"ต่อตระกูล"เดินหน้าชงนายกฯถึงเวลาต้องตัดสินใจปลด"บิ๊กป้อม"พ้นคตช. โดยไม่ต้องรอปปช.ชี้มูล ระบุเป็นเรื่องจริยธรรม ยอมรับอนุกรรมการหลายคนลำบากใจอาจถึงขั้นลาออกหากยังนิ่งเฉย ด้าน"ประมนต์"ออกโรงเตือนประยุทธ์ถ้าไม่เอาจริงเอาจังแก้ทุจริตกองหนุนมีแต่ถดถอย เผยถ้ายังเตี้ยอุ้มค่อมรัฐบาลอาจไปก่อนวาระ
20 ก.พ.61 นายต่อตระกูล ยมนาค ประธานอนุกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติด้านการป้องกันการทุจริต ในคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ให้สัมภาษณ์ยอมรับถึงทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในฐานะประธานคตช.เพื่อตัดสินในอย่างใดอย่างหนึ่งกรณีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม
ทั้งนี้ นายต่อตระกูล ระบุว่า นายกฯสามารถที่จะพิจารณาหรือขอร้องพล.อ.ประวิตรให้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการ คตช.และที่ปรึกษาประธาน คตช.ได้ เพราะท่านมีอำนาจตรงนี้โดยไม่ต้องคิดว่า ต้องรอให้มีการชี้มูลหรือตัดสินความผิดก่อน เพราะกรณีนี้มันเป็นเรื่องของจริยธรรม และจรรยาบรรณ เป็นสิ่งที่นายกฯ ทำได้ เพื่อเป็นตัวอย่าง
"ที่ผ่านมาท่านใช้มาตรา 44 ในการโยกย้ายข้าราชการที่มีแค่ข้อหาออกจากตำแหน่งมาประจำที่สำนักนายกฯ ทำไปหลายร้อยคนแล้ว ดังนั้น นายกฯ ทำได้เลยโดยการขอให้ลาออกหรือพิจารณาให้ออก เพราะตำแหน่งกรรมการ คตช.เป็นเพียงตำแหน่งเล็กๆ" นายต่อตระกูล กล่าว
นายต่อตระกูล ยอมรับว่ามีอนุกรรมการบางคนพูดกันเรื่องจะลาออกจากกรรมการ คตช.ซึ่งไม่ได้มาจากสาเหตุนี้สาเหตุเดียว แต่มีหลายเรื่อง ตอนนี้อนุกรรมการทุกคณะ นั่งรอมา 4 - 5 เดือนกว่าแล้วว่าเมื่อไหร่ คตช.จะนัดประชุม ยอมรับว่าบรรยากาศไม่เหมือนวันแรกๆ ที่พอเราเสนออะไรไป วันสองวันนายกฯ จะเอาเข้า ครม.แต่ตอนนี้ตั้งแต่ปีใหม่ยังไม่มีการประชุมทั้งที่ก่อนหน้านี้ประชุมทุกเดือน
นอกจากนี้ กรณีการถือครองนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร ที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เดิมทีเรานึกว่า ป.ป.ช.คงเต็มที่กับเรื่องนี้ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเหมือนกับทำงานได้ไม่เต็มที่ ทั้งที่ความจริงการตรวจสอบกรณีไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินโดยอ้างว่ายืมมาจากเพื่อนมีกรณีของ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อดีตปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นตัวอย่างอยู่แล้ว
โดยกรณีของนายสุพจน์ นอกจากข้อหาร่ำรวยผิดปกติที่ ป.ป.ช.ชี้มูลแล้ว ในส่วนของรถโฟล์คที่นายสุพจน์ อ้างว่ายืมมา ป.ป.ช.ก็ฟ้องข้อหาไม่แจ้งหนี้สินไปด้วย เพราะการยืมทรัพย์สินราคาแพงมากถือเป็นทรัพย์สินที่ต้องแจ้งทั้งหมด จะอ้างว่ายืมแล้วไม่แจ้งคงไม่ได้ และศาลฎีกาได้ตัดสินแล้วว่า ข้ออ้างเรื่องยืมมารับฟังไม่ได้ ดังนั้น กรณีแบบนี้ไม่น่าจะต้องใช้เวลานาน ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.บอกว่า ปลายเดือน ก.พ.จะเสร็จสิ้น แต่ตอนนี้เหมือนว่า จะยืดเยื้อออกไปอีก
ทางด้าน นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ในฐานะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่ชาติ (คตช.) กล่าวว่า ตนเห็นก็อบปี้หนังสือดังกล่าวแล้ว ถือเป็นข้อคิดได้ว่าถ้าผู้ใหญ่ในรัฐบาลทำอะไรที่ทำให้คนมีความรู้สึกว่าไม่เอาจริงเอาจังในเรื่องนี้แล้ว จะทำให้คนที่ต้องการสนับสนุนถดถอยไปบ้าง
"การออกมาแสดงความชัดเจนของผู้นำรัฐบาลก็เป็นเสียงเรียกร้องของประชาชนมาตลอด ที่ไม่ใช่แค่มีใครในรัฐบาลที่ทำผิดหรือไม่ผิดอย่างเดียว แต่อยู่ที่ว่าการที่เราเป็นผู้นำการแสดงการความเป็นผู้ที่มีจริยธรรม คุณธรรมต้องสูงกว่าที่อื่น เป็นสิ่งที่คาดหวังของคนทั่วไปอยู่แล้ว ในฐานะที่ผมอยู่ในองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันมีพูดคุยและได้สะท้อนส่งสัญญาณออกไปในหลายๆ ประเด็นที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ไปแล้ว" นายประมนต์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะทำอย่างไรไม่ให้ถูกมองแม้นั่งอยู่ใน คตช.แต่ไม่ได้เลือกปฏิบัติในการตรวจสอบ นายประมนต์ กล่าวว่า เราได้ส่งความคิดเห็นผ่านหลายเส้นทางไปแล้ว ทำหน้าที่อย่างเป็นกลางที่สุดในหน้าที่ที่รับผิดชอบ และบนความเหมาะสม ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์ในการตรวจสอบทุจริตไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายตรงข้าม และมีหลายๆ วิธีในการออกมาแสดงจุดยืนที่ชัดเจน ในฐานะองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นก็ได้สะท้อนเรื่องนี้ไปหลายๆ ครั้งแล้ว ถ้าอะไรที่เห็นว่าไม่สมเหตุสมผล
เมื่อถามว่า ยังไม่ถึงขั้นต้องทบทวนบทบาทใน คตช.ใช่หรือไม่ นายประมนต์ กล่าวว่า คนละส่วนกัน ประเด็นการทำหน้ากรรมการ คตช.เป็นประโยชน์ในการใช้กรรมการชุดนั้นทำในสิ่งที่ถูกที่ต้อง ถ้ามีความคิดเห็นไม่ตรงกันในบางเรื่องคิดว่าวิธีการแก้ไขปัญหาคงหาวิธีสื่อเป็นเรื่องๆ ไป
ด้านแหล่งข่าวจาก คตช.ยอมรับว่า กรณีนาฬิกาของพล.อ.ประวิตรทำให้คตช.ทำงานลำบาก และส่วนตัวคิดว่านายกฯ เอง ก็คงจะรู้ดีว่าประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะที่สนับสนุนรัฐบาลอยู่ มีความกังวลใจ และลำบากใจกับเรื่องนี้ ซึ่งนายกฯ เอง ก็คงคิดว่าถึงอย่างไรก็มาด้วยกันแล้ว ก็ต้องไปด้วยกัน ทหารเขาจะเป็นแบบนี้
แหล่งข่าว เปิดเผยด้วยว่า หากไม่มีการดำเนินการใดๆ ก็เชื่อว่าจะมีผลด้านลบกับรัฐบาลแน่นอน เพราะนโยบายเกี่ยวกับการปราบปรามการทุจริตของรัฐบาล เป็นเรื่องสำคัญระดับชาติที่รัฐบาลนี้ก็ให้ความสำคัญอย่างยิ่ง และเป็นนโยบายที่ประชาชนชื่นชมรัฐบาลนี้ แต่รัฐบาลกลับกำลังทำให้ความชื่นชมนี้เสียไป
"การทุจริตมันสะสมจนรัฐบาลลำบาก ต่อไปรัฐบาลจะทำอะไรก็ลำบากแล้ว เพราะประชาชนจะไม่เห็นด้วย เรื่องนี้เป็นเรื่องเซ้นซิทีฟ หากนายกฯยังนิ่งเฉย ปกป้องพวกเดียวกันเอง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็เชื่อว่ารัฐบาลก็อยู่ลำบาก อาจจะไปก่อนครบวาระ 4 ปี" แหล่งข่าวจาก คตช.ระบุ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี