‘พท.-ปชป.-อนค.’ชูธง
แก้รธน.ปี’60
ปลดกับดักประเทศไทย
แนะตั้งสสร.ยกร่างใหม่
ผ่านประชามติของปชช.
ลั่นต้องจัดกาบัตรโดยเร็ว
‘ไพบูลย์’ให้ทน5ปีจะชอบ
3พรรคชูธงแก้ไขรธน.ฉบับปี’60 “อ๋อย” ซัดยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี-แผนปฏิรูปเป็นกับดักประเทศไทย ทวงรีบปลดล็อก-เลือกตั้งโดยเร็วพร้อมกำหนดวันแน่นอน ขณะที่ “มาร์ค” แนะขอเสียงปชช.ออกมาเป็นมติหวั่นวุ่นวายกลับไปสู่สถานการณ์เดิม ด้าน “ธนาธร” หนุนต้องรื้อฉบับของทหาร ตั้ง “ส.ส.ร.” ร่างใหม่ผ่านมติปชช.ในขณะที่“ไพบูลย์”แนะให้เดินตามกติกา อดทนอีกแค่ 5 ปี แล้วจะชอบเอง
เมื่อวันที่ 14มิถุนายน คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.)ท่าพระจันทร์ จัดงานเสวนาหัวข้อ “อนาคตประชาธิปไตยไทย ข้ามพ้นกำดักความหวัง” เนื่องในโอกาสครบรอบ 69 ปี การสถาปนาคณะรัฐศาสตร์ โดยเชิญ 4 ตัวแทนนักการเมืองมาร่วมเสวนา คือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่(อนค.)และนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป
โดย นายจาตุรนต์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มีความพยายามใดๆที่จะสร้างความปรองดอง ไม่พยายามแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ไม่มีการเอาข้อเสนอฝ่ายต่างๆ มาพิจารณาและไม่เชิญทุกฝ่ายมาหารืออย่างเท่าเทียม เป็นกับดักในปัจจุบันไม่ใช่กับดักนักการเมือง แต่เป็นกับดักประเทศไทย โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) สร้างขึ้น คือ ทำให้คนไทยรู้สึกว่าขาด คสช.ไม่ได้
‘อ๋อย’ชี้ยุทธศาสตร์20ปีกับดักปท.
‘กับดักประเทศไทย คือ ยุทธ์ศาสตร์ชาติ 20ปีและแผนปฏิรูปประเทศ ซึ่งรัฐธรรมนูญปี60 กำหนดให้รัฐบาล องค์กรของรัฐ ต้องทำตามแผนฯ หากไม่ทำจะถูกยื่นถอดถอนต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) และมีความผิดทางอาญา หาก คสช.กลับมาเป็นรัฐบาลกับดักที่คสช.วางไว้ก็จะอยู่ต่ออีก 20ปี ส่งผลทำให้ประเทศปรับตัวไม่ทันโลก ปัญหาจะตกไปยังลูกหลาน ดังนั้น การขจัดความขัดแย้ง ต้องแก้ด้วยกระบวนการยุติธรรม” นายจาตุรนต์ กล่าว
จี้เลือกตั้งเร็ว-บอกวันที่แน่นอน
นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า ข้อเสนอของ พท.ในการปลดกับดักประเทศไทย คือ ให้กำหนดวันเลือกตั้งโดยเร็ว ระบุวันที่แน่นอน หลังกำหนดวันเลือกตั้ง คสช.ต้องไม่ใช้มาตรา 44 ก่อนเลือกตั้ง 3เดือน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีทั้งหมดต้องลาออก ให้ปลัดกระทรวงทำหน้าที่แทน โดยใช้มาตรา169 ที่ห้ามแต่งตั้งโยกย้าย หรืออนุมัติงบประมาณ ยกเลิกคำสั่ง คสช.ที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรมและประมวลกฎหมายอาญาและเพื่อป้องกัน คสช.สืบทอดอำนาจ
ปลุกทุกพรรคชูธงแก้ไขรธน.ปี60
“พท.ยืนยันจะไม่สนับสนุนนายกฯ คนนอก ขณะที่ทุกพรรคการเมืองต้องมุ่งแก้ไขรัฐธรรมนูญปี60 โดยประกาศเป็นนโยบายที่ชัดเจน ซึ่งพท.จะแก้ไขทั้งฉบับและเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม พรรคจะแก้ไขและยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติ 20ปีและแผนปฏิรูปด้วย’ นายจาตุรน์ กล่าว
‘มาร์ค’หนุนแก้รธน.-คำสั่งคสช.
ด้าน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่เราน่าจะคิดตรงกันคือ อยากให้ประเทศยคืนสู่ระบอบประชาธิปไตย 4ปีที่ผ่านมาผู้มีอำนาจวางกับดักโดยการใช้วิธีจำกัดสิทธิเสรีภาพ เพื่อป้องกันความขัดแย้ง นี่คือสิ่งที่ตนถอดรหัสมาจากสิ่งที่ นายจาตุรนต์ พูดและเห็นด้วย ซึ่งแม้ปัจจุบันเราจะมีรัฐธรรมนูญและกฎหมายลูกที่จะใช้สำหรับการเลือกตั้งแล้ว แต่คำสั่งต่างๆของ คสช.กลับทำให้ไม่สามารถเดินไปตามกฎหมายต่างๆ ได้ ทั้งที่บอกว่ามีโรดแมป แต่การเดินตามตรงนี้ยังติดขัดด้วยคำสั่ง คสช.ต่อมาคือ กระบวนการเลือกตั้งที่จะทำให้ประชาธิปไตยสมบูรณ์ได้ ต้องเริ่มต้นอย่างเสรีและเป็นธรรม แต่คำถามเกิดขึ้นว่า เราจะจัดการเลือกตั้งที่เที่ยงธรรมได้จริงหรือ เพราะเคยมีคำสั่งปลด กกต.ไปแล้วครั้งหนึ่ง มีคำถามว่า กกต.ที่จะจัดการเลือกตั้งจะทำหน้าที่ได้อย่างเที่ยงธรรมมากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ ผู้มีอำนาจที่เคยประกาศตัวว่า จะเป็นกรรมการกลับลงมาเป็นผู้เล่นเสียเอง อีกอย่างคือ สว.250คน ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งจะมีอำนาจเลือกผู้นำรัฐบาล สามารถใช้อำนาจสวนทางความต้องการของประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้ง
ระดมเสียงปชช.ป้องกันวุ่นวาย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า เราต้องรักษาสถาบันที่คอยตรวจสอบถ่วงดุล คนที่อาสาเข้ามาเลือกตั้งครั้งนี้หากมีข้อเสนอที่ดีกว่ายุทธศาสตร์ชาติ เสนอไปเถิดและต้องทำให้ได้ เพราะคุณได้รับอำนาจจากประชาชนแล้ว คุณต้องทำให้ได้ ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ใช่รัฐธรรมนูญฉบับถาวร วันหนึ่งต้องมีการแก้ไข แต่หากเรากระโดดไปที่เรื่องนี้เลย ตนกลัวว่าเราจะเข้าไปติดกับดักเดิม คุณต้องบอกให้ได้ว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาชีวิตที่ดีกว่าของประชาชนได้อย่างไร แล้วระดมพลังของคนในสังคมไปแก้ไข แต่ถ้าเราตั้งไว้ว่าจะต่อกรแตกหักกับรัฐธรรมนูญฉบับนี้ตั้งแต่ต้น เกรงว่าเราจะก้าวเข้าไปติดกับดักเดิม
หวั่นคสช.แทรกแซงผ่าน’กกต.’
อย่างไรก็ตาม สส.ที่อยากแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ในสภาอย่างไรก็เกิน 376เสียง ตรงนี้ไม่ใช่ปัญหา แต่กติกาที่เขียนไว้ในเรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญตรงนี้ต่างหากที่เป็นปัญหา การจะต้องทำประชามติอีก 2-3 ครั้ง จะทำให้ประชาชนไม่มากับเรา เพราะยังไม่มีหลักประกันให้ประชาชนว่า การแก้รัฐธรรมนูญนั้นไม่ใช่การแก้เพื่อตนเอง ทั้งนี้ทางออกจากกับดัก เช่น 1.การปลด หรือเลิกคำสั่ง คสช.ควรทำให้เร็วที่สุด ตนยืนยันมาตลอดว่า การทำกิจกรรมต่างๆของพรรคการเมืองแล้วจะไปกระทบความมั่นคง ตนมองไม่เห็นจริงๆ 2.คสช.ต้องทำให้เกิดความชัดเจนและความมั่นใจจริงๆว่า จะไม่มีการใช้อำนาจใดๆไปแทรกแซงการทำหน้าที่ของ กกต. 3.คสช.ต้องชัดเจนกับประชาชนว่า เจตนารมณ์ของท่านจะเอาอย่างไร ประกาศตัวมาให้ชัด แล้วแข่งขันกันอย่างเป็นธรรม วุฒิสภาจะฝืนเสียงข้างมากในสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชนไม่ได้ 4.ยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปสองพันกว่าหน้า มีการอ้างถึงยุทธศาสตร์ชาติ ทั้งที่ยุทธศาสตร์ชาติยังไม่ประกาศเลย ไม่ต้องไปพูดถึงว่า จะมีอุปสรรคแค่ไหนอย่างไรเลย เราต้องให้ประชาชนเป็นผู้ชี้ทิศทางของประเทศ เราควรทำให้ประชาชนยอมรับด้วยความสบายใจ
‘ธนาธร’ต้องแก้รธน.ฉบับทหาร
ขณะที่ นายธนาธร กล่าวว่า ตนขอเสนอเพื่อก้าวพ้นกับดัก คือ เราต้องสร้างฉันทามติให้ได้ก่อนโดยการมีส่วนร่วมของประชาชน ตนมองว่า สส.และสว.หากอยากให้สังคมออกจากความขัดแย้ง แล้วเล่นตามรัฐธรรมนูญซึ่งเขียนโดยทหารนี้ พรรคการเมืองที่เป็นฝ่ายประชาธิปไตยทั้งหมดเสียงรวมกันต้องได้ 376เสียง เพื่อเป็นรัฐบาล จากนั้นขอมติจากประชาชนในการแก้รัฐธรรมนูญ จากนั้นตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีกครั้ง แล้วทำประชามติรับหรือไม่รับรัฐธรรมนูญอีกครั้ง จะชนะและนำสังคมกลับมาเป็นประชาธิปไตยได้โดยไม่เกิดความวุ่นวาย ถ้าอยากได้ จะชนะได้ต้องร่วมกัน
‘ไพบูลย์’ไม่แก้-ทน5ปีแล้วจะชอบ
นายไพบูลย์ กล่าวว่า ประชาธิปไตยของแต่ละคนมองกันคนละอย่าง ตนไม่อยากพูดเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ใครจะแก้ก็แก้ไป แต่ตนมีความหวังที่จะเห็นการเลือกตั้งที่หลากหลาย มีพรรคต่างๆเข้าไป ส่วนจะก้าวข้ามกับดักอย่างไรนั้น ตนเห็นแต่อนาคตที่ดี ท่านต้องมองทุกอย่างด้วยความหวัง ตนเห็นว่าเราจะเข้าสู่โหมดนิติรัฐ เราจะเป็นสังคมที่ใช้กฎหมาย วันข้างหน้ากฎหมายก็ถอยไม่ได้ กฎระเบียบต่างๆก็ออกมาหมดแล้ว อีก 5ปีข้างหน้า เขาวางให้ สว.มาคุม สังคมไทยเราจะเดินไปได้ แม้จะไม่ถูกใจใครแต่จะเดินไปได้ และตนคิดว่าทุกอย่างต้องเดินหน้าตามรัฐธรรมนูญ กฎระเบียบที่ออกมาจะทำให้พรรคการเมืองทุกพรรคเกิดการปฏิรูปและได้พรรคการเมืองที่ดีขึ้น ขอให้ท่านทนไป 5ปีและเมื่อท่านทนได้แล้วท่านจะชอบ
‘วิษณุ’ร่วมถกปูทางสู่เลือกตั้ง
วันเดียวกัน นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีเข้าประชุมร่วมกับผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) และกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อหารือเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้ง คำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พรป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง อาทิ นายศุภชัย สมเจริญ ประธานกกต. พร้อมด้วย กกต.3คน คือ นายธีรวัฒน์ ธีรโรจน์วิทย์ นายบุญส่ง น้อยโสภณ นายประวิช รัตนเพียร และพ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการกกต.ขณะที่ กรธ.ส่ง นายธนาวัฒน์ สังข์ทองและนายอภิชาต สุขัคคานนท์ เข้าร่วมหารือ ส่วน สนช.ส่ง นายวิทยา ผิวผ่อง ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สส.ร่วมประชุม
กกต.แนะใช้ม.44เลิกคำสั่งคสช.
โดย นายจรูงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. กล่าวว่า นายวิษณุจะพูดคุยเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรคต่างๆ เกี่ยวกับการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นกับพรรคการเมืองและแนวทางต่างๆที่จะนำไปสู่การเลือกตั้งว่า มีอย่างไรบ้างเพื่อหาทางออกร่วมกัน จะหารือปลดล็อคพรรคการเมืองที่เป็นอุปสรรคและพรรคการเมืองมีปัญหาอย่างเรื่องไพมารีโหวต ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่ปฎิบัติได้ยาก แต่พรรคใดจะทำได้หรือไม่ได้ ทุกอย่างอยู่กับสมาชิกพรรค ที่ไม่ต้องส่งสมาชิกลงครบทุกเขตการเลือกตั้งก็ได้ ซึ่ง กกต.ต้องการให้ทางพรรคการเมืองจัดการประชุมพรรคโดยเร็วและจะนำข้อเสนอเข้าที่ประชุม โดยทีมงานของ นายวิษณุ จะเก็บข้อมูลไปหาทางออกต่อไป
อย่างไรก็ตาม มองว่า คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่53/2560 มีความเป็นไปได้ที่จะพิจารณาปลดล็อคเป็นรายข้อและคิดว่าทางออกที่เป็นไปได้คือ อาจใช้มาตรา44 เพื่อปลดล็อคคำสั่งดังกล่าวและน่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด
‘บิ๊กป้อม’เตรียมถกนักการเมือง
ด้าน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีจะนัดพรรคการเมืองมาหารือเกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยจะนั่งหัวโต๊ะเป็นประธานการหารือด้วย ว่า คงได้พูดคุยกันหลายเรื่องและต้องรอกฎหมายลูก 2ฉบับด้วย เมื่อถามว่า หลังพูดคุยจะทราบผลชัดเจนใช่หรือไม่ว่าจะมีการปลดล็อคเรื่องอะไรบ้าง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ใช่ หลังคุยกันครั้งแรกแล้ว ภายหลังร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ(พรป.)ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.และพรป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งส.ว.ผ่านแล้วก็จะนัดพูดคุยกับพรรคการเมืองอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้มีหลายคนให้ความสนใจพรรคพลังประชารัฐ ที่มองว่าเป็นพรรคของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ที่จะมาสนับสนุนให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯต่อไป โดยเฉพาะนายอนุชา นาคาศัย อดีตสส.ชัยนาท พรรคไทยรักไทย ที่ประกาศว่า จะมีข่าวดีเร็วๆ นี้ รวมถึงยังมีกลุ่มของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา ก็สนใจเข้าร่วม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ทราบ ไม่รู้ ใครตกลงกับใครไม่รู้และตนไม่ได้อยู่พรรคพลังประชารัฐ ใครบอกว่าเป็นพรรคของ คสช.ใครพูดอย่างไรก็ไปถามคนนั้น ไม่ต้องมาถามตน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี