"อภิสิทธิ์" ชี้ปัญหาวันนี้ ไม่ใช่แค่เรื่องของวันเลือกตั้ง ยกเป็นความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อ"รัฐบาล-คสช." หวั่นจะเป็นชนวนเหตุให้ประชาชนออกมาเคลื่อนไหวส่อลุกลามแนะ"บิ๊กตู่" ปรับตัว
15 ก.พ.61 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความไม่แน่นอนของระยะเวลาในการจัดการเลือกตั้งว่า การที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และรัฐบาลพยายามพูดว่า ไม่ได้เป็นคนกำหนดโรดแมปเลือกตั้ง แต่เป็นเพียงคนที่ได้รับอานิสงส์นั้น แต่ตนเห็นว่า คสช. คือคนกำหนด เพราะหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. ไม่ประสงค์จะให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ขยายเวลาการบังคับใช้ร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ออกไป 90 วัน นายกฯ ก็สามารถใช้มาตรา 44 แก้ได้ เพราะก็เคยใช้มาตรา 44 แก้กฎหมายพรรคการเมืองมาแล้ว ตนบอกแล้วว่า คสช.จะตัดสินใจอย่างไร เป็นสิทธิ์ของท่านอยู่แล้ว แต่ประเด็นปัญหานี้เข้าใจว่า ขณะนี้นายกฯ อาจจะไม่รับทราบถึงสิ่งที่มีการท้วงติงว่า เป็นเรื่องอะไร
"วันนี้ประเด็นหลักหมุนกลับมาที่ความน่าเชื่อถือ เนื่องจากว่า 90 วัน หรือจะกี่วัน ก็แล้วแต่ และอาจจะมีการเลื่อนอีก วันนี้ไม่ได้มาเถียงกันแค่ว่ากี่วัน แต่กลายเป็นกระแสขึ้นมา คือความไม่เชื่อถือ และความไม่แน่นอน รวมทั้งคำอธิบายไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น มาอธิบายบอกว่า ที่ต้องมี 90 วัน เพราะว่า พรรคการเมืองจะต้องไปทำไพรมารี่ อย่างไรก็ตาม ตนเรียกร้องความแน่นอน ไม่ได้เรียกร้องให้ตัวเอง แต่เรียกร้องให้ประเทศ เพราะถึงวันนี้แม้แต่ตัวนายกฯ หรือรองนายกฯ เอง กลับพูดอีกว่า ไม่รู้จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกหรือเปล่า
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เมื่อไม่ได้รับคำอธิบาย ไม่มีความชัดเจน จึงนำไปสู่การชุมนุมเรียกร้องซึ่งทำให้เกิดปัญหาขัดคำสั่ง คสช.อีก เพราะเรามีกฎหมายพิเศษใช้อยู่ รวมทั้งพัวพันไปยังเรื่องอื่นๆ ดังนั้นนายกฯ ต้องจับประเด็นให้ถูกว่า ข้อท้วงติงเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดขึ้นต่อไป โดยเฉพาะกรณีของร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.และร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ไม่ใช่แค่เรื่องกำหนดวันเลือกตั้ง แต่ปัญหาอยู่ที่ความเชื่อมั่น และเมื่อมีกลุ่มต่างๆ ออกมาเคลื่อนไหว ซึ่งตนพูดมาเป็นปีแล้วว่า สภาวะการใช้กฎหมายพิเศษนี้ จะนำมาสู่ปัญหาแบบที่เราเผชิญอยู่ในขณะนี้ คือเมื่อไม่มีการผ่อนคลาย ไม่มีการปูทางไปสู่สภาวะปกติ พอถึงจุดหนึ่งก็จะเกิดสภาวะอย่างนี้ พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น จะไม่บังคับใช้กฎหมายก็คงไม่ได้ ครั้นจะบังคับใช้กฎหมายแบบเคร่งครัดก็คงไม่ได้อีกเช่นเดียวกัน เพราะอาจจะนำไปสู่การลุกลามอะไรต่างๆ ได้
"ความจริงการที่เราจะปรับตัวจากวันนี้ไปสู่วันที่มีรัฐบาล หลังการเลือกตั้งจะเป็นใครก็แล้วแต่ แม้แต่จะเป็น พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นนายกฯ เองก็ตาม ซึ่งหลังจากวันนั้นจะไม่มีการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ได้อีกต่อไปแล้ว ผมบอกว่า มันจะกระโดดจากขั้วหนึ่งไปอีกขั้วหนึ่งไม่ได้ ซึ่ง คสช.หรือรัฐบาลปัจจุบัน ยังมีความได้เปรียบอยู่อย่างหนึ่ง คือสมมติว่า พยายามใช้กฎหมายชุมนุมสาธารณะดูแล้วมันไม่สามารถที่จะควบคุมสถานการณ์ได้ ก็ยังมีมาตรา 44 ที่สามารถเอาออกมาใช้ได้อีก แต่ว่า ถ้าเราไม่พยายามผ่อนคลายในบางเงื่อนไขเลย และพยายามจะไปอย่างนี้ก็จะเป็นปัญหา โดยมีคนออกมาร้องเรียนว่า ทำไมกลุ่มนั้นทำได้ กลุ่มนี้ทำไม่ได้ จะวุ่นวายไปหมด" นายอภิสิทธิ์ กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี