‘ปู่พิชัย’เชื่อปี61ไม่มีเลือกตั้ง แนะ‘ปชป.-พท.’จับมือสู้ทหารทวงคืนประชาธิปไตย ดัน‘ชวน’นำทัพชิงเก้าอี้สส. ด้าน‘มีชัย’ไม่รู้ปี61 มีเลือกตั้งหรือไม่ ส่วน‘บิ๊กตู่’วอนสื่อเสนอแต่สิ่งดี อย่าจับคู่ดีเบตทำผิดเป็นถูก
สถานการณ์การเมืองในช่วงเริ่มต้นปี 2561 ว่าด้วยเรื่องของการ “เลือกตั้ง” ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกมาแสดงความคิดเห็นในหลายแง่มุมอย่างน่าสนใจ โดยเฉพาะการปลุกให้พรรคประชาธิปัตย์ และพรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นมาจับมือกันสู้พรรคทหาร เพื่อทวงคืนประชาธิปไตย ขณะที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ไม่ยืนยันว่าปี 2561 จะมีการเลือกตั้งหรือไม่
‘ปู่พิชัย’เชื่อปี61ไม่มีเลือกตั้ง
ความเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 2 ม.ค.61 นายพิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองปี 61 ว่า ตนเชื่อเหลือเกินว่าปี 61 จะไม่มีเลือกตั้ง โดยก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่า ปชป.จะจับมือทหารตั้งรัฐบาล ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรนั้นตนไม่ทราบ แต่วันนี้ตนอยากเห็นพรรคการเมืองจับมือต่อสู้เพื่อเอาประชาธิปไตยคืนมามากกว่าจะไปร่วมมือกับทหาร วันนี้ตนอายุมากแล้ว คงไม่มีโอกาสได้เห็นประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะดูจากหน้าตารัฐธรรมนูญเหมือนผู้มีอำนาจยังต้องการเป็นรัฐบาลต่อไป โดยมีสว.250 คนมาเป็นกำลังหนุน
หนุนปชป.-พท.จับมือสู้ทหาร-ทวงคืนปชต.
“จึงไม่มีทางอื่นที่พรรคการเมืองจะต่อสู้ได้ พรรคใหญ่ต้องหันหน้ามาจับมือกัน แม้จะเป็นได้ยากมีบาดแผลต่อกัน แต่ต้องทำ ถ้าไม่ทำจะไม่มีทางชนะจัดตั้งรัฐบาลได้ ปชป.กับพรรคเพื่อไทย(พท.) ต้องทำเพื่อสู้ให้ได้ประชาธิปไตยกลับคืนมา เพราะถ้าสู้ในกติกานี้แล้วไม่ร่วมมือกัน อย่างไรก็ไม่มีทางชนะ” นายพิชัย กล่าว
หนุน‘ชวน’นำทัพลุยศึกเลือกตั้ง
นายพิชัย ยังกล่าวถึงการสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป ว่า ที่ผ่านมาตนสนับสนุน นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน เมื่อเขาจากไปตนก็เศร้าใจและเสียใจ เพราะทำให้พรรคขาดกำลังสำคัญ ดังนั้นตอนนี้มองเห็น 4-5 คนที่จะร่วมสู้ศึกเลือกตั้ง มีทั้งนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค , นายบัญญัติ บรรทัดฐาน รองประธานสภาที่ปรึกษาพรรค และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองหัวหน้าพรรค เป็นต้น
“ผมเห็นว่าผู้ที่เหมาะสมที่สุดคือนายชวน แล้วให้นายบัญญัติ นายจุรินทร์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค เป็นรองหัวหน้าพรรค เพื่อขับเคลื่อนพรรค ทีมเวิร์คแบบนี้เป็นสิ่งที่ผมอยากเห็น แม้นายชวนจะอายุมาก แต่ถ้าไม่ใช่นายชวนก็มองไม่เห็นคนอื่น หรือทางอื่นที่พรรคจะได้คะแนนมากกว่าที่คาดไว้” นายพิชัย กล่าว
‘มาร์ค’หวังปี61กลับคืนภาวะปกติ
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองปี 2561 ว่า ในภาพรวมของประเทศ ทางคสช.และรัฐบาลยังยืนยันที่จะเดินตามโรดแมป คือ จะให้มีการเลือกตั้งในเดือนพฤศจิกายน 2561 แต่ความไม่แน่นอนเกิดขึ้นจากไม่อนุญาตให้พรรคการเมืองดำเนินกิจกรรมต่างๆได้ จึงเกิดปัญหาว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายใหม่ได้มากน้อยแค่ไหน และทันกรอบเวลาหรือไม่ จึงคาดว่าช่วงต้นปีนี้ คสช.คงมีความชัดเจนในส่วนนี้ หลังจากนั้นจะชัดเจนขึ้นว่าตารางที่เหลือจะเป็นอย่างไร ถ้าได้เลือกตั้งก็น่าจะอยู่ในช่วงปลายปี 2561 จึงหวังว่าจะเป็นปีที่ประเทศไทยกลับคืนสู่ภาวะปกติ และสิ่งสำคัญคือทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องต้องทำให้การเลือกตั้งเป็นไปด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม
ยืดโรดแมปต้องมีคำตอบให้สังคม
“ขณะนี้ผู้มีอำนาจยืนยันว่าจะเดินตามโรดแมปและนายกฯก็ยืนยันว่าประมาณเดือนพฤศจิกายน ถ้าไม่เป็นไปตามนั้น จะต้องมีเหตุผล มีคำอธิบาย เพราะเป็นสิ่งที่ทั้งประชาชนชาวไทยและสังคมโลก กำลังติดตามดูตลอดเวลา เราก็หวังว่าจะเป็นปีที่ประเทศไทยกลับสู่ภาวะปกติ” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เพื่อไทยจี้‘บิ๊กตู่’ปลดล็อกคืนปชต.
ขณะที่นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย(พท.) ให้สัมภาษณ์กรณี พล.อ.ประยุทธ์ ระบุหากยังมีความขัดแย้ง หรือยังทะเลาะกันอาจต้องคุมสถานการณ์ไว้ก่อน แบบนี้จะทำให้ความน่าเชื่อถือของนายกฯลดลงหรือไม่ ว่า วันนี้มีสถานการณ์อะไรที่ทำให้รู้สึกว่าขัดแย้งกัน ทะเลาะกัน หรือไม่ปรองดองกัน เห็นมีแต่สถานการณ์ที่คิดไปเอง เพราะพวกเรานักการเมืองอยู่กันเรียบร้อยดี อาจจะมีบางคนที่ให้สัมภาษณ์ในลักษณะดุเดือด แต่นั่นก็เป็นบุคลิกส่วนตัว ไม่ใช่การขัดแย้ง ดังนั้นอย่าเอามาอ้างเป็นเงื่อนไข
“อย่าให้การเลือกตั้งตามโรดแมปเลื่อนออกไปอีก หากท่านไม่ปฏิบัติตามที่ท่านพูดไว้บนเวทีระดับโลก จะกระทบต่อความเชื่อมั่นและความเชื่อถือในฐานะที่ท่านเป็นผู้นำ ตนมองว่าการปลดล็อกให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตย เท่ากับเป็นการปลดล็อกให้เศรษฐกิจของบ้านเมืองเดินหน้าไปได้” นายสามารถ กล่าว
‘เต้น’ชี้ปี61การเมืองขึ้นกับโรดแมป
ส่วนนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวถึง การเมืองปี2561ว่า จะเป็นปีที่ทุกฝ่ายจะเห็นภาพชัดเจนว่าใครยืนอยู่ตรงไหน ในมุมของคสช.จะสืบทอดอำนาจหรือไม่อย่างไร ส่วนในมุมของนักการเมืองนั้นใครจะยืนอยู่ข้างผู้มีอำนาจ ทั้งหมดจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น ขณะที่กลุ่มมวลชนทางการเมืองนั้น ถ้าสถานการณ์ยังเป็นไปตามโรดแมปก็คงไม่มีเหตุอะไรที่จะต้องเผชิญหน้ากันระหว่างผู้มีอำนาจกับฝ่ายที่เห็นต่าง ดังนั้นการเมืองปี2561จึงจะขึ้นอยู่กับว่ายังเดินตามโรดแมปอยู่หรือไม่ ซึ่งถ้าไม่ใช่ผู้มีอำนาจคงต้องตอบคำถามกับสังคมด้วย
‘มีชัย’ชี้ปี61ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง
ทางด้านนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวถึงการเมืองในปี 2561 ว่า ขณะนี้กติกาต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้ง โดยเฉพาะร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสส. และการได้มาซึ่ง สว.เสร็จจากกรธ. แต่ยังไม่เสร็จเรียบร้อยในขั้นตอนของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ซึ่งต้องรอดูในตอนนั้นก่อน แต่ไม่ว่าจะอย่างไรปี 2561 เป็นปีที่จะต้องเตรียมการทุกด้านและคงจะชุลมุนวุ่นวายในการทำงานพอสมควร เพราะกลุ่มที่ทำงานด้านปฏิรูปจะต้องเริ่มเสร็จเพื่อทำยุทธศาสตร์ชาติ กระบวนการปฏิรูปและกระบวนการจัดการเลือกตั้งจะต้องเริ่ม
“ขณะที่กกต.ที่กำลังสรรหายังไม่ได้ข้อยุติว่าจะได้ครบ 7คนหรือไม่ ซึ่งความวุ่นวายเหล่านี้ยังไม่นับรวมถึงอุบัติเหตุทางการเมืองที่อาจจะเกิดขึ้นหรืออาจจะไม่มีก็ได้ จึงนิยามว่าปี2561เป็น “ปีแห่งการเปลี่ยนแปลง” แต่กฎกติกาที่ออกมาจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงตามที่คาดหวังแค่ไหนนั้น คงต้องใช้เวลา เพราะคงไม่สามารถพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือในทันที” นายมีชัย กล่าว
ไม่ยืนยันจะมีการเลือกตั้งหรือไม่
ส่วนปี 2561 จะมีเลือกตั้งหรือไม่นั้น นายมีชัย กล่าวว่า ตอบยาก เพราะขึ้นอยู่กับความพร้อมของกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับที่เกี่ยวกับเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้ประกาศใช้แล้ว 2 ฉบับ แต่ดูแล้วทำท่าจะไม่ค่อยพร้อมเท่าไหร่ เพราะมีการปรับเปลี่ยน กกต. และกระบวนการสรรหายังไม่จบและไม่ทราบว่าเมื่อไหร่จะจบ จึงบอกอะไรล่วงหน้าไม่ได้ แต่ทุกฝ่ายได้เตรียมความพร้อมเอาไว้ พร้อมเมื่อไหร่ก็เดินหน้าเลือกตั้งไป ดังนั้นเชื่อว่าหหากการเลือกตั้งช้าลงก็ไม่น่ามีผลกระทบกับการปฏิรูปประเทศด้านอื่นๆ
‘บิ๊กตู่’แนะสื่อเสนอสิ่งดีรับปีใหม่
ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวว่า ในปี 2561 อยากฝากสื่อมวลชนหากไม่มีเรื่องราวสำคัญขอให้เสนอแต่สิ่งดีๆ สิ่งที่เป็นความสุข อย่างน้อยก็ช่วงเวลาปีใหม่ตนเชื่อว่าต่อไปก็จะดีขึ้น ผลการทำงานของรัฐบาลก็จะปรากฎออกมาเรื่อยๆ แต่ยอมรับว่าไม่เร็วเพราะเป็นเรื่องการแก้ปัญหาของประเทศซึ่งหลายอย่างมีความทับซ้อน รัฐบาลต้องรับผิดชอบทุกอย่างและจะพยายามทำให้เร็วขึ้น แต่ถ้าเร็วมากเกินไปจะเสียหาย หลายคนอยากให้แก้เร็วๆ สิ่งที่ตนมุ่งมั่นในปีหน้าว่าจะทำงานให้มากขึ้น
ขอร่วมมือสร้างความปรองดอง
“ผมยืนยันว่าไม่เคยมีปัญหากับสื่อ ขอให้ช่วยกันทำปีใหม่นี้เป็นปีแห่งความสุข เพราะปีที่ผ่านมาเราอยู่ในภาวะเศร้าโศกเสียใจมาตลอดก่อนหน้านั้นก็มีปัญหาความวุ่นวายมาเป็นสิบปี หลังจากปีใหม่ขอให้ช่วยกันคิดว่าเราจะร่วมมืออย่างไร ถือเป็นความปรองดองของคนในชาติ ซึ่งสื่อถือมีส่วนสำคัญ ทำให้ทุกคนสามารถพบปะ พูดคุย ไปมาหาสู่กันได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
อย่าดีเบตเรื่องส่วนตัวทำผิดเป็นถูก
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ปีใหม่นี้อยากให้สื่อมวลชนช่วยกันลดปัญหาการใช้ความรุนแรงในสังคมไทย เพราะบางครั้งการจัดรายการข่าวโดยให้คนโต้เถียงกันในเรื่องเล็กน้อยที่คนไม่กี่คนทะเลาะกัน จะเป็นปัญหาเพราะคนส่วนใหญ่ได้ตัดสินไปแล้วว่าใครถูกผิด จากนั้นเมื่อตำรวจตัดสินก็บอกว่าไม่ตรงตามหลักฐานกลายเป็นว่าตำรวจผิด ดังนั้นสื่อควรระวังการนำเสนอ การนำเสนอแบบนี้ไม่ประเทืองปัญญา เพราะไปให้ความสำคัญกับเรื่องไม่มีสาระ เป็นเรื่องส่วนตัวที่กฎหมายต้องเข้าไปจัดการ แต่เอามาดีเบตทำให้คนผิดกลายเป็นถูก ทำให้กระบวนการยุติธรรมมีปัญหา ซึ่งตนไม่ไปก้าวล่วงสื่อเพราะสื่อมีสิทธิ์ตามปกติ
หวั่นขยายขัดแย้ง! สื่องดตั้งฉายารบ.
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีคำชี้แจงจากผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล เรื่องงดตั้งฉายา รัฐบาล-นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ประจำปี2560 โดยระบุว่า ตามที่ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบฯมีธรรมเนียมปฏิบัติในการตั้งฉายารัฐบาล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรี ในช่วงปลายปี เพื่อสะท้อนการทำงานของคณะรัฐมนตรีในรอบปี แม้รัฐบาลปัจจุบันไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจะบริหารราชการแผ่นดินมานานแล้วกว่า 2ปี แต่จากการหารืออย่างรอบด้าน จึงมีมติงดตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี2560 อักทั้งยังมีข้อจำกัดทางกฎหมายและบรรยากาศการเมืองในภาวะที่ยังถือว่าไม่ปกติ ทั้งยังเห็นว่าหากตั้งฉายาอาจถูกนำไปขยายความขัดแย้ง เชื่อมโยง หรือขยายผลในทางการเมือง จนตกเป็นเครื่องมือของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้
เผยเคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายรัฐบาล
ทั้งนี้ หลักปฏิบัติที่ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาลปฏิบัติสืบต่อกันมาตั้งแต่เริ่มแรกว่าจะไม่ตั้งฉายารัฐบาล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีประจำปี กรณีที่เป็นรัฐบาลรักษาการ ภายหลังนายกฯประกาศยุบสภา หรือกรณีเกิดการเปลี่ยนแปลงจนรัฐบาลยังทำงานไม่ครบปี กรณีรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจหรือรัฐประหารและกรณีสถานการณ์บ้านเมืองที่อยู่ในภาวะไม่ปกติ
สำหรับการงดตั้งฉายาประจำปีเคยเกิดมาแล้วหลายครั้ง อาทิ ปี2549-2550 รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่มาจากการรัฐประหาร ในปี2551 รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ในปี2556 รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากมีการประกาศยุบสภาในปี2557 หรือรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มาจากการรัฐประหาร เป็นต้น
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี