เปิดตัวทีมงาน‘ไพร่หมื่นล้าน’!คนรุ่นใหม่‘ไม่รู้จักทักษิณ ไม่เห็นปชป.อยู่ในสายตา รำคาญประยุทธ์’
13 มี.ค.61 เว็บไซด์ประชาไท เผยแพร่รายงานเรื่อง “เปิดตัว ‘เพื่อนธนาธร’: ประเทศไทยในความฝันคนรุ่นใหม่ อนาคตที่ทุกคนเท่ากัน” พร้อมบทสัมภาษณ์บุคคลที่ถูกระบุว่าเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ได้ร่วมหารือเรื่องอนาคตสังคมไทยกับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รองประธานบริหารกลุ่มบริษัทไทยซัมมิท ที่มีกระแสข่าวว่าจะตั้งพรรคการเมืองใหม่
เนื้อหาโดยสรุปว่า ไม่ว่าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. จะยื้อยุดอย่างไร การเลือกตั้งย่อมต้องมีขึ้นในปีหน้า หลังจากไม่มีการเลือกตั้งระดับประเทศเลยมาเกือบ 7 ปี คนรุ่นใหม่ที่อายุประมาณ 24-25 ปีในเวลานี้ ยังไม่เคยได้ใช้สิทธิการกำหนดชีวิตตนเองผ่านการเลือกตั้งกำลังจะได้ใช้สิทธิ
กว่าทศวรรษที่สูญหายไปในหล่มความขัดแย้ง รัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ แล้วร่างมันขึ้นมาใหม่ เป็นวงจรอุบาทว์ที่คนรุ่นใหม่ที่สนใจการเมืองจำนวนหนึ่งครุ่นคิดกับมันและถึงเวลาต้องตัดวงจร พวกเขาไม่รังเกียจการเมือง การเมืองเป็นเรื่องของทุกคน พวกเขาต้องการการเปลี่ยนแปลง
สำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ได้ร่วมหารือเรื่องอนาคตสังคมไทยกับนายธนาธร ประกอบด้วย นลัทพร ไกรฤกษ์ อายุ 25 ปี เป็นโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงตั้งแต่เด็ก และต้องนั่งวีลแชร์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ข่าวคนพิการ Thisable.me กล่าวว่า เธอสนใจเล่นการเมืองและจะแสดงให้สังคมเห็นว่า คนพิการไม่จำเป็นต้องทำแต่ประเด็นของตนเอง “การจะลงเล่นการเมืองสำหรับเราเป็นอะไรที่ดูท้าทายและดูเจ๋งมาก ลองจินตนาการว่า เราจะไปหาเสียงยังไง แค่เดินออกไปนอกบ้านยังไม่ได้เลย ถ้าเราไปหาเสียงคงจะลำบากคนรอบข้างมากๆ แต่มันจะทำให้คนเห็นถึงปัญหาว่าประเทศไทยต้องการ universal design และเป็นข่าว เกิดเป็นกระแส และคนจะเห็นว่า มันต้องมีการแก้ปัญหา และเป็นกระบอกเสียงให้คนที่เผชิญปัญหาเหมือนเรา”
ไกลก้อง ไวทยการ อายุ 43 ปี จากสถาบันเทคโนโลยีเพื่อสังคม (Social Technology Institute) ผู้มีส่วนผลักดันให้เกิดฐานข้อมูลเปิด หรือ Open Data ในประเทศไทย เหตุผลที่ไกลก้องคิดว่าคนรุ่นใหม่ ควรจะมีบทบาททางการเมืองคือ “เพราะคนรุ่นเก่าทำไม่สำเร็จ คนรุ่นใหม่มีวิธีคิดที่เปลี่ยนแปลงไป มีการสื่อสารที่ไม่ได้มีลำดับขั้นจากบนลงล่าง ไม่ยึดติดกับกฎระเบียบ มีความฝัน คนรุ่นใหม่คิดว่าวันพรุ่งนี้ต้องดีกว่า ผมว่าหลายๆ ประเทศในโลกได้พิสูจน์ให้เห็นว่าคนรุ่นใหม่สามารถบริหารประเทศได้ เป็นผู้นำได้ เราอาจจะเห็นตัวอย่างอย่างทรูดอร์ของแคนนาดา มาครองของฝรั่งเศส หรือโจชัว หว่องในฮ่องกง เขาก็สามารถเข้าสู่การเมืองได้ แม้จะถูกคุกคาม แต่เขาก็สามารถนำเสนออนาคตประเทศที่เขาอยากให้เป็นได้”
เปรมปพัทธ ผลิตผลการพิมพ์ วัย 23 ปี เปรมปพัทธเป็นกรรมการและผู้อำนวยการองค์กร New Ground ประเทศไทย ซึ่งมีความคิดต่อการเมือง ว่า สังคมไทยเคยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย แต่ไม่เคยมีวัฒนธรรมประชาธิปไตย หากคนรุ่นใหม่รู้สึกว่าการเมืองเป็นเรื่องใกล้ตัว ก็อาจสร้างวัฒนธรรมนี้ขึ้นมาได้
อลิสา บินดุส๊ะ อายุ 23 ปี นอกจากเป็นนักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานคริรนทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เธอยังทำงานกับกลุ่มนักกฎหมายอาสา (Law Long Beach) กระบวนการสิทธิมนุษยชน และทีม Buku FC ซึ่งกล่าวว่า “ประเทศที่เราอยากจะอยู่ อันแรกเลยคือประเทศที่ไม่กำจัดใครออกไป เปิดรับคนที่มีความหลากหลาย ในตัวคนคนหนึ่งก็มีความหลากหลาย ไม่ว่าเรื่องศาสนา เพศ ความคิดเห็นทางการเมือง แต่ที่ผ่านมาเราไม่ได้รักษาสิ่งเหล่านี้และเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกับความหลากหลายเหล่านี้ ที่ผ่านมาเราขัดแย้งเพื่อนำไปสู่ความรุนแรงและการไล่ออกไป ไม่ได้นำไปสู่การเรียนรู้เลย เราจึงอยากการเปิดรับความหลากหลายและเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน
“เรื่องที่ 2 เราเท่ากับทุกคน เห็นคนเท่ากันจริงๆ ทุกคนมีเสียงเท่ากัน อยู่ภายใต้ระบบกฎหมายที่มีประสิทธิภาพเหมือนกัน มันเป็นเรื่องสำคัญมากๆ ตอนนี้ที่เป็นปัญหาเพราะเราไม่เท่ากัน จากงานที่เราทำ เรามีโอกาส เรามีพื้นที่เข้าไปแสดงความคิดเห็นในเวทีของรัฐต่างๆ แต่พอเราเข้าไป เราเห็นว่ามีเยาวชนอยู่น้อยมาก ทั้งที่โครงการนั้นส่งผลต่อชีวิตของเราทุกคน ของเยาวชนด้วย ถึงจะไม่ได้ปิดกั้น แต่ไม่ได้เปิดโอกาสให้เราเข้าไปมีส่วนร่วมจริงๆ ไม่มีการส่งเสริม สนับสนุนให้เราเข้าไป แล้วก็ไม่ได้แยแสกับการที่ไม่มีเราเข้าไปด้วย เราอยากเห็นการมองทุกเสียงในสังคมเท่ากัน มีพื้นที่ให้คนทุกคนได้แสดงความคิดเห็น มีส่วนร่วมในการตัดสินใจ คือคนทุกคนเป็นนักการเมืองได้ ยุ่งกับการเมืองได้ เพราะมันส่งผลต่อชีวิต
ษัษฐรัมย์ ธรรมบุษดี อาจารย์วัย 33 ปี จากวิทยาลัยสหวิทยาการ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่กล่าวว่า “คนรุ่นใหม่ที่แบกรับความเสี่ยงมาหลายเจเนอเรชั่น แบกรับความสิ้นหวังมาจากคนรุ่นก่อน และทำให้เราคิดถึงได้แต่เพียงแค่เรื่องตัวเอง มันถึงจุดแล้วที่เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไร เราจะเปลี่ยนเงื่อนไขความเป็นไปได้นี้ให้เกิดขึ้นในเจเนอเรชั่นของเรา ที่ผมให้ความสำคัญกับรัฐสวัสดิการ มันไม่ใช่แค่ผม ผมคิดว่าคนครึ่งโลกกำลังสู้เพื่อสิ่งนี้ ไม่ว่าเขาจะเรียกมันว่าอะไร สังคมที่เท่าเทียม ศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ สู้เพื่อชีวิตที่ดีขึ้น แต่หลักใหญ่ใจความที่รวมทั้งหมดเข้าด้วยกันคือแนวคิดรัฐสวัสดิการ ซึ่งจะทำให้เราเปลี่ยนจากมนุษย์ที่ถูกระบบทุนนิยมทำให้กลายเป็นเครื่องจักรให้กลับมาเป็นมนุษย์มากขึ้น มีศักดิ์ศรีมากขึ้น และมีเสรีภาพในการเลือกมากขึ้น”
วิภาพรรณ วงษ์สว่าง อายุ 25 ปี เจ้าของเพจ Thai Consent และสมาชิกหลักกลุ่ม New Ground ซึ่งมีอาชีพหลักเป็นนักออกแบบกราฟฟิกและบอร์ดเกม ซึ่งอยากให้อาชีพนักการเมืองเป็นสิ่งที่คนธรรมดา ลูกตาสีตาสีก็เข้าถึงได้ และมีโอกาสเท่าเทียมกับคนที่เกิดมาในตระกูลคนร่ำรวย ตระกูลเก่าแก่หรือตระกูลคนที่มีอำนาจ “ทำไมถ้าเกิดมาโดยมีภูมิหลังธรรมดาๆ เราคงจะฝันอย่างมากว่า อยากจะเป็นหมอหรือข้าราชการ แต่เราจะไม่ฝันเป็นนักการเมือง แล้วคนที่จะฝันเป็นนักการเมืองได้ คือคนที่มีภูมิหลังบางอย่าง เช่น มาจากครอบครัวคนรวยหรือครอบครัวที่อยู่ในอำนาจ เราอยากให้มันเป็นเหมือนอาชีพๆ หนึ่ง ที่ลูกชาวบ้านเข้ามาได้ ไม่อย่างนั้นการเมืองจะอยู่ในวังวนกงสีทางการเมือง”
กฤตนัน ดิษฐบรรจง อายุ 20 ปี ขณะนี้กำลังศึกษาชั้นปริญญาตรีที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงและเป็นแกนนำกลุ่มเยาวชนอาสา ทำงานกับกลุ่มวัยรุ่นผู้ติดเชื้อเอชไอวี กล่าวว่า คนรุ่นใหม่อย่างพวกเขาพร้อมกระโดดลงมาเล่นการเมือง และไม่มองว่าพวกเขาเด็กเกินไปแต่อย่างใด “คนรุ่นเก่าชอบมองพวกเราคนรุ่นใหม่ว่าเป็นตัวปัญหา เช่น ปัญหาเด็กหนีเรียน เด็กมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร เด็กท้องไม่พร้อม ต่างๆ นานา และจัดการปัญหานั้นมาจากความคิดแบบผู้ใหญ่มองเด็ก ที่มีแต่มองว่าเด็กเป็นตัวปัญหา และใช้วิธีการแบบสั่งสอน ผมว่ามันน่าจะมีวิธีการแก้ปัญหาที่ดีกว่านี้”
ฑิตฐิตา ซิ้มเจริญ นักเขียนและนักแปลฟรีแลนซ์ วัย 24 ปี ซึ่งเชื่อว่าคนรุ่นใหม่จะสามารถต่อสู้กับแนวคิดทางการเมืองแบบเก่าได้ผ่านการสื่อสารบนโลกออนไลน์ และความคุ้นชินกับการใช้เทคโนโลยีทางการสื่อจะทำให้คนกลุ่มนี้สามารถก่อรูปความคิดคนในสังคมตามแบบที่พวกเขาต้องการได้
เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร อายุ 29 ปี อาชีพทำธุรกิจส่วนตัวและมัคคุเทศก์ ซึ่งกล่าวว่าการก้าวออกมาเป็นอีกคนหนึ่งในกระแสคนรุ่นใหม่ที่สนใจการเมือง เพราะต้องการผลักดันความคิด ความฝันของตน เขาให้เหตุผลว่า “ผมทนไม่ไหวแล้ว ผมเลยต้องออกมาเอง คนรุ่นใหม่อาจจะเป็นใครก็ได้ที่อยากเป็นตัวแทนกลุ่มของเขา อยากเล่นตามกฎ นี่คือคนที่มีแนวคิดทางการเมืองใหม่ จะไม่พึ่งอะไรแบบเดิมๆ แล้ว”
ภูวกร ศรีเนียน นักจัดรายการทีวีและนักรณรงค์การเมือง อายุ 45 ปี ซึ่งกล่าวว่า ในฐานะที่เคยคลุกคลีอยู่ในวงการการเมืองมาก่อน ภูวกร มองว่าคนรุ่นเขามักมั่นใจในความคิดของตัวเอง จนลืมมองหาจุดร่วม และประโยชน์ของสังคม แต่คนรุ่นใหม่เป็นคนที่ปราศจากการครอบงำแบบเก่าๆ เป็นกลุ่มคนทีมีพลังบวกสูงและกล้าได้กล้าเสีย คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่ที่เขารู้จักมีแนวคิดทางการเมืองแบบ “ไม่รู้จักทักษิณ ไม่เห็นประชาธิปัตย์อยู่ในสายตา และรำคาญประยุทธ์” ซึ่งเป็นแรงผลักดันให้พวกเขาอยากเห็นการเมืองแบบใหม่ ที่คนเห็นต่างสามารถอยู่ร่วมกันได้ ซึ่งตัวเขาเองรู้สึกว่าการเมืองรูปแบบนี้เริ่มมีความเป็นไปได้เมื่อเราไม่พูดถึงทักษิณ
“ผมรู้สึกเหมือนกับว่าพอเราถอดทักษิณออกไป ระบบความคิดของคนอีกฝั่งเริ่มเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น อย่างเช่นเรื่องนาฬิกาหรูหรือกรณีคุณเปรมชัย มันค่อนข้างจะชัดเจน หลายคนเริ่มไม่ได้คิดว่าทักษิณเป็นปัญหาของการเมืองไทยอีกต่อไป ผมไม่ได้บอกว่าทักษิณไม่ดี แต่ผมคิดว่าพอเราไม่พูดถึงเขาแล้วความคิดคนในสังคมมันเข้ารูปเข้ารอยมากขึ้น”
ขอบคุณภาพและข่าวจาก เว็บไซด์ประชาไท
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี