"สุเทพ"เผยหลังคสช.ปลดล็อก เตรียมเดินสายพบปชช. แจงเหตุตั้งพรรค"รปช." อ้างเวลานี้ทำได้แค่สื่อสารผ่านเฟซบุ๊ก พร้อมชวนคนมีอุดมการณ์ตรงกันร่วมตั้งพรรค
11 ก.ค.61 ที่อาคารทูแปซิฟิค เพลส นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ผู้ร่วมก่อตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) และในฐานะประธานคณะทำงานด้านรณรงค์เชิญชวนประชาชน ให้มาร่วมเป็นเจ้าของพรรค ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว "Suthep Thaugsuban (สุเทพ เทือกสุบรรณ)" ว่า หลังจากที่ได้เชิญชวนพี่น้องประชาชนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน มีแนวความคิดทางการเมืองเดียวกัน มาร่วมกันจัดตั้งพรรคการเมืองของประชาชน ที่เรียกว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทย และได้บอกไปผ่านทางเฟสบุ๊กส่วนตัวไปแล้วนั้น ได้มีประชาชนจำนวนหนึ่งถามถึงการจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้วอย่างไร ตนจึงขอบอกเป็นข้อมูลว่า สำหรับประชาชนที่มีอุดมการณ์เดียวกันว่า เราได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยในขั้นตอนแรก ได้นำรายชื่อของผู้ที่แสดงความจำนง เป็นผู้ร่วมจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไปยื่นจดแจ้งจองชื่อกับทาง กกต.เมื่อวันที่ 25 พ.ค.61 ที่ผ่านมา หลังจากนั้นเราได้จัดประชุมผู้มีเจตจำนงร่วมกันจัดตั้งพรรคและผู้สนับสนุนที่มหาวิทยาลัยรังสิต เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.61 ที่ผ่านมา
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า เดิมที่เราตั้งใจว่า หลังจากที่เราประชุมกันวันที่ 3 มิ.ย.แล้ว ตนในฐานะที่เป็นผู้ได้รับมอบหมายให้ไปรวบรวมบรรดาประชาชนที่มีอุดมการณ์เดียวกัน เชิญชวนให้มาร่วมจัดตั้งพรรค มาเป็นเจ้าของพรรคหรือที่ทั่วๆ ไปว่า สมาชิกพรรคก็ตั้งใจว่าจะเดินทางไปเยี่ยมประชาชนในทุกจังหวัด แบบค่ำไหนนอนนั้น จัดวงสนทนาปราศรัยทางการเมืองอธิบายถึงความจำเป็นที่ต้องสร้างพรรคการเมืองของประชาชนขึ้นมา โดยตั้งใจว่าจะออกเดินทางให้ทั่วทั้ง 77 จังหวัด คิดว่าต้องใช้เวลาประมาณ 80 - 90 วัน ซึ่งเมื่อทำอย่างนั้น ก็เชื่อมันว่า จะมีพี่น้องประชาชนที่มีความคิด มีอุดมการณ์อย่างเดียวกันจำนวนมาก จะได้รับข้อมูลโดยตรงจากตนและคณะที่ได้ออกไปเยี่ยม และคงจะได้มาร่วมกันจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยขึ้นมา
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ขณะนี้มีข้อกฎหมายและคำสั่ง คสช.ซึ่งยังไม่อนุญาตให้มีการเคลื่อนไหวทางการเมือง หรือมีการชุมนุมทางการเมือง จึงต้องมีการปรับเปลี่ยนขั้นตอนวิธีการทำงานใหม่โดยใช้ช่องทางโซเชีลมีเดีย โดยสื่อสารผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัว ในการทำความเข้าใจ และรายงานความคืบหน้าในการจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยให้ได้ทราบ และเพื่อที่จะไม่เสียโอกาส หรือไม่ให้เกิดความล่าช้า ในการจัดตั้งพรรคให้มีความสมบูรณ์ตามข้อบังคับกฎหมาย ก็ต้องใช้วิธีอย่างนี้ และเมื่อใดที่ คสช.อนุญาตให้จัดการชุมนุมทางการเมือง หรือประชุมทางการเมืองได้ เวลานั้นก็จะออกเดินทางไปเยี่ยมพี่น้องประชาชนตามจังหวัดต่างๆ อีกครั้งหนึ่ง
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ในระยะนี้ได้รวบรวมผู้ที่มีอุดมการณ์ และแนวคิดเดียวกันได้ 400 กว่าคนแล้ว ที่จะเป็นผู้ริริ่มในการจัดตั้งพรรค โดยตกลงกันว่าเราจะเสียสละเงินคนละ 5 หมื่นบาท เพื่อเป็นทุนประเดิม ในการจัดตั้งพรรค เอาคนที่มีอุดมการณ์จริงๆ มีความรักชาติ รักบ้านเมือง มีความปรารถนาที่จะเห็นพรรคการเมืองของประชาชนเกิดขึ้นอย่างแท้จริง มาร่วมมือกันก่อนและคิดว่าภายในเดือนนี้ เราจะรวบรวมได้เกินกว่า 500 คน ซึ่งเป็นเกณฑ์เกณฑ์ที่กฎหมายพรรคการเมืองกำหนด หลังจากนั้นประมาณต้นเดือน ส.ค.เข้าใจว่า คงจะเป็นช่วงสัปดาห์แรกๆ ก็จะจัดให้มีการประชุมผู้ร่วมจัดตั้งพรรคทั้ง 500 กว่าคน เพื่อที่จะเลือกคณะผู้บริหารพรรค ชุดที่จะมาทำหน้าที่ในการดำเนินการในทางการเมืองในระยะแรกขึ้นมาก่อน จะได้มีความเป็นพรรคที่สมบูรณ์ตามกฎหมาย หลังจากการประชุมและเลือกคณะผู้บริหารแล้ว เราก็จะไปจดทะเบียนให้ถูกต้องครบถ้วนตามบทบัญญัติของกฎหมาย และหลังจากนั้น ก็จะพยายามที่จะประชาสัมพันธ์ บอกกล่าวกับพี่น้องทั้งหลายว่า ในระหว่างที่ยังไม่สามารถออกไปเยี่ยมเยียนพี่น้องตามจังหวัดต่างๆ พี่น้องก็สามารถที่จะแสดงความจำนงสมัครมาเป็นสมาชิกพรรค หรือเป็นเจ้าของร่วมในพรรคการเมืองของประชาชนในพรรคนี้ได้ โดยผ่านทางอินเตอร์เน็ต ที่ตนจะบอกให้ทราบเป็นระยะๆ ต่อไป เวลานี้ก็ใช้ช่องทางนี้ เชิญชวนพี่น้องประชาชนมาร่วมกันเป็นผู้ร่วมจัดตั้งหรือผู้ก่อตั้งพรรคกันก่อน และถ้าสนใจติดต่อมาได้ทางเว็บไซต์และเฟซบุ๊กของตนได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี