“บิ๊กตู่”นำครม.สัญจรชุมพร-ระนอง เน้นวางแผนพัฒนาภาคใต้รอบด้าน ทั้งระบบขนส่ง เพิ่มศักยภาพการค้าชายแดน การลงทุน ท่องเที่ยว เพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร ไปจนถึงคุณภาพชีวิต ชี้ใต้มีศักยภาพหลายด้าน หน้าที่รัฐบาลต้องเข้าไปต่อยอด เหน็บไม่ใช่ใช้หาเสียง ขณะที่“สอท.”ลุ้นที่ประชุมไฟเขียวแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ หรือ SEC พร้อมผุดท่าเรือน้ำลึกชุมพรหวังเพิ่มยกระดับการส่งออกในพื้นที่
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเตรียมพิจารณาข้อเสนอการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทยและอันดามันระหว่างการลงพื้นที่ตรวจราชการและประชุมคณะรัฐมนตรีนอกสถานที่วันที่ 20 - 21 สิงหาคมนี้ ที่จ.ระนองและชุมพร โดยประเด็นหลักที่จะพิจารณาคือ 1. การพัฒนาระบบโลจิสติกส์เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรม การค้าการลงทุน และการค้าชายแดน เช่น การก่อสร้างและพัฒนาถนนเลียบชายฝั่งอ่าวไทย (Thailand Rivera) การก่อสร้างเส้นทางรถไฟสายใหม่ พัฒนาท่าเรือ ขยายสนามบินหาดใหญ่
2. การพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยว เช่น ส่งเสริมความปลอดภัยแหล่งท่องเที่ยว ยกระดับและพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยว 3.การยกระดับการผลิตและสร้างมูลค่าเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร เช่น จัดตั้ง Oil Palm City จัดตั้งเมืองนวัตกรรมและออกแบบไม้ยางพารา 4. การพัฒนาคุณภาพชีวิต เช่น ส่งเสริมการเป็นศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ และสร้างความเข้มแข็งของชุมชน (OTOP Academy) 5.การพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เช่น ขุดลอกร่องน้ำ แก้ปัญหาอุทกภัย จัดหาแหล่งน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค
สำหรับการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรีวันที่ 20 สิงหาคม ที่จ.ระนอง จะติดตามผลการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและแพทย์ทางเลือก (บ่อน้ำพุร้อน) การพัฒนาท่าเรือและการฟื้นฟูท้องทะเลโดยใช้ปะการังเทียม ส่วนที่จ.ชุมพร จะติดตามการบริหารจัดการน้ำ เพื่อแก้ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง และการจัดสรรน้ำเพื่อการเกษตร รวมทั้งการส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ทั้งนี้ นายกฯเน้นย้ำว่า ภาคใต้มีศักยภาพและโอกาสพัฒนาหลายด้าน จึงเป็นภารกิจหน้าที่ของรัฐบาลที่จะลงไปช่วยต่อยอดและสนับสนุนให้ชาวใต้ใช้ศักยภาพที่มีอยู่เต็มที่ เพื่อพัฒนาสังคมชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น ไม่ใช่ลงไปเพื่อประโยชน์ทางการเมืองหรือหาเสียงแต่อย่างใด
ด้านนายเกรียงไกร เธียรนุกูล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ส.อ.ท.ภาคใต้หารือกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อสนับสนุนข้อมูลด้านต่างๆ ให้หน่วยงานรัฐโดยเฉพาะสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.)นำไปประกอบการทำแผนพัฒนาภาคใต้ที่อาจยกระดับเป็นแผนพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคใต้ (SEC) ในการประชุมครม.สัญจรครั้งนี้ SEC ต่างกับเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC ) เพราะจะเน้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจเดิมที่มีอยู่ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าเกษตร บริการและท่องเที่ยว เพื่อยกระดับรายได้ ซึ่งเอกชนพร้อมสนับสนุนและเห็นว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการสร้างระบบเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ให้ทั่วถึง
ขณะที่นายกิจก้อง ตันติจรัสวโรดม ประธาน ส.อ.ท.ภาคใต้กล่าวว่า ภาคเอกชนสรุปแนวทางเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว โดยเห็นว่าแนวคิดทำกรอบการพัฒนา SEC เป็นเรื่องดี เพราะเน้น
เชื่อมโยงเพิ่มมูลค่าให้สินค้าเกษตร ประมง การท่องเที่ยวในพื้นที่เป็นหลัก ชูพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ(ไบโออีโคโนมี) ที่ต่อยอดจากอุตสาหกรรมปาล์ม เพื่อสร้างความยั่งยืนให้เกษตรกรผู้เพาะปลูก
นายกิตติ กิตติชนม์ธวัช ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดชุมพร กล่าวเพิ่มเติมว่า เอกชนต้องการให้รัฐสนับสนุนให้เกิดการลงทุนท่าเรือน้ำลึกชุมพร ซึ่งก่อนหน้าบรรจุไว้ในแผนของกรมเจ้าท่าแล้วแต่ชะลอออกไป ทั้งนี้ เห็นว่าท่าเรือนี้จะเป็นประโยชน์มาก คุ้มค่ากับการลงทุน เพราะจะใช้เม็ดเงินลงทุนประมาณกว่า 1,000 ล้านบาท มีความลึกระดับ 10 เมตร จะเป็นท่าเรือที่สนับสนุนท่าเรือกรุงเทพและแหลมฉบัง เกื้อหนุนท่าเรือจ.ระนอง เป็นการยกระดับส่งออกสินค้าเกษตรในพื้นที่เป็นอย่างดี รวมถึงอาหารแปรรูปสินค้าประมงที่มีศักยภาพ ในส่วนประมงต้องการให้รัฐปรับระเบียบที่กำหนดให้ห้ามทำการประมงข้ามฟากนั้น สามารถให้ชุมพรและระนองโยกย้ายข้ามฟากกันได้
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี