ส่วนการดำเนินการที่ล่าช้านั้น เพราะมีความเกี่ยวข้องกับเอกสารและพยานหลักฐานที่ต้องขอความร่วมมือจากต่างประเทศ กระบวนการเหล่านี้ มีขั้นตอนทางกฎหมาย จึงทำให้มีความล่าช้าบ้าง ซึ่งคณะอนุกรรมการป.ป.ช.ได้ขอเอกสารไปแล้วและยังอยู่ในกระบวนการ ซึ่งมีเอกสารหลักฐานเพียงพอที่จะสามารถวินิจฉัยสรุปสำนวนได้
เมื่อถามว่าป.ป.ช.จะสามารถสรุปสำนวนได้หรือไม่ หากไม่มีเอกสารหลักฐานจากต่างประเทศ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่าก็ต้องรอจนจะครบถ้วนเพราะเอกสารบางอย่างก็จำเป็น หากขาดเอกสารบางอย่าง การจะวินิจฉัยความเชื่อมโยงก็อาจจะไม่ได้ เมื่อพยานหลักฐานพร้อมเราจะดูในมิติที่ว่าการจัดซื้อจัดหาได้ทำถูกต้องตามระเบียบ และเป็นประโยชน์ต่อทางราชการหรือไม่ ตามที่ได้มีการกล่าวหา โดย ป.ป.ช.ต้องดูให้ครบ
ส่วนเอกสารหลักฐานที่มีอยู่สามารถรวบรวมและสรุปสำนวนได้เลยหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่าได้รับการยืนยันจากผู้ที่รับผิดชอบเรื่องดังกล่าวและมั่นใจว่ากระบวนการที่ทำอยู่ซึ่งมีเวลาประมาณ 3 เดือน น่าจะเพียงพอ ที่จะสรุปสำนวนได้ทั้งหมด
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี