“นายกฯบิ๊กตู่” แจงยิบนำหลักวิชาเศรษฐศาสตร์ ข้อมูลข้าราชการประชาชน แก้เศรษฐกิจ ลั่นถ้ายกเลิกกองทุนน้ำมันอย่างนายกฯบางคนคิด คงไม่มีเงินนำมาพยุงราคาน้ำมันแล้ว วอนอย่าดูแค่เรตติ้ง ต้องดูไส้ในด้วย ชี้ทุกอย่างมีขึ้นมีลง ย้ำไม่ได้รังแกใคร แต่พวกโพสต์บิดเบือนตัวเลขเศรษฐกิจโตขึ้นแค่ 2 เปอร์เซ็นต์อย่าอ้างไม่รู้แชร์ต่อผิดหมด
28 พ.ค. 61 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า วันนี้กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในประเทศให้ฟัง อย่าบอกว่า รัฐบาลดูแต่ตัวเลข ฟังแต่ข้าราชการ เพราะหากเราไม่มีตัวเลข ไม่มีการประเมินเหล่านี้ แล้วจะบริหารได้อย่างไร ต้องบริหาร 2 ทาง ทั้งหลักวิชาการและเศรษฐศาสตร์ ข้อมูลทางข้าราชการ และการรับฟังความเดือดร้อนจากประชาชน
"เอาทั้ง 2 ส่วนมาประมวลวิเคราะห์ แล้วหามาตรการไปแก้ไขปัญหา สิ่งที่รายงานวันนี้ การส่งออกขยายตัวร้อยละ 12.3 เดือนเม.ย. ขยายตัวถึง 7.1 ซึ่งดีขึ้นพอสมควรขยายตัวอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 14 ทั้งในส่วนของรถยนต์ อุปกรณ์ส่วนประกอบคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ส่วนประกอบเม็ดพลาสติก น้ำมันสำเร็จรูป การส่งออกสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร หลายรายการก็กลับมาขยายตัวที่สูงขึ้น อะไรที่ดีๆไม่บอกให้ผม เอาแต่ที่เสียๆมา แต่ที่เสียก็ต้องแก้ ไม่ใช่มีแต่ดีอย่างเดียว ไอ้ที่เสียก็เป็นธรรมดา เพราะตลาดโลกเป็นอย่างนี้ก็ต้องแก้ปัญหาให้ได้" นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า อย่างเช่นน้ำมันก็ใช้กองทุนน้ำมัน บางรัฐบาลบอกจะยกเลิกกองทุนน้ำมัน หากวันนี้ยกเลิกแล้วจะทำอย่างไร ตอนที่ตนเข้ามา
กองทุนน้ำมันก็ติดลบอยู่ วันนี้จะมีใช้อยู่หรือเปล่าก็ยังไม่รู้ หากมีการยกเลิกกองทุนน้ำมัน หากตนไม่สะสมให้ถึงวันนี้ จะมีเงินมาแก้ไขปัญหาตรงนี้ไหม ราคาก๊าซ ราคาน้ำมันก็ขออย่าให้บิดเบือนกันต่อไป วันนี้ก็อยู่ในราคาที่ปกติ เพราะรัฐบาลเข้าไปดูแลราคาขาย ดีเซลไม่เกิน 30 บาทต่อลิตร แต่ยังมีคนบอกว่า ยังแพงอยู่ มันจะแพงได้อย่างก็เข้าไปพยุงราคาให้แล้ว
"กองทุนน้ำมันอยู่ที่ 31,056 ล้านบาท เขาก็ประมาณการณ์ไว้แล้ว ถ้าใช้ไม่มากก็พอพยุงได้ไปถึงสิ้นปี ใครที่เคยบอกว่า จะยกเลิกกองทุนน้ำมันไปดูว่า นายกฯคนไหนที่เคยพูดไว้ ผมไม่รู้ถ้าวันนี้เลิกไป จะทำอย่างไร มันก็ต้องมีมาตรการ เราไม่ได้ไปใช้อย่างอื่น" นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้สถานการณ์โลกทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า มีปัญหาจากประเทศมหาอำนาจหลายประเทศ รวมถึงสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลีต้องไปติดตามกันต่อไป เพราะมีความเกี่ยวพันกับประเทศอื่นๆ เพราะเราอยู่ในประเทศใบเดียวกัน ประเทศไทยก็เป็นส่วนหนึ่งในโลกใบนี้ เราก็ต้องทำให้ภายในประเทศสงบสุข มีเสถียรภาพมากยิ่งขึ้น
"ผมให้ความสำคัญกับเป็นเศรษฐกิจระดับล่าง อยากให้ทุกคนร่วมมือกัน คนจน คนที่มีรายได้น้อย ต้องพัฒนาตัวเองให้ได้ อย่างไรก็ต้องไปดูช่องทางที่รัฐบาลทำออกไป สัปดาห์ที่แล้วที่ผมชี้แจงไปและเขียนกลอนในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ผมมีความเป็นห่วงใยจริงๆ แต่ก็ไม่ค่อยฟังกัน คิดว่า ไม่เกี่ยวข้องกับตัวเอง มันเกี่ยวทั้งหมด แม้กระทั่งการขึ้นทะเบียนผู้มีรายได้น้อยรอบใหม่ คนรอบเก่าก็มาลงทะเบียนมากขึ้น ผมถามว่า ทำไมรอบแรกไม่ลงกัน เพราะไม่สนใจคิดว่า ไม่ได้อะไร พอเขาได้ขึ้นมาก็ร้องเรียนว่า ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ตรงนี้คือสิ่งใหม่ๆที่รัฐบาลทำมา ก็ขอให้สื่อช่วยทำความเข้าใจด้วยว่า เราจะทำให้ประเทศเดินหน้าไปอย่างไร" นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรื่องเรตติ้งต่างๆก็มีความสำคัญ บางอย่างมีขึ้นมีลง ต้องไปดูไส้ในว่า มีอะไรเกี่ยวข้องบ้าง บางอย่างก็ดีขึ้น บางอย่างเท่าเดิม บางอย่างเราก็พัฒนาช้า เพราะเราอาจเริ่มต้นช้าไป เพราะมีการตั้งกติกาใหม่ขึ้นมา ทำให้คะแนนถ่วงลง ตนไม่ได้แก้ตัวตรงนี้ แต่ขอให้ระมัดระวังหน่อย
"ใครที่มาพูดว่า เศรษฐกิจเพิ่มแค่ 2 เปอร์เซ็นต์ ระวังหน่อยเป็นการบิดเบือน ผิดกฎหมาย ถ้าไม่ใช่ล่ะ ก็เตือนทุกคนนะ อย่ามาหาว่า ผมไปรังแกใคร ผมพูดไว้ก่อนตรงนี้ การโพสต์ต่างๆออกมาแล้ว อ้างว่า ไม่รู้ อ้างว่า โพสต์ต่อจากคนอื่น กฎหมายเขียนไว้ทุกตัวแล้วใครทำก็ผิดหมด ผมทำผมก็ผิด ถ้าผมไปบิดเบือน ถ้าผมโกหกท่านว่า มันขึ้นเท่านี้ ทั้งที่จริงขึ้นเพียงเท่านี้ ผมก็ผิด ผมทำไม่ได้ เขาก็ต้องเคารพกติกาตัวนี้" นายกรัฐมนตรี กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี