คสช.จับตาศิษย์5พระเถระ
สกัดปลุกม็อบ!
พศ.ยื่นฟันเงินทอนอีก7วัด
ศธ.จ่อเด้งบิ๊กลอตล้างโกง
หมอธีชี้ปมMoeNetมีมูล
ชง‘ปปช.-ปปท.’ขยายผล
“บิ๊กฉัตร” เต้นเตรียมหารือ “สุวพันธุ์” หลังมีพระผู้ใหญ่ใน มส. ถูกกล่าวหาเอี่ยวทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม ย้ำเรื่องละเอียดอ่อนต้องรอบคอบ ด้าน คสช. จับตาเข้มกลุ่มพระ-ลูกศิษย์ 5 พระเถระ สกัดเคลื่อนไหวปลุกม็อบผ้าเหลือง ขณะที่ผอ.สำนักพระพุทธฯเตรียมแจ้งความ ปปป. เช็คบิลแก๊ง “เงินทอน” ล็อต 3 อีก 7 วัด จับตา ศธ. ล้างท่อเด้งขรก.ทุจริตล็อตใหญ่ “หมอธี” สรุปผลสอบ MoeNet มีมูลชง ป.ป.ช.--ป.ป.ท.-สตง.ขยายผล
มีความเคลื่อนไหวหลังพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.) เข้าแจ้งความต่อกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ให้ดำเนินคดีทุจริตเงินทอนวัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) 3 แห่ง 4 สำนวน โดยมีการกล่าวหาพระชั้นผู้ใหญ่ 5 รูปเกี่ยวข้องด้วย และป.ป.ป.ส่งสำนวนให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)พิจารณาตั้งอนุกรรมการไต่สวนนั้น
เมื่อวันที่ 18 เมษายน พล.ต.ต.กมล เหรียญราชา ผบก.ปปป.เปิดเผยว่า พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติประสานมาพบพ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ ผกก.(สอบสวน) กก.1 บก.ปปป. เวลา 10.00 น.วันที่ 19 เมษายน เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษ คดีเงินทอนวัดล็อต 3 ที่เหลืออีก 7 วัด
ด้านพ.ต.อ.ปัญญากล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนพยานหลักฐานคดีเงินทอนวัดล็อต3นั้น พศ.และบก.ปปป. รวบรวมพยานหลักฐานทำงานร่วมกันมานานแล้ว ขณะนี้พ.ต.ท.พงศ์พรยังไม่ได้ประสานเลื่อนนัด คาดว่าจะมาตามเวลานัดหมายที่เคยประสานไว้ โดยผอ.พศ.จะมาร้องทุกข์กล่าวโทษดำเนินคดี 7 วัดเหลือตามขั้นตอนกฎหมาย
ขณะที่ พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลงานของสำนักงานพระพุทธศาสนาฯให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดทั้งหมด ตั้งใจว่าจะพูดคุยกับนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลพศ.ก่อน เพื่อสอบถามรายละเอียดข้อเท็จจริงว่ามีความเป็นมาอย่างไร แล้วค่อยดูว่าจะเชิญผอ.พศ.มาสอบถามหรือไม่อีกครั้ง เพื่อให้ผอ.พศ.ได้ชี้แจง ขณะนี้นายกฯทราบเรื่องแล้ว และให้เดินหน้าต่อไปตามกฏหมาย เรื่องนี้เกี่ยวกับความศรัทธา เป็นเรื่องละเอียดอ่อนต้องระวัง และรอบคอบที่สุด ต้องใช้หลักฐานข้อมูลที่ถูกต้องสมบูรณ์ ขอเวลสักานิด
ส่วนพล.ต.ปิยพงศ์ กลิ่นพันธุ์ ทีมโฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)กล่าวถึงกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.เป็นห่วงจะมีกลุ่มพระสงฆ์และศิษยานุศิษย์ที่เลื่อมใสพระเถระ 5 รูปออกมาเคลื่อนไหว หลังผอ.พศ.แจ้งความเอาผิดกับปปป.คดีทุจริตเงินอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมว่า ยังไม่พบความเคลื่อนไหวใดเป็นพิเศษ แต่คสช.ติดตามดูอยู่ เพราะมีหน้าที่สนับสนุนการบริหารงานของรัฐบาล รักษาสภาวะแวดล้อมให้ทุกอย่างเดินตามโรดแม็ป แต่ถ้าพบความเคลื่อนไหว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะเข้าไปดูแล อย่างไรก็ตาม ไม่กังวลจะมีการนำเรื่องศาสนามาจุดประเด็นเคลื่อนไหว เพราะทุกอย่างว่าตามข้อเท็จจริง หลักฐาน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องชี้แจงให้ประชาชนทราบข้อเท็จจริง สื่อมวลชนก็ต้องช่วยนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องด้วย
ความเคลื่อนไหวปราบทุจริตในส่วนกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) นั้น นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า ได้รายงานให้นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ทราบถึงการดำเนินการตามมาตรการป้องกันและปราบทุจริตในระบบราชการของคสช. โดยในส่วนสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) มีผู้เกี่ยวข้องต้องถูกดำเนินการตามมาตรการดังกล่าว 31 ราย แบ่งเป็น ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) 5 ราย โดยให้ออกจากราชการไว้ก่อน 1 ราย ให้ออกจากพื้นที่ 3 ราย ให้มาประจำส่วนราชการ 1 ราย
ตำแหน่งรองผู้อำนวยการ สพท. 5 ราย ให้ออกจากราชการไว้ก่อน 2 ราย และให้ออกจากพื้นที่ 3 ราย ตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษา 14 ราย ให้ออกจากราชการไว้ก่อนทั้งหมด ตำแหน่งครู 1 ราย ให้ออกจากราชการไว้ก่อน และตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษา 5 ราย ให้ออกจากราชการไว้ก่อน 1 ราย และให้ออกจากพื้นที่ 4 ราย โดยในส่วนที่เป็นอำนาจเลขาธิการ กพฐ.ลงนามในคำสั่งคือ ตำแหน่งผู้อำนวยการ สพท. รองผู้อำนวยการ สพท.นั้น ตนลงนามแล้ว ส่วนที่เหลือจะส่งให้นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัด ศธ.แจ้งให้ศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) ในฐานะหัวหน้าส่วนราชการลงนามต่อไป
นายบุญรักษ์กล่าวด้วยว่า การใช้มาตรการของคสช.ครั้งนี้ถือเป็นการล้างท่อ กรณีให้ออกจากราชการไว้ก่อนคือ มีคำสั่งศาลว่าทำผิดจริง หรือคณะกรรมการสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรง สรุปโทษเพื่อเสนอคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เห็นชอบให้ลงโทษแล้ว ส่วนการให้ย้ายออกจากพื้นที่คือ ผ่านการสืบสวนแล้ว มีข้อมูลชัดเจนว่ามีแนวโน้มทำผิดจริง จึงให้ย้ายออกจากพื้นที่ และอยู่ระหว่างสอบสวนวินัยอย่างร้ายแรงแต่ยังไม่สรุปผล
“คนที่ถูกใช้คำสั่งตามมาตรการคสช.ครั้งนี้ ส่วนใหญ่เป็นเรื่องทุจริตประพฤติมิชอบ กับทำผิดระเบียบพัสดุและระเบียบการเงินการคลัง ทำให้ราชการเสียหาย โดยทั้ง 31 รายนี้ เป็นอำนาจการพิจารณาของ สพฐ. ส่วนในพื้นที่อยู่ระหว่างรอข้อมูลจากสพท.และเตรียมนัดประชุมกับศธจ.เพื่อดำเนินการตามาตรการดังกล่าว”นายบุญรักษ์กล่าว
วันเดียวกัน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ(รมว.ศธ.) แถลงความคืบหน้าผลการตรวจสอบทุจริตของศธ.ทั้งหมดว่า ในการสืบสวนข้อเท็จจริงการเช่าสัญญาณอินเตอร์เน็ตในระบบ MoeNet ของศธ. ได้ข้อสรุปว่า มีมูลทุจริตจริง เพราะมีการเสนอสินบนให้นายประเสริฐ บุญเรือง รองปลัดศธ. ซึ่งนายประเสริฐแจ้งให้ตนทราบตั้งแต่ปลายปี 2560 ว่า ถูกเสนอให้รับสินบนเพื่อต่อสัญญาการใช้ MoeNet ซึ่งนายประเสริฐเข้ามาดูแลในฐานะรองปลัด โดยที่ยังไม่เคยเห็นสัญญา ซึ่งตัวนายประเสริฐ ต้องการให้มีการจัดซื้อจัดจ้างที่ถูกต้อง แต่กลับถูกเจ้าหน้าที่ข่มขู่ว่า หากไม่เซ็นต่อสัญญา จะทำให้โรงเรียนกว่า 3 หมื่นแห่งทั่วประเทศไม่มีอินเตอร์เน็ตใช้ โดยนายประเสริฐยืนยันว่าไม่ได้เซ็นต่อสัญญา และขอให้จัดซื้อจัดจ้างอย่างถูกต้อง ดังนั้น ตนถือว่านายประเสริฐ ไม่ได้โกง และเข้ามาเป็นพยานให้คณะกรรมการสืบสวนฯ นำมาสู่การปรับเปลี่ยนนโยบายการเช่าสัญญาณอินเตอร์เน็ต โดยให้โรงเรียนสามารถเลือกเช่าสัญญาณอินเตอร์เน็ตได้เอง
ทั้งนี้ ในส่วนของข้าราชการศธ. ระดับ7 ที่พาบริษัทเอกชนเข้ามาเสนอสินบนนั้น เบื้องต้นย้ายออกจากหน้าที่เดิมไปแล้ว และยังได้กล่าวหา อดีตข้าราชการผู้ใหญ่ ทั้งรองปลัด และปลัด ศธ. ซึ่งไม่รู้คนไหนรับสินบนด้วย ดังนั้น กรณีนี้มีมูล ที่กล่าวหากัน ผมถือว่าการสืบสวนฯนี้จบสิ้น และจะส่งข้อมูลทั้งหมดให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) สืบสวนต่อไป นอกจากนี้ ตนจะส่งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ตรวจสอบว่ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างถูกต้องหรือไม่
นพ.ธีระเกียรติ กล่าวต่อว่า สำหรับความคืบหน้า การสืบสวนข้อเท็จจริงการทุจริตเงินกองทุนเสมาพัฒนาชีวิตนั้น ตนให้นายอรรถพล ตรึกตรอง ผู้ตรวจราชการศธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง มารายงานความคืบหน้าในที่ประชุมผู้บริหารศธ.วันที่ 19 เมษายนนี้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี