“วสันต์”ติงตลก.ชุดเก่า
สุกเอาเผากินคดีสมัคร
ทำคำวินิจฉัยคนไม่เข้าใจ
นักวิชาการชี้วิกฤติศาลฯ
สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ จัดโครงการสัมมนาสื่อมวลชน ประจำปี 2556 โดยมีการอภิปรายในหัวข้อ”การรักษาดุลยภาพทางการเมืองของศาลรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย”ที่โรงแรมนาน่า รีสอร์ท แอนด์สปาจ.เพชรบุรี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม
การสัมนาในหนนี้มีนักวิชาการ นักสื่อสารมวลชน และตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ นำโดยนายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ร่วมสัมนา รับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะ พร้อมกับได้ชี้แจงในหลายเรื่อง
ช่วงหนึ่งนายประสงค์ เลิศรัตนวิสุทธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันอิศรา อดีตนายกสมาคมนักข่าวแห่งประเทศ ไทย แสดงความเห็นว่า ที่ผ่านมาประชาชนยังคงสับสนและบางครั้งก็มีการต่อต้านการทำหน้าที่ของศาล อาทิคำวินิจฉัยที่ให้ นายสมัคร สุนทรเวช พ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรี กรณีทำรายการ”ชิมไปบ่นไป”โดยมีการอ้างถึงพจนานุกรม
ในเรื่องนี้ นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวยอมรับว่า บางครั้งศาลรัฐธรรมนูญ ก็มีการใช้สำนวนโวหายที่เข้าใจยาก เป็นการนำถ้อยคำและรูปแบบของศาลยุติธรรมมาใช้ ซึ่งจำเป็นต้องตั้งทีมโฆษกมาช่วยอธิบายความและสื่อสารกับประชาชน
“บางครั้งคำวินิจฉัยของศาลก็เป็นแบบ “สุกเอาเผากิน” อย่างกรณีการทำอาหารของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี คำวินิจฉัยที่ออกมาเป็นคำวินิจฉัยที่ใช้ไม่ได้ เพราะโดยหลักการแล้วต้องวินิจฉัยข้อเท็จจริงให้ได้ข้อยุติก่อนว่ามีการรับเงินจริงหรือไม่ และเข้าข่ายเป็นลูกจ้างหรือพนักงานหรือไม่ แต่ในกรณีนั้นกลับนำข้อกฎหมายขึ้นมาพิจารณาก่อน พอประชุมลงมติเสร็จก็พยายามแถลงคำวินิจฉัยกลางให้ได้ในบ่ายวันนั้น สุดท้ายแล้วคนก็เข้าใจแค่ว่าทำกับข้าวแล้วผิดกฎหมาย ซึ่งตุลาการแต่ละคนเห็นข้อบกพร่องที่เกิดขึ้น และพยายามแก้ไขด้วยการพิจารณาก่อนว่าในคำร้องนั้นๆ มีแนวทางวินิจฉัยกี่แนวทาง แล้วก็เขียนคำวินิจฉัยกลางแต่ละแนวทางขึ้นมาเป็นตุ๊กตาเอาไว้ก่อน จากนั้นตุลาการแต่ละคนจะไปอ่านสำนวนแล้วเขียนคำวินิจฉัยส่วนตนมาเสนอในที่ประชุมตุลาการเพื่อลงมติ มติออกมาตรงกับแนวทางใดก็นำคำวินิจฉัยกลางในแนวทางนั้นมาปรับปรุงถ้อยคำแล้วแถลงต่อสาธารณชน” ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าว
นอกจากนี้ประธานศาลรัฐธรรมนูญยังห่วงใยถึง สาเหตุที่ประชาชนเกิดความเข้าใจคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณายากขึ้น ทั้งยังระบุว่า บางครั้ง สื่อมวลชนไม่ได้มีการนำเสนอผลการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ อาทิ ล่าสุดที่ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาวินิจฉัยสั่งยุบพรรคชีวิตที่ดีกว่า และวินิจฉัยชี้ว่าพ.ร.บ.ความร่วมมือระหว่างประเทศในทางอาญา พ.ศ. 2535 มาตรา41 ขัดกับรัฐธรรมนูญ นั้น ทั้งที่เรื่องทั้งสองเป็นกรณีที่สำคัญ
นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ รองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมอภิปรายด้วยว่า ศาลรัฐธรรมนูญกำลังตกที่นั่งลำบาก เพราะขณะนี้สถานการณ์ทางการเมืองไม่ปกติ ทำให้เกิดปัญหาเรื่องการไม่เคารพกติกา และไม่ยอมรับการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญในการรักษาดุลยภาพระหว่างสถาบันทางการเมืองกับองค์กร, กลุ่มการเมือง หรือกลุ่มมวลชนของพรรคการเมือง สิ่งที่ดีที่สุดที่สามารถทำได้คือ การทำความเข้าใจกับประชาชน โดยอาศัยกลไกของสื่อและกลไกของสถาบันทางการเมืองอื่นที่ยึดโยงกันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายบริหาร ฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ หน่วยงานด้านความมั่นคง และสถาบันการศึกษา มาช่วยกันทำความเข้าใจกับกลุ่มการเมืองหรือกลุ่มมวลชน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในประเด็นที่ประธานศาลรัฐธรรมนูญ วิจารณ์คำวินิจในคดีของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ระบุเป็นคำวินิจที่ใช้ไม่ได้นั้น ทางนายเรืองไกร ลีกิจวรรณะ อดีต สว.สรรหา ในฐานะผู้ยื่นคำร้อง ตรวจสอบการดำรงตำแหน่งนายกฯของนายสมัครในคดีนี้ ได้นำไปขยายความทันที
โดยนายเรืองไกร ให้สัมภาษณ์ว่า เป็นการแสดงความเห็นส่วนตัวของนายวสันต์คนเดียว ที่เป็นการพูดนอกศาล ทั้งนี้ ถ้าเห็นว่าคำวินิจฉัยของนายวสันต์ผิดพลาดจริง คณะตุลาการอีก 8 ท่าน ที่ร่วมลงมติเป็นเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 ในการตัดสินคดีครั้งนั้น จะมีความเห็นว่าคำวินิจฉัยนั้นผิดพลาดเช่นเดียวกับนายวสันต์หรือไม่ ถ้าคณะตุลาการทั้งหมดเห็นตรงกันว่าผิดพลาดก็สมควรกลับคำวินิจฉัย คืนตำแหน่งให้นายสมัคร และออกมาขอโทษประชาชน
อย่างไรก็ตามตนขอฝากให้นายวสันต์ทำหน้าที่ในฐานะประธานศาลให้ถูกต้อง และถ้ารู้ตัวว่าผิดจะแสดงความรับผิดชอบอย่าง โดยเฉพาะในขณะนี้ที่สังคมมีการกังขาในการใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญกันอย่างกว้างขวาง
ต่อมาในเย็นวันเดียวกัน นายวสันต์ สร้อยพิสุทธิ์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ กล่าวชี้แจงภายหลังกรณีที่มีข่าวว่าตนได้พูดในงานเสวนา"การรักษาดุลยภาพทางการเมืองของรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย" โดยระบุถึงคำวินิจฉัยในคดีของนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี ในคดีจัดรายการอาหาร"ชิมไปบ่นไป "ว่า ตนไม่ได้หมายความว่าคำวินิจฉัยในเรื่องดังกล่าวนั้นใช้ไม่ได้ แต่สิ่งที่มองว่าใช้ไม่ได้เป็นเรื่องของรูปแบบการเขียนคำวินิจฉัยไม่ใช่เนื้อหาของคำวินิจฉัยที่ตกเป็นข่าวแต่อย่างใด เพราะในการวินิจฉัยครั้งนั้นเมื่อตุลาการแถลงคดีด้วยวาจาเสร็จ ก็นำผลดังกล่าวมาเขียนในคำวินิจฉัยกลางทันที ดังนั้นในเรื่องของรูปแบบการร้อยเรียงของคำวินิจฉัยเลยออกมาดูไม่ดี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี