เมื่อวันที่ 16 มกราคม นพ.เหวง โตจิราการ สมาชิกพรรคเพื่อไทย และแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) หรือกลุ่มเสื้อแดง ได้โพสต์แสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊ก “นพ.เหวง โตจิราการ” ถึงกรณีการครอบครองนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ว่า ปรากฏการณ์ “แหวนมารดา นาฬิกาเพื่อน” นั้นเกิดขึ้นจากผู้กุมอำนาจเอง แล้วยังหลงลำพองใจว่า “ไม่มีผลกระทบใดๆ” ต่อพวกเขาแน่นอน เพราะองค์กรที่จะจัดการกับพวกเขานั้น เป็นองค์กรที่ตั้งโดยพวกเขา และได้รับการต่ออายุสืบเนื่องก็จากอำนาจของพวกเขา ดังนั้น“ไม่เห็นจะต้องไปเดือดเนื้อร้อนใจอะไร” แม้ว่าจนถึงขณะนี้ จะปรากฏต่อหน้าสายตาประชาชนจำนวนมากถึง 24 เรือน โดยที่ราคาแต่ละเรือนก็กว่าล้านหรือเกือบล้านทั้งสิ้น
นอกจากนี้ นพ.เหวง ยังแสดงความเห็นกรณี พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ประกาศว่า ประเทศไทยต้องใช้ประชาธิปไตยไทยนิยม ถือเป็นการยืนยันว่า ประเทศไทยต้องเป็นประชาธิปไตยแบบเผด็จการซ่อนรูป เป็นการมองข้ามอำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชาวไทยไปอย่างไม่เห็นหัวประชาชนเลยแม้แต่น้อย แล้วท่านไม่คิดหรือว่า ประชาชนทั้งประเทศที่เคยได้ลองลิ้มชิมรสประชาธิปไตยแท้จริงมาแล้วจะรู้สึกนึกคิดอย่างไร
การยังคงกดหัวพรรคการเมืองนักการเมืองทั้งหมด ไม่ให้ดำเนินกิจการทางการเมืองทั้งที่พรป.พรรคการเมืองได้ประกาศใช้ในราชกิจจานุเบกษาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2560 แล้ว ต่อมาแก้เกี้ยวโดยการใช้อำนาจ ม.44 ออกคำสั่งที่ 53/2560 ออกมา ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายลง เพราะเป็นการประกาศวาระซ่อนเร้นที่ต้องการบั่นทอนพรรคการเมืองที่มีฐานทางการเมืองเรือนแสนเรือนล้านให้เสียหายลงไป เพียงเพื่อให้ตนและพรรคพวกได้มีโอกาสงอกเงยทางการเมืองขึ้นมา
“การประกาศตนเป็นนักการเมืองพร้อมกับอธิบายว่า การเลือกคนนอกเป็นนายกฯเป็นการปิดประตูรัฐประหารในอนาคต โดยไม่เฉลียวใจว่าเหตุการณ์พฤษภาทมิฬเมื่อปี 2535 เกิดขึ้นด้วยเรื่องต่อต้านนายกฯคนนอก แม้รัฐธรรมนูญจะไม่ห้ามก็ตาม ทั้งนี้เพื่อปูทางให้ตนหรือพวกได้มีโอกาสกลับมาเป็นนายกฯต่อเนื่องต่อไปเพื่อสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร ยังเรื่องความไม่ชอบมาพากลจำนวนมากที่พวกของตนได้ดำเนินการไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง การซื้อเรือลำน้ำ เรื่องอผศ. เรื่องเที่ยวบินเช่าเหมาลำพร้อมอาหารหรูเลิศไข่คาร์เวียร์ ซึ่งล้วนจบไปแบบคาใจ การอนุญาตให้บริษัทยักษ์ใหญ่ใช้ป่าสงวนอย่างผิดกฏหมายแล้วก็จบดื้อๆเพียงคืนให้ราชการ เรื่องที่พี่น้องวงศ์วานว่านเครือได้ประโยชน์จากงบประมาณแผ่นดิน การบริหารงานทางเศรษฐกิจที่สร้างความมั่นคั่งร่ำรวย ให้กับองค์กรธุรกิจขนาดยักษ์เพียงไม่ถึงสิบองค์กรแต่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศกลับยากจนข้นแค้นลง”
นพ.เหวง กล่าวว่า ทั้งหมดนี้บ่อนเสาะความแข็งแกร่งของกลุ่มกุมอำนาจลงอย่างทรงพลัง รวมทั้งองคาพยพโดยรอบของพวกเขาก็คลอนแคลนลงมาเป็นลำดับ นี่เป็นบางตัวอย่างของการดำเนินการโดยกลุ่มผู้กุมอำนาจเองทั้งสิ้น ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ก็คือ ความอัดอั้นไม่พอใจของประชาชนกลุ่มต่างๆเริ่มขยายตัวและแสดงออกอย่างไม่อาจจะปิดกั้นได้อีกต่อไป
“แม้ว่าในขณะนี้อำนาจของผู้กุมอำนาจยังกร้าวแกร่งอยู่ก็ตาม ความผุพังอันเกิดจากจากการกัดกร่อนของสนิมเนื้อในตน ยังทะลุทะลวงไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดหย่อน เพราะผู้กุมอำนาจมีความมั่นใจในตนเองว่า สามารถดำเนินการตามประกาศคำสั่ง ม.44 ได้ตามอำเภอใจย่อมไม่อาจจะมีผู้ใดมาระคายเคืองพวกตนได้อีกต่อไป แต่ประวัติศาสตร์การเมืองไทยก็ได้สอนบทเรียนให้กับพวกคณะรัฐประหารคณะแล้วคณะเล่าแล้วว่า เมื่อไปถึงจุดที่ประชาชนไม่ยอมอยู่ภายใต้การปกครองของอำนาจเผด็จการอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงย่อมเกิดขึ้นอย่างแน่นอน คสช.ครับ อย่าให้ไปถึงจุดนั้นเลยครับ” นพ.เหวง ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี